คีธ ไรน์ฮาร์ด : นักข่าวกีฬาผู้บ้างานกับการลาพักร้อนที่พรากชีวิตเขาไปจากโลกใบนี้

คีธ ไรน์ฮาร์ด : นักข่าวกีฬาผู้บ้างานกับการลาพักร้อนที่พรากชีวิตเขาไปจากโลกใบนี้

คีธ ไรน์ฮาร์ด : นักข่าวกีฬาผู้บ้างานกับการลาพักร้อนที่พรากชีวิตเขาไปจากโลกใบนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยามอ่อนล้า ยามที่หมดแรงหรือหมดไฟในการทำงาน คุณมีวิธีจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไร ?

สำหรับนักข่าวกีฬารุ่นเก๋าชาวอเมริกันนาม คีธ ไรน์ฮาร์ด เขาเลือกใช้วิธีการลาพักร้อนด้วยการออกไปเที่ยวยังชนบทแบบที่ใครหลายคนต่างก็ทำกัน แต่ทำไมการลาพักร้อนครั้งนี้ของเขากลับกลายเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของชีวิต

นี่คือเรื่องราวของนักข่าวกีฬาคนหนึ่ง ที่ได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวสุดพิศวงระหว่างการเดินทาง จนทุกวันนี้ยังคงเป็นคำถามว่า เขาหายไปอยู่ที่ไหนกันแน่…

ติดตามเรื่องราวได้กับ Main Stand

ขายฝัน... 

คีธ ไรน์ฮาร์ด ทำงานให้กับสำนักข่าวท้องถิ่นชื่อว่า "เดลี่ เฮอรัลด์" ที่ตั้งอยู่ในเมือง อัลลิงตัน ไฮจ์ท ซึ่งห่างจากเมืองชิคาโกไม่ไกลนัก งานของเขามักวนเวียนอยู่กับกีฬามหาวิทยาลัย บาสเกตบอล รวมไปถึงกีฬาท้องถิ่นในรัฐอิลลินอยส์

ตัวของ คีธ เรียกได้ว่าเป็นรุ่นใหญ่ของสำนักข่าวนี้อย่างเต็มปากแบบไม่ต้องสงสัย เขาเริ่มทำงานให้สำนักข่าวนี้ตอนอายุ 26 ปี ก่อนไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกีฬาได้สำเร็จ พร้อมกับเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องและเพื่อนร่วมงาน ด้วยสไตล์การทำงานที่ขยันขันแข็งและไม่เคยลาพักร้อนยาวเลยสักครั้ง จนเมื่ออายุเดินทางมาถึง 49 ปี เขาก็เริ่มคิดที่จะหาเวลาปลีกวิเวกบ้างแล้ว


Photo : echoespath.com

 

เดือนมิถุนายน 1988 คีธ ตัดสินใจใช้โควตาลาพักร้อน 90 วัน เขาแจ้งกับหัวหน้าสำนักข่าวโดยให้เหตุผลว่าจะออกไปใช้ชีวิตแบบของตัวเองสักครั้งหลังทำงานมานาน 23 ปีเต็ม จนในที่สุดเขาก็ได้พักร้อนสมใจ ว่าแต่จะไปเที่ยวที่ไหนดีล่ะ ?

คีธ ตามหาสถานที่พักร้อนด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ทั้งอ่านหนังสือ หนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์ รวมไปถึงโทรศัพท์สอบถามสถานที่ท่องเที่ยวกับเพื่อนของเขา จนไปสะดุดเข้ากับคำแนะนำของ เทด พาร์คเกอร์ เพื่อนสมัยวัยรุ่นที่กล่าวถึงเมืองที่กำลังอาศัยอยู่

 

พาร์คเกอร์ เปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า K.P. Cafe ในเมืองซิลเวอร์ พลูม รัฐโคโลราโด ชุมชนที่เคยเป็นสถานที่ขุดเหมือง ที่มีประชากรอยู่แค่ 170 กว่าคนเท่านั้น เนื่องจากเมืองนี้เป็นทางผ่านไปสู่เมืองอื่น ๆ จึงเต็มไปด้วยร้านค้าที่ผู้คนสัญจรไปมามักแวะมาเยี่ยมเยือน แน่นอนว่าเมื่อมีเพื่อนอยากมาอยู่ด้วย พาร์คเกอร์ จึงป้ายยาอย่างหนักหน่วง


