พวกเขาอยู่ไหนกัน? : ขุนพล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1995/96 ชุดซูเปอร์เอ็นเตอร์เทน
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ได้เจ้าของใหม่และกลายเป็นทีมฟุตบอลที่มีเจ้าของรวยที่สุดในโลก เรื่องนี้ทำให้สำนักข่าวทุกฉบับขุดประเด็นซื้อตัวและเปลี่ยนโค้ชมาขายในหน้าหนึ่งได้ทุกวัน
อย่างไรก็ตาม มีข้อความจากเด็กน้อยคนหนึ่งที่ระบายความรู้สึกและเขียนลงบนป้ายจนเป็นไวรัลด้วยข้อความว่า "เราไม่อยากได้นักเตะระดับโลก แต่อยากได้คนที่พร้อมจะทุ่มเทและอยากเป็นผู้ชนะไปพร้อมๆกับทีมต่างหาก"
ไม่ใช่ว่า นิวคาสเซิล ไม่เคยมีนักเตะประเภทนั้น ครั้งหนึ่งพวกเขามีทีมที่เล่นได้สนุกที่สุด, บู๊ และมีคาแร็กเตอร์ที่เด่นชัดที่สุด นั่นคือทีมในฤดูกาล 1995/96
ปีที่ "เกือบได้แชมป์" ทั้งๆที่นำห่างอันดับ 2 อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 12 แต้ม แม้จะน่าผิดหวังแต่ก็ยังเป็นตำนาน และเป็นนิวคาสเซิลที่แฟนบอลทั่วโลกไม่เคยลืม สมาชิกในทีมชุดนั้นทำอะไรอยู่ที่ไหนและมีใครบ้าง? ติดตามได้ที่นี่กับ Main Stand
พาเวล เซอร์นิเช็ก (ผู้รักษาประตู)
นายทวารจากสาธารณรัฐเช็ก คือคนที่เข้ามาเล่นในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปี 1991 และเป็น 1 ในขวัญใจแฟนบอล เพราะความเหนียวหนึบตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมา และเหนือสิ่งอื่นใดเขากลายเป็นชาวจอร์ดี้เต็มตัวและเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลรักที่สุดด้วย
ในปี 1995/96 เซอร์นิเช็ก นั้นทำหน้าที่สลับๆกับ ชาก้า ฮิสล็อป นายทวารดาวรุ่งของทีม ซึ่งทั้งคู่อาจจะไม่ค่อยได้คลีนชีทมากนัก เนื่องจาก นิวคาสเซิล ยุคนั้นบู๊แหลกไม่มีผ่อนเกม ต่อให้บอลนำก็ไม่มีการเล่นถ่วงเวลาเช่นเอาบอลไปเลี้ยงที่มุมธง แต่หากมีจังหวะให้เซฟ เซอร์นิเช็ก ก็ไม่ปล่อยให้มันผ่านมือไปง่ายๆ
เซอร์นิเช็ก อยู่กับทีมจนถึงปี 1997 ก่อนจะต้องหลีกทางให้ผู้มาใหม่อย่าง เชย์ กิฟเว่น หลังจากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จนกระทั่งแขวนถุงมือ แต่ก็ยังเป็นที่เคารพของแฟนๆชาวจอร์ดี้เสมอ
ปี 2015 เซอร์นิเช็ก เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 47 ปี จากอาการหัวใจวาย แม้จะเป็นชาวเช็ก แต่งานศพของเขาถูกจัดขึ้นที่โบสถ์ในเมืองนิวคาสเซิล และมีกลุ่มนักเตะสาลิกาดงทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ทั้งหมดนี้บอกได้ดีว่า เซอร์นิเช็ก เป็นที่รักของทุกคนขนาดไหน
ชาก้า ฮิสล็อป (ผู้รักษาประตู)
ฮิสล็อป ย้ายมาอยู่กับ นิวคาสเซิล ในปี 1995 เป็นปีแรก ตอนนั้นเขาอายุแค่ 17 ปี และมี เซอร์นิเช็ก เป็นพี่เลี้ยง ก่อนที่จะซึมซับประสบการณ์และฝีมือมาไม่น้อย จนสามารถคว้าโอกาสเล่นตัวจริงอยู่บ่อยๆ
