คืนความสมดุลให้ทัพ "หงส์แดง" (คอลัมน์สนุกมือ / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)
การที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้โอกาสและเร่งปลุกปั้นดาวรุ่งในทีมหลายในช่วงนี้หลายราย อาทิ ไทเลอร์ มอร์ตัน, คลีวีน เคลเลเฮอร์, เนโก้ วิลเลี่ยมส์, เคจ กอร์ดอน และ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ให้ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของ “หงส์แดง” คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่จะเป็นแนวทางเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของสโมสรเลยทีเดียวในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
ปัจจัยที่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงสุดคือเรื่องค่าเหนื่อยนักเตะ ซึ่ง ลิเวอร์พูล จะต้องแบกรับเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังมีแข้งที่มีค่าแรงถึง 2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์
ถึงเวลานี้นอกจาก โม แล้ว ยังมี ฟาน ไดค์ กับ ติอาโก้ อัลคัทาร่า เพิ่มเข้าไปอีก เมื่อทีมประสบความสำเร็จก็เป็นธรรมดาที่จะต้องยกระดับค่าเหนื่อยให้สามารถดึงคนเก่งๆเอาไว้ต่อไปให้ได้ นี่ยังไม่นับรวมคนที่สโมสรกำลังพยายามต่อสัญญาออกไปอีกคือ 3 ประสานในแดนหน้า อย่าง มาเน่, ฟีร์มีโน่ และ ซาลาห์
2 รายแรกแน่นอนว่าตัวเลขที่จะทำให้พวกเขายอมย่อมหนีไม่พ้นระดับ 2 แสนต่อวีคขึ้นไปเป็นอย่างน้อย ส่วนคนหลังอย่างดาวเตะอียิปต์นั้นเผลอๆ อาจมีคูณสองเท่าคือ 4 แสนปอนด์รายสัปดาห์เสียด้วยซ้ำ!
แล้วอย่างนี้ “หงส์แดง” จะเลือกเก็บเธอไว้ทั้ง 3 คนไหวหรือไม่?
ถือเป็นโจทย์อันท้าทายในการทำงานในถิ่นแอนฟิลด์ปีสุดท้ายของ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการด้านฟุตบอล ที่จะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย โดยมีผลประโยชน์ของสโมสรเป็นที่ตั้ง
หากโชคร้ายเสีย ฟีร์มีโน่ไปยังพอว่า เพราะช่วงหลังมี ดิโอโก้ โชต้าเป็นตัวตายตัวแทน ดาวเตะโปรตุกิส แม้จะไม่มีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมและมีส่วนร่วมกับเกมเท่าดาวเตะบราซิล ทว่ามักจะไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาจบสกอร์ได้เสมอ
แต่ถ้าเสีย ซาลาห์ หรือมาเน่ ไปนี่สิเรื่องใหญ่ เพราะฟอร์มกำลังพีคด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นถึงเวลานี้สโมสรต้องชั่งน้ำหนักและหาสมดุลให้ดี ผลงานก็ต้องได้ ค่าใช้จ่ายก็ต้องไม่ให้บานปลาย
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม คล็อปป์ จึงต้องเร่งดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมา นอกจากเรื่องเติมความสดแล้วก็คือต้องการรักษาสมดุลค่าแรงนักเตะในทีมนั่นเอง จะมีแต่ซูเปอร์สตาร์ก็คงเป็นไปไม่ได้ในทางธุรกิจ
บทเรียนกับทีมใหญ่ๆอย่าง บาร์เซโลน่า เป็นกรณีศึกษาที่ต้องระวังเอาไว้
ส่วนคนที่ถูกดันขึ้นมานั้นผมชอบ ไทเลอร์ มอร์ตัน ซึ่งเพิ่งได้โอกาสลงสนามไปเต็มๆในเกมกับปอร์โต้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 5 มากสุด โดยเขาได้เล่นในตำแหน่งสำคัญคือมิดฟิลด์ตัวกลางซึ่งปกติมีไว้ให้คนเก๋าประสบการณ์ยืนเสียด้วย
ปรากฏว่า มอร์ตัน สอบผ่านฉลุย เล่นได้นิ่งมาก ไม่มีตื่นกลัว ใจเย็น รักษาตำแหน่งได้ดี ดูลีลาแล้วพาลให้นึกถึงอดีตกองกลางเยอรมันจอมคลาสสิคอย่าง ดีตม่าร์ ฮามันน์ เอาด้วยซ้ำ
หวังว่าเขาจะเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง เพื่อเป็นตัวแสตนด์บายให้ ฟาบินโญ่ ในอนาคต จะได้ไม่ต้องสลับตำแหน่ง เฮนโด้ อยู่เรื่อย ๆ
ถ้าโชคดีทะลุขึ้นเป็นตัวจริงอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ได้ยิ่งดี ขออย่างเดียวอย่าเป็นเพียงพลุที่ถูกจุดชั่วคราว แล้วลงท้ายต้องถูกขายทิ้งไปเหมือนดาวรุ่งหลายๆคนก่อนหน้านี้
สุดท้ายแล้ว การบริหารทีมฟุตบอลยุคใหม่ ยุคค่าเหนื่อยเฟ้อและเอเย่นต์นักเตะมีอำนาจต่อรองมากนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
จับตาศิลปะการทำงานและรักษาสมดุลให้ทัพนักเตะ “หงส์แดง” ของ คล็อปป์ และ เอ็ดเวิร์ดส์ กันต่อไป ว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้ไปต่อบ้าง น่าสนใจจริงๆ ?