Photo : georgetown-colorado.org

พาร์คเกอร์ อิงคุณสมบัติความเงียบสงบของเมืองโน้มน้าวให้ คีธ เดินทางมาหา เขาเล่าให้ คีธ ฟังถึงผู้คนที่ไม่พลุกพล่านและเป็นมิตร สภาพอากาศที่บริสุทธิ์ ห่างไกลความเจริญ ที่สามารถใช้หลีกหนีจากชีวิตวุ่นวายแบบเมืองศิวิไลซ์ที่ถูกมอมเมาด้วย แสง สี เสียง

 

คีธ โดนเมืองซิลเวอร์ พลูม ตกเข้าให้อย่างจัง เขาตอบรับคำเชิญของ พาร์คเกอร์ พร้อมกับวาดฝันไว้ว่าจะต้องเขียนนิยายให้ได้ 1 เล่ม พร้อมกับออกกำลังกายด้วยการปีนเขาทุกเช้า เพื่อเอาชนะโรคกลัวความสูงและรักษาหุ่นกับสุขภาพของตัวเอง คีธ ไม่รอช้ารีบจัดกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านในเมืองอัลกอนควิน รัฐอิลลินอยส์ เดินทางมากกว่า 1,400 กิโลเมตร ไปสู่เมืองซิลเวอร์ พลูม รัฐโคโลราโด ทันที

บ้านแห่งอัฐิ

แม้ว่า คาโรลิน ไรน์ฮาร์ด ภรรยาของ คีธ จะแสดงความเป็นห่วงถึงการไล่ล่าความฝันของสามีด้วยการแย้งความคิดของเขาในช่วงแรก แต่สุดท้ายเธอก็ยินยอมให้เขาไปอย่างไร้ปัญหา คีธ เดินทางมาถึงเมืองซิลเวอร์ พลูม ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 1988 และแล้วการพักร้อนตลอด 3 เดือนของเขาก็เริ่มต้นขึ้น

ทันทีที่เขามาถึง แผนชีวิตที่วางไว้ก็ได้ดำเนินไปตามคาด คีธ พักที่โรงแรมในเมืองพร้อมกับเขียนนิยายไปพลาง ๆ และได้ตื่นไปเดินขึ้นเขาหลังเมืองทุก ๆ เช้าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม คีธ ก็ได้ไปสะดุดตากับบ้านร้างที่ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับโบสถ์คาทอลิกหลังร้านกาแฟ K.P. Cafe ของ พาร์คเกอร์ จนเกิดไอเดียใหม่ขึ้นมา


Photo : CBS Denver

 

ด้วยลักษณะบ้านที่ดูทรงแล้วเจ้าของคนก่อนน่าจะเคยเปิดร้านค้า ทำให้เขาตัดสินใจย้ายออกจากโรงแรมมาเช่าบ้านร้างหลังนั้น เพื่อเปิดร้านขายของเก่า ของสะสม และวางขายภาพถ่ายที่เขาเป็นคนกดชัตเตอร์เองระหว่างเดินทางไปท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ โดยเขาคิดว่าถ้าหากสามารถตั้งตัวในเมืองซิลเวอร์ พลูม ได้ ก็จะพาภรรยาและลูก ๆ อีก 3 คนย้ายตามมาด้วย

ธุรกิจของ คีธ ดำเนินไปอย่างราบรื่นไร้ซึ่งปัญหา รายได้ส่วนใหญ่มาจากผู้คนที่ขับรถสัญจรผ่านไปมายังเมืองนี้ อีกทั้งการมาอาศัยในเมืองซิลเวอร์ พลูม ของเขาก็เริ่มได้รับความคุ้นเคยและไว้วางใจจากคนท้องถิ่นมากขึ้น จนในที่สุด พาร์คเกอร์ เพื่อนรักของ คีธ ก็ได้เล่าความจริงเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ให้ฟัง เป็นความจริงที่ทำให้ คีธ ต้องตกใจ…

 