สถานการณ์ของ ฮิสล็อป นั้นคล้ายๆกับ เซอร์นิเช็ก ตรงที่เมื่อ เชย์ กิฟเว่น เข้ามา เขาก็ไม่สามารถแย่งมือ 1 ได้ จนต้องย้ายไป เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ พอร์ทสมัธ ตามลำดับ ก่อนจะไปปิดฉากอาชีพค้าแข้งที่เมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ สหรัฐอเมริกา กับ เอฟซี ดัลลัส ในปี 2007
การไปอยู่ที่อเมริกา ถือเป็นจุดพลิกผันให้เขาได้ทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องฟุตบอลของช่องกีฬาอย่าง ESPN และเขายังทำหน้าที่นี้อยู่จนถึงปัจจุบัน
วอร์เรน บาร์ตัน (แบ็กขวา)
ยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก วอร์เรน บาร์ตัน นี่คือนักเตะที่เคยเป็นเจ้าของสถิติกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในอังกฤษ ด้วยราคา 4 ล้านปอนด์ จากทีม "เครซี่แก๊ง" วิมเบิลดัน
เควิน คีแกน ชอบในความอเนกประสงค์ และเป็นฟูลแบ็กที่สามารถเล่นเกมรับได้เหนียวแน่น และมีลูกครอสที่ไว้ใจได้ ดังนั้น ในช่วงที่ บาร์ตัน อยู่กับ นิวคาสเซิล ตั้งแต่ปี 1995 นั้น เขาจองตัวจริงแบบแบเบอร์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มแพ้สังขาร นักเตะรุ่นใหม่อย่าง แอรอน ฮิวจ์ส ก้าวขึ้นมาแย่งตำแหน่งได้ ทำให้ บาร์ตัน ตกเป็นตัวสำรองค่อนข้างบ่อย ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2005 และหันไปเรียนโค้ช เคยผ่านการคุมทีมนอกลีกในอังกฤษ จากนั้นก็รับหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอลให้กับเยาวชนที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นงานปัจจุบันของเขาที่ทำควบคู่กับการทำรายการฟุตบอลแนวผจญภัยและเน้นความตลกอย่าง "Warren Barton Travel Agent" ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรในอเมริกา ณ เวลานี้
จอห์น เบเรสฟอร์ด (แบ็กซ้าย)
จอห์น เบเรสฟอร์ด คือหนึ่งในนักเตะอยู่กับนิวคาสเซิลมาตั้งแต่ยุคที่ คีแกน ทำทีมเลื่อนชั้นมาใหม่ๆ และเขาก็เคยพูดด้วยว่า สำหรับโค้ชอย่าง คีแกน นั้น ต่อให้เขาถูกสั่งว่าให้ไปกระโดดสะพานลงแม่น้ำไทน์ เส้นเลือดใหญ่ของเมือง เขาก็จะทำ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความความเคารพที่เขามีต่อโค้ชขวัญใจชาวจอร์ดี้ขนาดไหน
หลังจากแขวนสตั๊ด เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลมากนัก และเบนเส้นทางสู่วงการเอเจนซี่จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำและคอนเสิร์ตในประเทศ นอกจากนี้ เบเรสฟอร์ด ยังเป็นหัวหอกในฐานะนักรณรงค์ค่อต้านการเหยียดผิวจนเขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ MBE เมื่อปี 2018 มาแล้วอีกด้วย
ดาร์เรน พีค็อก (เซ็นเตอร์แบ็ก)
