รวม 10 เหตุการณ์แห่งความทรงจำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

รวม 10 เหตุการณ์แห่งความทรงจำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

รวม 10 เหตุการณ์แห่งความทรงจำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกอังกฤษ คือหนึ่งในลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แถมในเรื่องของความสำเร็จระดับภูมิภาค พวกเขาก็สามารถทำผลงานได้ดีด้วยคว้าแชมป์สโมสรยุโรปสองรายการใหญ่ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูโรปา ลีก) มาครองได้ถึง 6 จาก 20 ครั้งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

แถมตลอดช่วงทศวรรษลีกสูงสุดเมืองผู้ดียังมีเหตุการณ์สำคัญ ๆ เกิดขึ้นมากมาย และวันนี้เราจะพาผู้อ่านทุกท่าน ฉลองครบรอบ 10 ปี 90Min ด้วยการย้อนกลับไปชม 10 โมเมนต์แห่งความทรงจำของ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่เรารวบรวมมาให้ โดยจะมีเหตุการณ์ใดบ้าง ตามไปดูกัน...

รูนีย์ ลังกายิงเฉือน เรือใบManchester United's English striker WaynManchester United's English striker WaynManchester United's English striker Wayn / ANDREW YATES/GettyImages

เริ่มกันที่ต้นปี 2011 ในเกมแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่เมืองแมนเชสเตอร์ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังจาก นานี ยิงขึ้นนำให้ ปีศาจแดง ในนาทีที่ 41 แต่แล้ว ดาบิด ซิลบา มายิงตีเสมอให้ เรือใบสีฟ้า ในนาทีที่ 65 จนกระทั่งนาทีที่ 78 จากลูกเปิดของ นานี บอลทำท่าจะย้อนหลัง รูนีย์ ไปแล้ว แต่เจ้าตัวกลับกระโดดตีลังกายิงบอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปอย่างสุดสวย ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นลูกยิงแห่งความทรงจำประตูหนึ่งของทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ พรีเมียร์ลีก เลยก็ว่าได้

แมนฯ ซิตี้ แชมป์ประวัติศาสตร์ 100 แต้มFBL-ENG-PR-SOUTHAMPTON-MAN CITYFBL-ENG-PR-SOUTHAMPTON-MAN CITYFBL-ENG-PR-SOUTHAMPTON-MAN CITY / GLYN KIRK/GettyImages

ในปี 2018 เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้จัดการส่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้กลายเป็นทีมชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ด้วยการคว้าแชมป์มาครองด้วยคะแนนเกิน 100 แต้มเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ โดยในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล กาเบรียล เชซุส ยิงประตูสำคัญในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ทีมเฉือนชนะ เซาแธมป์ตัน 0-1 ส่งท้ายด้วยการชูถ้วย 100 คะแนนถ้วน ทิ้งห่างอันดับสองอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองถึง 19 แต้มด้วยกัน

ปีศาจแดง อัด ปืนใหญ่ พังยับ 8-2The scoreboard displays the 8-2 score-liThe scoreboard displays the 8-2 score-liThe scoreboard displays the 8-2 score-li / ANDREW YATES/GettyImages

ฤดูกาล 2011-12 เกมที่เรียกว่าแฟน ๆ ปืนใหญ่ แทบจะหาซื้อปี๊บกันไม่ทันหลังจากพวกเขาบุกไปโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อัดไม่ไว้หน้า 8-2 จมดินชนิดหมดคราบความเป็นทีมใหญ่กันเลยทีเดียว ซึ่งนั่นกลายเป็นเกมที่ อาร์เซนอล พ่ายแพ่อย่างหมดรูปมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรนับตั้งแต่ปี 1927 เลยทีเดียว

ฝันร้ายของ เซาแธมป์ตันFBL-ENG-PR-MAN UTD-SOUTHAMPTONFBL-ENG-PR-MAN UTD-SOUTHAMPTONFBL-ENG-PR-MAN UTD-SOUTHAMPTON / LAURENCE GRIFFITHS/GettyImages

การพ่ายแพ้ในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ถึง 9-0 ว่าน่าอับอายแล้ว แต่การโดนแบบเดิมซ้ำถึง 2 ครั้งจะเรียกว่าฝันร้ายสุด ๆ เลยก็ว่าได้ โดยในปี 2019 พวกเขาโดน เลสเตอร์ จัดหนักไม่พัก 9 ประตู แถมช่วงต้นปีที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาซ้ำร้อยแผลเก่าอีก 9 ตุง ทำให้หลังเกม ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล นายใหญ่ของ ทัพนักบุญ ตอบกลับสื่อเลยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "มันยอดเยี่ยมสุด ๆ ! แล้วพวกคุณคิดว่าผมรู้สึกยังไงกันล่ะ"

ของขวัญสั่งลา เรือใบ จากใจ กอมปานีVincent Kompany, Bernardo SilvaVincent Kompany, Bernardo SilvaManchester City v Leicester City - Premier League / Laurence Griffiths/GettyImages