เจ้าของบ้านคนเก่าที่ คีธ อาศัยอยู่มีชื่อว่า โธมัส ยัง โดยเขาใช้บ้านหลังนี้เปิดร้านขายหนังสือ ซึ่ง พาร์คเกอร์ เชื่อว่า โธมัส ยัง น่าจะเป็นชาวเมืองโดยกำเนิด เนื่องจากเขาเปิดร้านหนังสือแห่งนี้มาก่อนที่ พาร์คเกอร์ จะย้ายมาเปิดร้านกาแฟที่นี่ แต่อย่างไรก็ดี ในวันที่ 7 กันยายน 1987 หรือเมื่อประมาณ 9 เดือนก่อนที่ คีธ จะย้ายเข้ามาอยู่ ชายคนนี้ก็อันตรธานหายไปจากเมืองอย่างเป็นปริศนา


Photo : echoespath.com

เช้าวันนั้น โธมัส ยัง ปิดร้านในเวลา 09.00 น. พร้อมพาสุนัขคู่ใจนามว่า "กัส" ออกไปด้วย และเที่ยวบอกกับเพื่อนบ้านในละแวกว่าเขาและเจ้ากัสจะไปเดินทางเที่ยวยุโรป 3 สัปดาห์ ก่อนเดินหายไปทางภูเขาหลังเมือง โดยเขาพกของไปแค่กระเป๋าเป้กับเจ้ากัส สุนัขสีดำตัวใหญ่

 

เวลาผ่านไป 3 สัปดาห์ โธมัส ยัง และ เจ้ากัส ก็ไม่ได้กลับมาที่เมืองตามที่ว่าไว้ อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อได้ นำไปสู่การออกค้นหาตัวเขาทั่ว เคลียร์ ครีก เคาท์ตี้ รัฐโคโลราโด แต่ก็ไม่พบหลักฐานใด ๆ  ก่อนที่เขาจะถูกประกาศให้เป็นผู้สูญหายอย่างเป็นทางการ

 

ถึงตรงนี้ถ้าคีธเป็นคนกลัวผีคงรีบย้ายออกไปแล้ว แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเรื่องราวของ โธมัส ยัง ทำให้คีธนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจชั้นดีในการเขียนนิยายเรื่องใหม่ของเขา โดยคีธนำเรื่องราวการหายตัวไปของ โธมัส ยัง กับเรื่องราวการมายังเมืองซิลเวอร์ พลูม ของตัวเองมาหลอมรวมเป็นเรื่องราวใหม่ภายใต้ตัวละครที่ชื่อว่า "กาย ยิปซัม"

กาย ยิปซัม

คีธ ลงมือเขียนนิยายของเขาพร้อมกับไล่สอบถามประวัติส่วนตัวของ โธมัส ยัง จากชาวเมืองซิลเวอร์ พลูม ด้วยการเดินไปขอคำตอบจากทีละบ้าน ๆ แต่อย่างไรก็ดีในวันที่ 31 กรกฎาคม 1988 เพียง 1 เดือนหลังจาก คีธ ย้ายมาที่เมืองนี้ ณ บริเวณเขาทางใต้ของเมืองที่ชื่อว่า "เพนเดิลตัน" ห่างจากเมืองไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ได้มีการค้นพบซากกระดูกมนุษย์ ซากกระดูกสุนัข กระเป๋าเป้สะพายหลัง และปืนพก อยู่ในพื้นที่ป่าโปร่งตรงเชิงเขา 


Photo : www.strangeoutdoors.com

 

จากการชันสูตรพบว่าทั้งซากกระดูกมนุษย์และซากกระดูกสุนัขที่พบนั้น มีร่องรอยการถูกยิงด้วยปืนที่ศีรษะด้วยกันทั้งคู่ ก่อนที่ต่อมาจะยืนยันอย่างเป็นทางการได้ว่าซากกระดูกทั้งหมดนั้นเป็นของ โธมัส ยัง และเจ้ากัส ซึ่งจากการสอบสวนของตำรวจเคลียร์ ครีก เคาท์ตี้ ได้สรุปคดีว่าเป็นการฆ่าตัวตายเนื่องจากไม่กี่วันก่อน โธมัส ยัง จะหายตัวไปเขาได้ซื้อปืนพกไป 1 กระบอก โดยทางตำรวจเคลียร์ ครีก เคาท์ตี้ ได้กล่าวถึงรูปคดีนี้ว่า

"นายพรานผู้พบศพคนแรกอ้างว่าได้ไปสำรวจพื้นที่สำหรับฤดูล่าสัตว์ด้วยธนู ก่อนจะพบซากศพของโธมัส และในที่เกิดเหตุเราได้พบปืนพกลูกโม่ และในการสืบสวนต่อมาเราพบว่าโธมัสซื้อปืนไปประมาณสี่วันก่อนที่เขาจะหายตัวไปจากเมือง คดีของ โธมัส ยัง ถูกสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย จากการแถลงของสำนักงานชันสูตรศพและแผนกนายอำเภอเทศมณฑลเคลียร์ ครีก"

 

ถึงอย่างไรชาวบ้านก็ไม่เชื่อว่า โธมัส จะฆ่าตัวตายและฆ่าเจ้ากัสด้วย เนื่องจากเขาเป็นหนุ่มโสดที่รักสุขภาพมากและยังรักสัตว์อีกด้วย เขามักปรากฏตัวพร้อมกับเจ้ากัสเสมอไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม 

แต่กลับมีชายคนหนึ่งที่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก คีธ ไรน์ฮาร์ด เพราะมันช่วยให้เขาแต่งนิยายได้ดีขึ้นกว่าเดิม และหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ในเช้าวันที่ 7 สิงหาคม 1988 คีธ ได้ประกาศลั่นกลางร้านกาแฟ K.P. Cafe ว่าจะไปพิชิตเขาเพนเดิลตัน สถานที่พบศพของ โธมัส ยัง และนอกจากนี้เขายังได้เที่ยวไปบอกชาวเมืองถึงเรื่องการไปพิชิตเขาดังกล่าว แต่อย่างไรตามกลับไม่มีใครเชื่อว่า คีธ จะปีนเขาลูกนั้นได้ เพราะว่าคีธเป็นโรคกลัวความสูง แต่เขาเพนเดิลตันนั้นสูงถึง 3,600 เมตร อีกทั้งการเดินทางไปกลับเขาลูกนั้นยังใช้เวลารวมกว่า 6 ชั่วโมง


Photo : sweethousedreams.blogspot.com

"เขาอยู่ในร้านกาแฟแล้วบอกผมว่า จะไปถึงยอดภูเขาภายในวันนี้ ถ้าเขาไม่กลับมาให้เรียกหน่วยกู้ภัย แต่แล้วเขาก็บอกว่าล้อเล่น ตอนนั้นผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์ เขาชี้ไปที่ภูเขา บอกลาผม แล้วเดินออกจากร้านไป นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเขา" คำให้การของ เทด พาร์คเกอร์ เพื่อนสนิทของคีธและเจ้าของร้านกาแฟ K.P. Cafe 

สุดท้ายแล้วก็ไม่มีสิ่งใดจะมาหยุดความทะเยอทะยานของ คีธ ได้ เพราะในวันเดียวกันนั้นเวลา 16.30 น. คีธได้เดินออกจากที่พักของตัวเองมุ่งหน้าไปยังภูเขาเพนเดิลตัน โดยไม่พกสัมภาระใด ๆ ติดตัวไปเลย ไม่มีแม้แต่เสบียง ไม่มีอุปกรณ์ปืนเขา ขนาดเสื้อผ้าที่ใส่ไปยังเป็นเครื่องแต่งกายธรรมดา 

 

แม้ระหว่างทางชาวเมืองจะเตือนคีธด้วยความเป็นห่วง เพราะการเดินขึ้นภูเขาในตอนกลางคืนล้วนเต็มไปด้วยอันตราย อีกทั้งการเดินเท้าไปยังเขาเพนเดิลตันอาจใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง และยังไม่รวมเวลาที่ต้องปืนขึ้นลงอีก 6 ชั่วโมง ซึ่งจะเท่ากับว่า ภารกิจของคีธอาจเสร็จตอน 01.00 น. เลยทีเดียว

และแล้วทุกสิ่งก็เป็นไปตามคาด เช้าวันที่ 8 สิงหาคม 1988 คีธก็ไม่กลับมายังเมืองนี้จริง ๆ ปฏิบัติการค้นหาตัวเขาจึงเริ่มต้นขึ้น ทีมกู้ภัยโคโลราโด อัลไพน์ ได้เริ่มปฏิบัติการกู้ภัยครั้งใหญ่ เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ อาสาสมัคร 127 คน สุนัขดมกลิ่น 6 ตัว ได้กระจายตัวค้นหาคีธทั่วเขาเพนเดิลตัน อย่างไรก็ตามปฏิบัติการค้นหาเต็มไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเขามีความสูงชันและพงหญ้าที่ขึ้นสูง

ชาร์ลี่ย์ ชิมานสกี้ หัวหน้าทีมกู้ภัยโคโลราโด อัลไพน์ ได้กล่าวถึงการค้นหาครั้งนี้ว่า

"การค้นหา ไรน์ฮาร์ด เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร กองหญ้าและกองฟางรอบ ๆ นี้มีความสูงราว 900 เมตร ในแนวตั้ง มีความลาดชัน 60 องศา นี่เป็นภูมิประเทศที่ยากลำบากในการค้นหา เราเสียเปรียบจริง ๆ เรารู้แค่ว่าคีธสวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เสื้อเชิ้ตผ้าสักหลาด รองเท้าเทนนิส และกระเป๋าเป้สะพายหลัง นอกจากนี้เขาไม่มีอุปกรณ์ปีนเขา คีธไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้มากมาย เขาแทบไม่ทิ้งหลักฐานการเดินทางไว้ข้างหลังเลย"


Photo : www.historicmysteries.com

ในที่สุดการค้นหาตัว คีธ ไรน์ฮาร์ด ก็มาถึงจุดสิ้นสุดในวันที่ 12 สิงหาคม 1988 เมื่อ เฮลิคอปเตอร์เชสน่ากู้ภัยลำหนึ่งชนกับภูเขาจนทำให้มีนักบินบาดเจ็บสาหัส 1 คน และเสียชีวิตอีก 1 คน จึงจำเป็นต้องยุติการค้นหาไว้แต่เพียงเท่านี้

ในส่วนการสืบค้นที่พัก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดคอมพิวเตอร์ของคีธเพื่อหาเบาะแสจนพบกับนิยายที่เขาเขียนค้างไว้อยู่  ซึ่งได้กล่าวถึงตัวละครเอกที่ชื่อ "กาย ยิปซัม" ในบทสุดท้ายว่า

 

"กาย ยิปซัม สวมรองเท้าปีนเขาและสวมเสื้อคลุมหนาเตอะ เขาเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว รวมไปถึงแรงจูงใจของตัวเอง กาย ปิดประตูบ้านแล้วมุ่งไปยังธรรมชาติ ในป่าหมอกที่มืดมิดบนยอดเขานั้น"

นอกจากนี้ตำรวจยังพบโน้ตที่คีธเขียนไว้ด้วยว่า

"โอ้พระเจ้า ฉันอยากออกเดินทาง ฉันอยากออกเดินทางจนตัวฉันตาย สถานที่สุดท้ายที่มีภูเขาเป็นห้องนั่งเล่น และท้องฟ้าเป็นหลังคา"

บังเอิญหรือเรื่องจริง ?

มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยหรือ ที่ชายทั้ง 3 อย่าง โธมัส ยัง, คีธ ไรน์ฮาร์ด และ กาย ยิปซัม มีการเดินทางที่เหมือนกัน แถมยังต้องมาพบกับจุดจบที่ไร้ซึ่งคำตอบเหมือนกันอีก แต่ชาวเมืองจำนวนไม่น้อยต่างก็อดคิดไม่ได้ว่า คีธ ต้องการทำตัวให้เป็น โธมัส คนที่ 2 หรือเปล่า หรือว่า คีธ และ โธมัส เผลอเข้าไปพบกับความจริงอะไรบางอย่างจนถูกฆาตกรรมหรือไม่ เนื่องจากทั้งคู่พักอาศัยอยู่ในสถานที่เดียวกัน


Photo : www.darksidedoc.com

อย่างไรก็ดีเหมือนกับว่า คีธ จะมีเส้นทางที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย เพราะช่วงก่อนที่ศพของ โธมัส จะถูกพบ เขาได้แจ้งกลับไปยังสำนักข่าว เดลี่ เฮอรัลด์ ที่ทำงานของเขาว่า ขอเขียนบทความเกี่ยวกับ ชิคาโก บูลส์ ทีมบาสเกตบอลทีมโปรดของเขา นอกจากนี้ชาวเมืองบางส่วนได้ให้การกับตำรวจอีกว่า คืนก่อนวันเกิดเหตุได้มีการจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ภายในเมืองโดยมีแขกรับเชิญที่เข้าร่วมมาจากเมืองอื่น ๆ ในรัฐโคโลราโดย