เซ็นเตอร์แบ็กอังกฤษพันธุ์แท้ต้องแบบ พีค็อก เข้าปะทะหนักหน่วง, โหม่งเก่ง, ขู่กองหน้าฝั่งตรงข้ามจนแหยง โดยตัวของ พีค็อก นั้นเล่นให้กับ นิวคาสเซิล ได้ 4 ปี และโดดเด่นอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง (ฤดูกาล 1995/96 นี่แหละ) จากนั้นก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บจนทำให้ต้องย้ายไปเล่นกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส
ในปี 2000 พีค็อก ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนเกิดปัญหาที่คอและกระดูกสันหลัง เขาต้องเลิกเล่นทันที และเริ่มหันไปทำธุรกิจส่วนตัว ควบคู่ไปกับการเป็นผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาเยาวชนในแถบแลนแคสเตอร์ บ้านเกิดของเขา
สตีฟ ฮาววี่ย์ (เซ็นเตอร์แบ็ก)
เด็กปั้นของสโมสรโดยแท้สำหรับ สตีฟ ฮาววี่ย์ เซ็นเตอร์แบ็กรายนี้จัดอยู่ในประเภทเดียวกับ เบเรสฟอร์ด คืออาจจะไม่ใช่คนเก่งมากมายแต่มีความทุ่มเทไม่ยอมแพ้ใน DNA จึงเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลรักมาก หลังจากจบฤดูกาล 1995/96 ฮาววี่ย์ ติดทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยยูโร 96 ซึ่งทีมสิงโตคำรามไปถึงรอบรองชนะเลิศอีกด้วย
หลังจากนั้น ฮาววี่ย์ ออกแนวนักเตะอะไหล่เสียมากกว่าตัวหลัก จนกระทั่งในปี 2000 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นมาก็ซื้อตัวเขาไปร่วมทีมด้วยราคา 2 แสนปอนด์ ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดกับ ฮาร์ลี่ย์พูล ในปี 2005
หลังเลิกเล่นเขาทำงานให้กับสื่อทีวีเป็นหลัก ตอนนี้เขายังคงทำงานสื่ออยู่กับพร้อมๆเป็นพนักงานของ เอฟเอ โดยทำหน้าที่ในฝ่ายดูแลและวางนโยบายกับผู้ตัดสินในระดับพรีเมียร์ลีก
สตีฟ วัตสัน (เซ็นเตอร์แบ็ก)
ดาวรุ่งจากอคาเดมี่ถูก เควิน คีแดน ดันขึ้นมาเป็นแบ็กขวาของทีมตั้งแต่ช่วงต้นยุค 90s โดยที่เขาอายุแค่ 16 ปี เท่านั้น
วัตสัน สลับๆกับ วอร์เรน บาร์ต้น ในตำแหน่งแบ็กขวา ในช่วงปี 1995/96 บางครั้งก็ขยับมาเล่นกองกลางได้ด้วย จุดเด่นคือมีความขยัน และทำหน้าที่ตามที่โค้ชสั่งได้ยอดเยี่ยม ก่อนที่จะถูกขายให้กับ แอสตัน วิลล่า ในปี 1998 และกลับมาเป็นที่จดจำอีกครั้งสมัยเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงปี 2000-2004
โดยรวมๆแล้ว วัตสัน เล่นในระดับพรีเมียร์ลีกมากกว่า 300 เกม ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2009 และเริ่มเรียนโค้ช โดยปัจจุบันเป็นเฮดโค้ชของมีม ยอร์ค ซิตี้ ทีมระดับนอกลีกของอังกฤษ
ร็อบบี้ เอลเลียตต์ (แบ็กซ้าย)
แบ็กซ้ายรายนี้เป็นอีกคนที่เป็นผลผลิตจากทีมชุดอคาเดมี่ ในฤดูกาล 1995/96 ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนักเพราะยังเด็กอยู่ และมีส่วนร่วมในเกมลีกแค่ 5 เกมเท่านั้น จนกระทั่งโดนขายให้ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ในปี 1997