ฤดูกาล 2017-18 เป็นปีที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องขับเขี้ยวกับ ลิเวอร์พูล แย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างหนัก แถมปีนั้นยังเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ แวร์ซอง กอมปานี กัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่ของ เรือใบสีฟ้า อีกด้วย แม้ว่าปีนั้นโอกาสลงสนามของเขาจะค่อนข้างจำกัด แต่ก่อนจากเขาก็จัดการมอบของขวัญชิ้นสำคัญให้กับสโมสรที่เขาค้าแข้งมาอย่างยาวนานด้วยประตูสำคัญในเกมนัดรองสุดท้ายที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งการยิงไกลสุดสวยประตูนั้นเป็นประตูชัยให้ทีมเบียด หงส์แดง เป็นแชมป์ด้วยคะแนนที่ห่างกันเพียงแต้มเดียวเท่านั้น

สตีเฟน เจอร์ลื่นManchester City v Aston Villa - Premier LeagueManchester City v Aston Villa - Premier LeagueManchester City v Aston Villa - Premier League / Michael Regan/GettyImages

กลายเป็นที่ล้อเลียนกันแบบชั่วลูกชั่วหลานเลยทีเดียวสำหรับจังหวะที่ สตีเฟน เจอร์ราร์ด ลื่นในเกมที่พบกับ เชลซี จนมีส่วนทำให้พวกเขาพลาดแชมป์ลีกไปแบบน่าเสียดายในฤดูกาลนั้น หลังจากนำเป็นจ่าฝูงมาอย่างยาวนาน จอดป้ายในอันดับที่สองถูก แมนฯ ซิตี้ เบียดแย่งแชมป์ไปในที่สุด

หงส์แดง ขยี้ ผี คาบ้าน 0-5Manchester United v Liverpool - Premier LeagueManchester United v Liverpool - Premier LeagueManchester United v Liverpool - Premier League / Alex Livesey - Danehouse/GettyImages

เพิ่งจะจบไปแบบสด ๆ ร้อน ๆ สำหรับเกมแดงเดือดที่ไม่เดือดเท่าใดนัก เพราะเรียกได้ว่าเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล แทบจะยำใหญ่อยู่ฝ่ายเดียวชนิดที่ไม่ไว้หน้าเจ้าบ้าน 5 เม็ดถ้วน ๆ ยับที่สุดนับตั้งแต่ทั้งสองทีมเคยพบกันในประวัติศาสตร์แดงเดือดเลยก็ว่าได้

การวางมือของสุดยอดกุนซือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันSir Alex FergusonSir Alex FergusonManchester United v Swansea City - Premier League / Alex Livesey/GettyImages

หลังจากคว้าแชมป์ลีกมาครองในปี 2012/13 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จะไม่มีกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้นำพาความสำเร็จมาสู่สโมสรมากมายนับไม่ถ้วนคุมทีมข้างสนามอีกต่อไป ซึ่งการจากไปของ เฟอร์กี้ ยังสร้างผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อทีมจนทำให้พวกเขายังไม่เคยถึงจุดที่ควรจะเป็นอีกเลยมาจนถึงปัจจุบัน

อากูเอโรรรรรรรรรรManchester City v Queens Park Rangers - Premier LeagueManchester City v Queens Park Rangers - Premier LeagueManchester City v Queens Park Rangers - Premier League / Tom Jenkins/GettyImages

เสียงพากษ์ของ มาร์ติน เทเลอร์ ในเกมนัดปิดฤดูกาล 2011-12 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ คิวพีอาร์ ยังคงดังก้องอยู่ในใจแฟน เรือใบ รวมถึงสาวก พรีเมียร์ลีก หลายคน เพราะในเกมสุดดราม่าวันนั้น แมนฯ ซิตี้ ทำท่าจะวืดแชมป์ลีกไปแล้วหลังจากถูก ควีน พาร์ค เรนเจอร์ส บุกมานำ 1-2 แถมผ่าน 90 นาทีเต็มมาแล้วอีกด้วย จนกระทั่งช่วงทดเวลา เซโก้ จัดการยิงไล่ตีเสมอเป็น 2-2 ก่อนที่วินาทีแห่งแชมป์เปี้ยนในนาทีที่ 90+4 เซร์คิโอ อเกวโร จัดการซัดด้วยขวาผ่านมือ เพ็ดดี้ เคนนี ส่ง เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบหลายสิบปีอย่างยิ่งใหญ่

เลสเตอร์ ซิตี้ จากดินสู่ดาวClaudio RanieriClaudio RanieriItalian Football Federation Hall Of Fame / Gabriele Maltinti/GettyImages

เรียกได้ว่ายิ่งกว่า มิชชั่น อิมพอสซิเบิล กับการพา เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งจะหนีตกชั้นมาแบบหมาด ๆ ขึ้นมาผงาดเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างยิ่งใหญ่ แต่ คลาดิโอ รานิเอรี กลับทำได้สำเร็จ ฉีกทุกความเป็นไปไม่ได้ อย่างที่ใคร ๆ ก็ทราบดีว่าสำหรับวงการนี้ อิมพอสซิเบิล อีส น็อตติง หรือแปลเป็นไทยว่าไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในโลกฟุตบอลนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook