อาถรรพ์ผู้พันแซนเดอร์ส? เมื่อทีมเบสบอลญี่ปุ่นถูกสาปเพราะลบหลู่รูปปั้น KFC
แม้ว่ากีฬาจะเป็นสิ่งที่เห็นเป็นประจักษ์ ดูเป็นวิทยาศาสตร์ แต่หลายครั้งมันก็มีเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้ จนทำให้หลายคนกลับมามองในเชิงไสยศาสตร์ และเชื่อว่าเป็นคำสาป
ยกตัวอย่างเช่นเบนฟิก้า ที่เชื่อว่าโดน “คำสาปกัตต์มันน์” จนไม่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้เลย เซาแธมป์ตัน ที่ปราชัยติดๆ หลังย้ายไปใช้ เซนต์ส แมรี่ จนเชื่อว่าอาจจะเป็นวิญญาณใต้สนาม เป็นต้น
ที่ญี่ปุ่นเองก็มีเรื่องทำนองนี้เช่นกัน เมื่อหลายคนเชื่อว่าการที่ ฮันชิน ไทเกอร์ส ทีมเบสบอลชื่อดัง ต้องตกต่ำไร้แชมป์มานานหลายปี เพราะดันไปลบหลู่รูปปั้นผู้พันแซนเดอร์สของ เคเอฟซี
เรื่องราวเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand
ทีมดังแห่งคันไซ
เบสบอล คือกีฬายอดนิยมของญี่ปุ่น ทำให้พวกเขามีสโมสรเบสบอลอาชีพกระจายตัวอยู่ทั่วญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละทีมก็เป็นเหมือนตัวแทนของเมืองหรือภูมิภาค เช่นโซนเหนืออย่าง ฮอกไกโด จะเป็น นิปปอนแฮมไฟเตอร์ แถวเมืองหลวงเป็นโยมิอุริ ไจแอนท์ส หรือทางใต้จะเป็น ฟุคุโอกะ ซอฟท์แบงค์ ฮอว์คส์
Photo : gol.com
เช่นกันสำหรับภูมิภาคคันไซ หรือฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น พวกเขามีทีมเบสบอลที่เป็นเหมือนตัวแทน นั่นก็คือนั่นคือฮันชิน ไทเกอร์ส ทีมที่ฐานที่มั่นอยู่ในจังหวัดเฮียวโงะ มันคือทีมที่เป็นที่รักและความภาคภูมิใจของคนในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะชาวโอซากา
เนื่องจากไทเกอร์ส ถือเป็นหนึ่งในสโมสรเบสบอลอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดของแดนอาทิตย์อุทัย หลังก่อตั้งในปี 1935 หรือหลังจาก ไจแอนท์ส ทีมที่อายุมากที่สุด และตัวแทนของฝั่งคันโตเพียงปีเดียว
นอกจากนี้ พวกเขายังมีรังเหย้าอยู่ที่ โคชิเอ็ง สเตเดียม ที่เป็นเหมือนสังเวียนศักดิ์สิทธิ์ ของเหล่านักเบสบอลเยาวชน จากการที่สนามแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน เบสบอลมัธยมปลายชิงแชมป์ญี่ปุ่น ประจำฤดูร้อน หรือที่รู้จักกันในนาม “โคชิเอ็ง”
นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร ไทเกอร์ส ถือว่าเป็นแถวหน้าของวงการเบสบอลญี่ปุ่น เมื่อพวกเขาคือเจ้าของตำแหน่งแชมป์และรองแชมป์ Japanese Baseball League (ลีกเบสบอลยุคแรก) หลายสมัย รวมไปถึงแชมป์เซ็นทรัลลีกอีก 5 ครั้ง และรองแชมป์ถึง 18 สมัย
Photo : gol.com
อย่างไรก็ดี พวกเขาดูจะไม่ถูกโฉลกกับเจแปนซีรีส์ ที่เอาตัวแทนจากกลุ่มเซ็นทรัลลีก และแปซิฟิคลีกมาแข่งชิงแชมป์การเป็นเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น เมื่อสามารถคว้าแชมป์ได้เพียงครั้งเดียวจากการเข้าชิงชนะเลิศ 6 ครั้ง
และสาเหตุสำคัญที่หลายคนเชื่อ่าสิ่งที่ทำให้ทีมจากภูมิภาคคันไซต้องเป็นแบบนี้ เพราะดันไปลบหลู่รูปปั้นของผู้พันแซนเดอร์ส…