อย่างไรก็ตาม เอลเลียตต์ ถูกซื้อกลับมาที่ นิวคาสเซิล อีกครั้งในยุคกุนซือ บ็อบบี้ ร็อบสัน และอยู่กับทีมตั้งแต่ปี 2001-2006 และประกาศแขวนสตั๊ดไปในปี 2008
เอลเลียตต์ เคยทำงานเป็นโค้ชฟิตเนสให้กับนิวคาสเซิลด้วย ก่อนจะย้ายไปทำงานในสหรัฐอเมริกา และตอนนี้เป็นพนักงานของบริษัทชื่อดังอย่าง Nike
ฟิลิปป์ อัลแบร์ (เซ็นเตอร์แบ็ก)
กองหลังยุคเก่าที่เล่นเหมือนกับกองหลังยุคนี้ไม่มีผิดสำหรับ ฟิลิปป์ อัลแบร์ แนวรับชาวเบลเยียม อัลแบร์ ออกบอลแมนยำ, มีทักษะการครองบอลดี และที่สำคัญยังเคยสร้างตำนานยิงสุดสวยในเกมถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 5-0 ในฤดูกาล 1996/97 ด้วย
น่าเสียดายที่ช่วงพีกของเขาสั้นมาก ในปี 1999 อัลแบร์ ฟอร์มตกและโดนขายกลับไปให้ทีมเก่าอย่าง ชาร์เลอรัว ก่อนจะแขวนสตั๊ดหลังจากนั้นไม่กี่ปี โดยหลังจากเลิกเล่นเขาทำธุรกิจส่งออกผักและผลไม้ ขณะที่ปัจจุบันเขายังทำงานในสถานีวิทยุโทรทัศน์ของเบลเยียม และช่วยภรรยาบริหารธุรกิจส่วนตัวด้วย
โรเบิร์ต ลี (กองกลาง)
มิดฟิลด์อย่าง ลี เป็นคนที่เล่นแบบพลังไดนาโม ขึ้นสุดลงสุด แถมยังเป็นคนที่มีจังหวะจะโคนในการเล่น ในช่วงปี 1995 ถึงยุค 2000 ลี ถือเป็นตัวประคองแดนกลางคนหนึ่งของ นิวคาสเซิล จนกระทั่งเริ่มแก่ตัวลงจึงย้ายไปเล่นให้กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในวัย 36 ปี ก่อนจะแขวนสตั๊ดในวัย 40 ปี ตอนที่เล่นให้กับ วีคอมบ์ วันเดอเรอร์ส
ปัจจุบัน โรเบิร์ต ลี เป็นอีกคนในทีมชุดนี้ที่ได้ทำงานในวงการสื่อ เขาเป็นพิธีกรรายการฟุตบอลในเอเชีย และยังเป็นหนึ่งในพิธีกรรายการยอดนิยมของช่อง ITV อย่าง Harry's Heroes อีกด้วย
ลี คลาร์ก (กองกลาง)
ดาวรุ่งอย่าง ลี คลาร์ก นั้นโดนดันมาพร้อมๆกับ วัตสัน และ เอลเลียต ที่กล่าวไปในข้างต้น แต่ คลาร์ก ถือว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่โดดเด่นและขึ้นมาครองตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ได้เร็วมากตั้งแต่อายุ 18 ปี สมัยที่ทีมยังเล่นในดิวิชั่น 1
ในฤดูกาล 1995/96 คลาร์ก เป็นมิดฟิลด์ตัวยืนคู่กับ โรเบิร์ต ลี ได้ลงสนามถึง 33 เกมในเกมลีกและยิงได้ 2 ประตู จุดเด่นของ คลาร์ก คือสายบุ๋น วิ่งน้อยกว่า แต่มีจังหวะจะโคนในการเล่น รู้จังหวะของทีมเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ในปี 1997 เขาก็ย้ายไปอยู่กับ ซันเดอร์แลนด์ คู่ปรับร่วมแดนอีสาน และกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งกับ ฟูแล่ม ที่สามารถพาทีมขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2001/02 สุดท้าย คลาร์ก ได้กลับมาเล่นในฤดูกาลสุดท้ายกับ นิวคาสเซิล ในปี 2005/06 และแขวนสตั๊ดหลังซีซั่นจบลง
ปัจจุบัน คลาร์ก เคยทำงานโค้ชมาแล้วกับถึง 6 สโมสร แต่ไม่ใช่สโมสรใหญ่อะไร ก่อนที่จะมานั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสรท้องถิ่นอย่าง นิวคาสเซิล บลู สตาร์
ดาวิด ชิโนล่า (ปีกซ้าย)
หลายคนคิดว่า โรแบร์ ปิแรส ของ อาร์เซน่อล คือต้นตำรับปีกซ้ายที่ถนัดเท้าขวา แต่ความจริงแล้ว ชิโนล่า ต่างหากคือผู้ที่มาก่อนกาล
ชิโนล่า คือคนที่สร้างความแตกต่างให้กับแนวรุกของนิวคาสเซิลยุคนั้น เทคนิคจัดจ้าน, สเต็ปเท้าเร็ว, จบสกอร์คม และเลี้ยงบอลเก่งสุดๆ ในช่วงที่ ชิโลน่า เล่นให้ นิวคาสเซิล เขาคือพระเจ้าของแฟนบอลชาวจอร์ดี้เลยทีเดียว เพราะสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 1995/96 ของพรีเมียร์ลีกมาแล้ว
ชิโนล่า ย้ายจาก นิวคาสเซิล ออกไปเล่นให้กับ สเปอร์ส, แอสตัน วิลล่า และ เอฟเวอร์ตัน ก่อนจะแขวนสตั๊ดและทำงานในด้านสื่อ โดยในปี 2015 เขาเคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธาน FIFA มาแล้ว
คีธ กิลเลสพี (ปีกขวา)
กิลเลสพี ถือเป็นของแถมจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ดึงตัว แอนดี้ โคล ไปจาก นิวคาสเซิล แต่ของแถมคนนี้ก็ได้สร้างเรื่องราวน่าจดจำให้กับแฟนบอลสาลิกาดงไม่น้อยเลยทีเดียว
ปีกขวาสไตล์โบราณ ตัวผอมสูง, วิ่งเร็ว และเน้นครอสบอลมากว่ายิง คือคำอธิบายถึงตัวของเขา กิลเลสพี คือส่วนผสมที่ลงตัวทำให้ริมเส้นของ นิวคาสเซิล ปี 1995/96 นั้นมีครบทุกรสชาติ เมื่อเขาได้เล่นคู่กับ ชิโนล่า
ปัจุุบัน กิลเลสพี หันมาเปิดบริษัทเอเจนซี่ รับหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของนักเตะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไอร์แลนด์เหนือบ้านเดียวกับเขา
ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ (กองหน้า)
ตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำยุคนั้น หรือตำแหน่งหมายเลข 10 ที่ถือว่าเป็นพิมพ์นิยมคือ นักเตะกองหน้าที่ถอยลงมาเล่นกับมิดฟิลด์ สร้างสรรค์โอกาสเกมรุกได้ ชงเอง กินเองได้ และ เบียร์ดสลี่ย์ คือนักเตะประเภทนั้นเลย
เบียร์ดสลี่ย์ คือเบอร์ 10 ตัวเก๋า คนสำคัญของทีมชุดฤดูกาล 1995/96 และนี่คือหนที่ 2 แล้วที่เขากลับมาเล่นให้กับทีม หลังจากเคยเล่นให้สาลิกาดงในยุค 80s มาก่อน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นนักเตะที่เคยย้ายทีมโดยตรงจาก ลิเวอร์พูล สู่ เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 1991 แถมยังเคยเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงสั้นๆอีกด้วย
เมื่อแก่ตัวลง ก็ย้ายไปเล่นให้กับหลากหลายทีมในพรีเมียร์ลีก ก่อนจะแขวนสตั๊ด และรับงานสตาฟฟ์โค้ชของ นิวคาสเซิล ตั้งแต่ช่วงปี 1999 ก่อนจะทำงานถึงปี 2019 ก็ต้องมาเสียท่าเพราะโดนคดีเหยียดผิว จนต้องออกจากสโมสรไป ปัจจุบันเขาไม่ได้พื้นที่สื่อมากนัก คาดว่าน่าจะมาจากคดีที่เคยได้ทำไว้ในอดีตนั่นเอง