อาถรรพ์ร้านไก่ทอด
เรื่องราวมันต้องย้อนกลับไปในปี 1985 ในปีนั้น ฮันชิน ไทเกอร์ส ที่นำโดย แรนดี้ แบส ทำผลงานได้อย่างร้อนแรง และมีลุ้นที่จะคว้าแชมป์ลีกเซ็นทรัลลีก
Photo : japan.go.jp
ในช่วงท้ายฤดูกาล พวกเขาเหลือเกมอยู่ในมือแค่ไม่กี่เกม และต้องผลเสมอหรือชนะในการบุกไปเยือน ยาคูลต์ สวอลโลวส์ อีกทีมดังของโตเกียว ที่สนาม เมจิ จิงงุ สเตเดียม ท่ามกลางแฟนของเจ้าบ้านถึง 50,000 คน
ไทเกอร์ส เป็นฝ่ายถูกนำไปก่อนในอินนิ่งที่ 4 แต่อาคิโนบุ มายูมิ ก็มาตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว และ 2 อินนิ่งต่อมา แรนดี้ แบส นักเบสบอลชาวอเมริกัน ก็ช่วยให้ทีมนำห่างเป็น 3-1 ทว่าในอินนิ่งเดียวกัน เจ้าบ้านก็มาทำ 4 คะแนนรวด แซงกลับมานำ 5-3
ราวกับปาฎิหาริย์ เมื่อในอินนิ่งสุดท้าย ไทเกอร์ส มาไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จในอินนิ่งที่ 9 ก่อนที่พิชเชอร์ จะขว้าง 3 สไตรท์ในอินนิ่งที่ 10 ช่วยให้ทีมรักษาผลเสมอไว้ได้ และจบในอันดับ 1 เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี คว้าแชมป์เซ็นทรัลลีก และสิทธิ์เข้าไปชิงแชมป์เจแปนซีรีส์ได้สำเร็จ
แชมป์ครั้งนี้ของทีมได้สร้างความยินดีไปทั่วภูมิภาคคันไซ โดยเฉพาะคนในเมืองโอซากา ที่ออกมาเฉลิมฉลองที่คลองโดทมโบริ คลองที่ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมือง พวกเขาพากันร้องเพลงที่เป็นชื่อของนักกีฬาด้วยความดีใจ โดยเรียงไปตามลำดับการตีของพวกเขา
Photo : japantimes
ทว่า ด้วยความสนุก บวกกับความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เพิ่งกระดกไป ทำให้ขณะที่ร้องเพลงอยู่ แฟนเบสบอลที่มีชื่อคล้ายกับนักกีฬาของทีม ยังพากันกระโดดลงไปในคลองโดทมโบริที่เน่าเหม็น มายูมิ, ตู้ม ฮิโรตะ ตู้ม หลังจากนั้นก็ตู้ม ตู้ม คลอไปด้วยเสียงหัวเราะตลอดทั้งคืน
แต่ปัญหาก็มาเกิดขึ้น เมื่อแรนดี แบส นักกีฬาชาวอเมริกันต้องเป็นผู้ตี แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นไม่มีแฟนเบสบอลคนไหนมีชื่อคล้ายกับเขาแน่นอน แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้ เมื่อแฟนของทีมเหลือบไปเห็นรูปปั้นของผู้พันแซนเดอร์ส ที่ตั้งอยู่หน้าร้านไก่ทอดชื่อดัง “เคเอฟซี”
พวกเขาบุกไปยังหน้าร้าน และพยายามขโมยรูปปั้นผู้พัน แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของร้านพยายามห้ามปราม แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงคนหมู่มากได้ แถมส่วนใหญ่ก็เมาอีกด้วย ซึ่งอาจจะเป็นอันตราย สุดท้ายมาสค็อตของร้านไก่ทอดก็ถูกชิงตัวไปจนได้
Photo : twitter.com/taiganooudon
ก่อนที่เหล่าแฟนไทเกอร์ส จะช่วยกันแบกท่านผู้พันแล้วโยนลงไปในคลองโดทมโบริ จนจมหายลงไปในแม่น้ำสีดำ พร้อมกับร้องเพลงเชียร์ แรนดี้ แบส ท่ามกลางกลางสนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง
แต่หลังจากนั้นเรื่องราวแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น
สโมสรต้องสาป
แม้ว่า ไทเกอร์ส จะคว้าแชมป์เซ็นทรัลลีก และแชมป์เจแปนซีรีส์ ในเวลาต่อมา แต่นั่นก็เป็นเหมือนความสำเร็จครั้งท้ายๆของพวกเขา เมื่อหลังจากนั้น ทีมก็ต้องเจอกับสิ่งที่อาจเรียกได้ว่า “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” อยู่นานหลายปี
เริ่มตั้งแต่ตัวนักกีฬาอย่าง มาซายูกิ คาเคฟุ ผู้เล่นเบสสามของไทเกอร์ส เจ้าของฉายาคนเหล็ก จากสถิติลงเล่นติดต่อกัน 663 เกม แต่กลับมาได้รับบาดเจ็บในอีก 4 เดือนหลังจากนัดชิงชนะเลิศเจแปนซีรีส์
Photo : i0.wp.com
เขากลับมาลงสนามในเดือนพฤษภาคม 1986 แต่มาได้รับบาดเจ็บซ้ำที่หัวไหล่ระหว่างเกม และต้องพักยาวเป็นหนที่ 3 ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซึ่งครั้งนี้เขาเจ็บหนักถึงขั้นกระดูกหัก แม้จะกลับมาเล่นได้ในช่วงสั้นๆ แต่สุดท้ายก็ประกาศรีไทร์ในปี 1988 ด้วยวัยที่ยังเล่นต่อได้อีกอย่างสบายนั่นคือ 33 ปี
แน่นอนว่า คาเคฟุ ไม่ใช่คนเดียวที่ประสบพบเจอเรื่องนี้ เพราะในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน จิคาฟุสะ อิเคดะ พิชเชอร์ตัวเก่ง ก็มาได้รับบาดเจ็บระหว่างการแข่งขัน หลังพยายามรักษาเบสหนึ่งแล้วเกิดอุบัติเหตุจนกระดูกส้นเท้าหัก ในเดือนพฤษภาคม 1986
ขณะที่ผลงานโดยรวมของทีมก็กู่ไม่กลับ พวกเขาจบในอันดับ 4 ในปี 1986 และอันดับสุดท้ายของตารางในปีต่อมา แถมยังมีอัตราชนะต่ำสุดถึง .331 หรือราว 1 ในสาม ที่ไม่ได้น้อยสุดของลีกเท่านั้น แต่ยังน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
แถมในฤดูกาล 1988 พวกเขายังต้องเสีย แรนดี้ แบส ผู้เล่นคนสำคัญระหว่างฤดูกาล หลังแบส ขออยู่อเมริกานานกว่าที่แจ้งเอาไว้ เนื่องจากอยากดูและลูกชายที่ป่วย จนทำให้สโมสรไล่เขาออกจากทีม
Photo : aagciii.tumblr.com
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องดราฟท์ตัว ที่พวกเขาไร้โชคอย่างสิ้นเชิง เมื่อแพ้การจับฉลากการดราฟท์รอบแรกถึง 12 ครั้งติดต่อกัน ที่ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสได้เล่นผู้เล่นระดับตำนานอย่าง คาสุฮิโร คิโยฮาระ เจ้าของตำแหน่งถุงมือทองคำ 3 สมัย และ Best Nine 3 สมัย ฮิเดโอะ โนโมะ ที่ไปโด่งดังในลีกอเมริกา หรือ ฮิเดกิ มัตสึอิ หนึ่งในนักเบสบอลที่เก่งที่สุดของญี่ปุ่น
หลังปี 1985 ไจแอนท์ส ก็แทบไม่ได้สัมผัสรสชาติของการเป็นแชมป์อีกเลย โดยเฉพาะเจแปนซีรีส์ ที่พวกเขาไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศสักครั้ง ตลอดเกือบ 20 ปีนับตั้งแต่วันนั้น
โดยหลายคนเชื่อกันว่าอาจะเป็นเพราะแฟนไทเกอร์ส ดันไปลบหลู่รูปปั้นของผู้พันแซนเดอร์ส ด้วยการเอาเขาไปโยนทิ้งในคลองที่เหม็นเน่า จนทำให้ท่านผู้พันโกรธและสาปแช่งให้ทีมต้องเจอกับโชคร้าย จนมันกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ“คำสาปของผู้พันแซนเดอร์ส” (カーネルサンダースの呪い)
สิ่งที่น่าสนใจคือในช่วงแรก มีการพยายามงมหารูปปั้นของผู้พันในคลองโดทมโบริอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องผิดหวังทุกครั้ง จนทำให้หลายคนเชื่อว่าอาถรรพ์อาจจะเป็นเรื่องจริง และตราบใดที่ยังไม่สามารถกู้รูปปั้นของผู้ก่อตั้งเคเอฟซี ขึ้นมาได้ ฮันชิน ไทเกอร์ส ก็คงประสบกับเรื่องเลวร้ายอยู่ร่ำไป
อย่างไรก็ดี มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
ตำนานเมือง
คำสาปผู้พันแซนเดอร์ส ถือเป็นหนึ่งในตำนานที่โด่งดังของญี่ปุ่น และมักถูกรายงานอยู่ในสื่อหลัก โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนญี่ปุ่น ที่คนนิยมเล่าเรื่องผีหรือเรื่องลึกลับ แถมช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันยังดังไกลไปถึงตะวันตก ทว่า ความเป็นจริงมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
เพราะอันที่จริงเหตุการณ์ลบหลู่รูปปั้นท่านนายพัน เกิดขึ้นทันทีหลัง ไทเกอร์ส คว้าแชมป์ลีก หากอาถรรพ์เป็นจริง พวกเขาก็ไม่น่าคว้าแชมป์เจแปนซีรีส์ ในอีก 17 วันต่อมา แถมในปี 2003 ขณะที่รูปปั้นของท่านผู้พันยังจมอยู่ในแม่น้ำ ทีมก็ยังสามารถคว้าแชมป์เซ็นทรัลลีกได้
Photo : mainichi.jp
นอกจากนี้ ในช่วง 2 ปีแรกหลัง ไทเกอร์ส คว้าแชมป์เจแปนซีรีส์ ที่แม้พวกเขาจะตกต่ำแบบกู่ไม่กลับ ก็แทบไม่มีใครพูดถึงท่านผู้พันแซนเดอร์สด้วยซ้ำ ซึ่งสิ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาก็คือรายการทีวีรายการหนึ่ง
ย้อนกลับไปในปี 1988 ตอนนั้นญี่ปุ่น มีรายการทีวีชื่อดังตอนดึกที่ชื่อว่า Detective! Knight Scoop! มันคือรายการที่จะให้ผู้ชมส่งคำถามหรือคำขอ เพื่อให้พวกเขามาไขปริศนา
ในเดือนมีนาคม 1988 ได้มีผู้ชมคนหนึ่งส่งขอมาว่าอยากให้ไปช่วยงมรูปปั้นผู้พันแซนเดอร์สที่จมอยู่ใต้คลองโดทมโบริ แน่นอนว่าพวกเขาก็ตอบรับคำขอนั้น
อย่างไรก็ดี น่าแปลกใจที่ว่าไม่ว่าพวกเขาจะพยายามดำหารูปปั้นท่านผู้พันเท่าไร ก็หาไม่เจอ โดยพยายามถึง 4 ครั้งตลอดทั้งเส้นในเดือนเดียว จนทำให้พิธีกรของรายการพูดติดตลกว่า “จนกว่าท่านผู้พันจะถูกกู้ขึ้นมาและทำความสะอาด ฮันชินก็คงไม่มีหวังที่จะคว้าแชมป์”
และนับตั้งแต่ตอนนั้นตำนานเมือง ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น แถมเมื่อเวลาผ่านไป ไทเกอร์ส ยังคงตกต่ำอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คนเริ่มเชื่อในเรื่องเล่าที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้นี้มากขึ้น เหมือนกับที่คนเคยผู้ว่า “เรื่องโกหกพอพูดไปนานๆ มันจะกลายเป็นเรื่องจริง”
Photo : journeytothewiredwest.com
ตำนานอาถรรพ์ผู้พันแซนเดอร์ ยังถูกเล่าซ้ำๆ ในสื่อหลักในแทบทุกฤดูร้อนของญี่ปุ่น และครั้งหนึ่งยังเคยไปปรากฎตัวอยู่ในอนิเมะสุดหลอนอย่าง Higurashi no Naku Koro ni หรือยามเมื่อเหล่าจั๊กจั่นกรีดร้อง ซึ่งบ่งบอกได้ถึงความน่าสนใจของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
อาถรรพ์ยังอยู่?