เลส เฟอร์ดินานด์ (กองหน้า)
นี่คือกองหน้าในอุดมคติของฟุตบอลยุค 90s โดยแท้จริง กองหน้าที่ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงบอล, ต้องทำชิ่งเก่ง หรือมีทักษะการเล่นเป็นทีมสูงอะไรเลย ขอแค่แข็งแกร่ง, พักบอลได้ และที่สำคัญ เมื่อได้จบสกอร์ต้องเฉียบขาด ซึ่ง เฟอร์ดินานด์ คือคนๆนั้น และเป็นคนที่ทำให้ นิวคาสเซิล มีลุ้นแชมป์ในฤดูกาล 1995/96 โดยแท้
เฟอร์ดินานด์ เป็นที่รักของแฟนๆนิวคาสเซิล แม้จะอยู่กับทีมไม่นาน เพราะลีลาการยิงประตูที่เคยได้ฝากฝังไว้ ไม่ว่าจะเล่นกับกองหน้าคนไหน เขาก็ผลิตสกอร์ได้ทั้งนั้น
กระทั่งในปี 1997 เขาย้ายไปเล่นให้กับ สเปอร์ส และเล่นอีก 5 สโมสรจนแขวนสตั๊ดในวัย 39 ปี เขาเคยหันหน้าเข้าวงการโค้ช เคยได้เป็นผู้ช่วยของ ทิม เชอร์วูด สมัยที่ทำงานให้กับ สเปอร์ส ก่อนจะลาออกในปี 2014 และหันมาทำงานด้านบริหารแทน โดยปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสร ควีนส์พาร์ก เรนเจอร์ส อดีตทีมเก่าก่อนที่เขาจะย้ายมาเล่นให้นิวคาสเซิล
ฟาอุสติโน่ อัสปริย่า (กองหน้า)
เจ้าของฉายา "ติโน่จอมซ่า" กองหน้าชาวโคลอมเบีย โดนดึงตัวมาเล่นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลจาก ปาร์ม่า และเป็นกองหน้าที่ทำให้แนวรุกของ นิวคาสเซิล มีรสชาติที่เพิ่มขึ้น เพราะมีความเจ้าเล่ห์, ปราดเปรียว, ชิงจังหวะเก่ง และที่สำคัญคือมีเทคนิคการจบสกอร์ที่ดีไม่แพ้เฟอร์ดินานด์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม หลังจากมาเล่นในช่วงสั้นๆ และไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ได้ อัสปริย่า ก็ย้ายกลับไปเล่นใน เซเรีย อา กับ ปาร์ม่า ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2004 ปัจจุบันมีธุรกิจแบรนด์ถุงยางอนามัยเป็นของตัวเอง
พอล คิทสัน (กองหน้า)
นี่คือกองหน้าดาวรุ่งที่เป็นต้วเลือกท้ายๆในปีนั้นเลยก็ว่าได้ คิทสัน เคยถูกซื้อมาด้วยราคาถึง 2.5 ล้านปอนด์ จาก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในปี 1994 ทว่าในซีซั่น 1995/96 ที่เราพูดถึงกันนี้เขามีปัญหาอาการบาดเจ็บ อีกทั้ง เบียร์ดสลี่ย์, เฟอร์ดินานด์ และ อัสปริย่า ก็เข้าขารู้ใจกันมาก จนทำให้ คิทสัน ต้องตกมาเป็นตัวเลือกอันดับ 4 ไปโดยปริยาย และได้ลงเล่นตลอดทั้งซีซั่นแค่ 7 นัดเท่านั้น
คิทสัน จบอาชีพการค้าแข้งแบบเงียบๆในปี 2000 และเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวทันที อย่างไรก็ตาม โชคไม่ดีนักที่ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ เขากลายเป็นบุคคลล้มละลายในปี 2018 และยังคงเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