หลังจากหลับใหลอยู่ใต้แม่น้ำมานานหลายสิบปี 4 โมงเย็นของวันที่ 10 มีนาคม 2009 พนักงานที่กำลังทำความสะอาดคลองโดทมโบริ ก็พบเจออะไรบางอย่าง นั่นคือร่างของรูปปั้นผู้พันแซนเดอร์สที่สาปสูญ
อย่างไรก็ดี พวกเขาเจอเพียงท่อนบนเท่านั้น แถมท่านผู้พันยังไม่มีมือ โดยพวกเขาเจอห่างจากจุดที่ดำครั้งแรก 180 เมตร ขณะที่นักดำน้ำของ Knight Scoop ดำที่จุด 150 เมตร เรียกกว่าอีกไม่กี่เมตรก็เจอกันแล้วแท้ๆ
Photo : 2gol.com
การค้นหาชิ้นส่วนที่เหลือมีขึ้นในวันถัดไป และใช้เวลาเพียง 3 นาทีก็เจอมือ ก่อนจะเจอส่วนล่างในเวลาต่อมา และเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ที่รูปปั้นท่านผู้พันแซนเดอร์ส กลับมา “ยืน” ใกล้กับคลองโดทมโบริ ได้อีกครั้ง
“ตอนที่ผมได้ยินว่าเจอรูปปั้นแล้ว ผมรู้สึกว่าประวัติศาสตร์ (ที่เลวร้าย) ได้จบลงเสียที” โยชิโอะ โยชิดะ ผู้จัดการทีมของไทเกอร์ส ตอนปี 1985 กล่าวกับ Telegraph ในปี 2009
หลังจากนั้นพวกเขานำมันไปทำความสะอาด และจัดพิธีชำระล้างที่ศาลเจ้าชินโตในภูมิภาคคันไซ โดยหวังว่าจะช่วยแก้คำสาป ทำนอง “ไม่เชื่อก็ไม่ลบหลู่” แต่สุดท้าย ไทเกอร์ส ก็ไปไม่ถึงแชมป์ หลังจบในอันดับ 4 ของเซ็นทรัลลีกฤดูกาล 2009
ทำให้ในปีต่อมา อาคิโนบุ มายูมิ อดีตผู้เล่นชุดแชมป์เจแปนซีรีส์ และผู้จัดการทีมไทเกอร์สในตอนนั้น ก็บอกว่าไม่ลองไปตั้งที่หน้าร้านเคเอฟซี ที่สนามโคชิเอ็งดูล่ะ และนับตั้งแต่มีนาคม 2010 รูปปั้นผู้พันแซนเดอร์สในตำนาน ก็ตั้งตะหง่านอยู่ใกล้กับโคชิเอ็ง สเตเดียม
Photo : shikoku-np.co.jp
“โดยธรรมชาติของนักกีฬา พวกเขาจะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์” ดิค ฮาร์มอน คอลัมนิสต์จาก Deseret News อธิบายกับ howstuffworks.com
“โดยเฉพาะก่อนเกมสำคัญ ผมเคยเห็นผู้เล่นสวมถุงเท้าคู่เดิม ใต้ถุงเท้าแข่งขัน ฟังเพลงเดิม กินอาหารแบบเดิมๆ เข้าห้องน้ำพร้อมกันในเวลาเดียวกันก่อนลงคอร์ทหรือสนาม”
“ผมไม่คิดว่ามันคือความกลัว แต่มันคือความสบายใจ พวกเขาไม่ได้หลอกตัวเอง แต่ทำให้จิตใจมั่นคง”
แต่มันก็อยู่ตรงนั้นแค่ 3 ปี เพราะจนแล้วจนรอด ไทเกอร์ส ก็ไม่เคยกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกเลย เมื่อสุดท้ายการอยู่ใกล้สนามก็ไม่ช่วยอะไร พวกเขาจึงส่งรูปปั้นท่านผู้พันแซนเดอร์สไปสำนักงานใหญ่ที่โตเกียว และถูกนำไปเก็บในห้องล็อคกุญแจ ที่มีแค่ผู้บริหารระดับสูงเข้าไปได้เท่านั้น
ทว่า ในปี 2017 จากการที่เคเอฟซี ย้ายสำนักงานใหญ่ไปเมืองโยโกฮามา ทำให้ผู้พันแซนเดอร์ส กลับมาสู่อ้อมอกของชาวคันไซอีกครั้ง และถูกเก็บไว้ในออฟฟิศสาขาโอซากา ในฐานะเครื่องรางสำคัญของพวกเขา
Photo : flickr.com
ส่วนไทเกอร์ส แม้ว่ารูปปั้นผู้พันจะกลับมาแล้ว แต่พวกเขายังคงต้องเผชิญกับความผิดหวัง และมองหาแชมป์เจแปนซีรีส์ ครั้งที่ 2 ของตัวเอง นับจนถึงทุกวันนี้
ราวกับว่าคำสาปท่านผู้พันแซนเดอร์สยังไม่หายไปไหน...ถ้าคุณเชื่อในเรื่องนี้ล่ะนะ