โดย คีธ ได้เข้าไปจีบผู้หญิงคนหนึ่งที่มาจากเมืองเดนเวอร์ที่มีชื่อว่า เกรทต้า แต่หญิงคนนี้กลับไม่เล่นด้วย ถึงแม้คีธจะอกหักเล็ก ๆ  แต่จากการกระทำ 2 อย่างนี้ก็พอบอกได้ว่าคีธไม่น่าจะมีอารมณ์หรือแรงจูงใจที่อยากฆ่าตัวตาย หรือถ้าเขาอยากจะจบชีวิตตัวเองจริง ๆ ก็ไม่น่าจะสร้างเรื่องให้ซับซ้อนเช่นนี้

 

ย้อนกลับไปที่ตัวของ โธมัส ยัง จากการชันสูตรได้พบอีกหนึ่งหลักฐานว่า ขนาดของรอยกระสุนที่ศีรษะของเขาและเจ้ากัสไม่ตรงกับขนาดของปากกระบอกปืนที่เขาซื้อไป อีกทั้งปืนของโธมัสยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ผ่านการใช้งานใด ๆ

อีกทฤษฎีหนึ่งที่ถูกนำมาสืบสวนคือ บนภูเขาเพนเดิลตันอาจมีสิ่งลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่ที่ คีธและโธมัสอาจไปล่วงรู้จนถูกสั่งปิดปากก็เป็นได้ หรือภายในร้านที่ทั้งสองเคยอาศัยอยู่อาจมีความลับบางอย่างก็เป็นได้

เหลือไว้แต่ความทรงจำ

"คีธและผมเติบโตมาในเมืองอัลกอนควิน รัฐอิลลินอยส์ บ้านของเราอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกัน เราเป็นเพื่อนกันมาประมาณ 40 ปี ความสัมพันธ์ของเราคล้ายกับพี่น้อง คีธบอกผมว่ารู้สึกวิตกกังวลและตื่นเต้นที่จะอายุ 50 ปี เขามาที่นี่เพื่อจบอายุ 49 ปีสุดท้ายในแบบที่เขาฝันไว้" เทด พาร์คเกอร์ กล่าวไว้ในรายการ Unsolved Mysteries ทางสถานีโทรทัศน์ NBC ในเดือนมกราคม ปี 1990 

นอกจากนี้ ทิฟฟานี่ ไรน์ฮาร์ด ลูกสาวของ คีธ ได้กล่าวในรายการอีกด้วยว่า "คุณพ่อชอบที่จะดำเนินชีวิตตามเรื่องราวที่เขากำลังเขียน ทำความเข้าใจกับมัน เพื่อให้พวกเขาเขียนเกี่ยวกับมันได้ดีขึ้น เป็นไปได้ว่าพ่อของฉันอยากจะรู้สึกว่าการหายตัวไปอาจช่วยให้เขาได้เขียนนิยายของ กาย ยิปซัม ได้มีอรรถรสยิ่งขึ้น"


Photo : echoespath.com

ปัจจุบัน คีธ ไรน์ฮาร์ด ได้ถูกประกาศว่าเป็นผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการแล้วในปี 2001 ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันนั้นเอง สเวน ลูกชายของเขาก็ได้เสียชีวิตจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์เกินขนาด 

เดือนเมษายนปี 1998 รายการ Unsolved Mysteries ได้ออกอากาศเทปสัมภาษณ์ แพท บราวน์ ชายความจำเสื่อมที่หลงทางอยู่ในเมืองไชแอนน์ รัฐไวโอมิง ก่อนที่หลังจบรายการจะมีผู้ชมโทรเข้ามาที่สถานีโทรทัศน์ CBS ว่า แพท บราวน์ คือ คีธ ไรน์ฮาร์ด ที่หายตัวไปเมื่อ 10 ปีก่อน เนื่องจากมีรูปร่างลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่ความจริงก็ได้ปรากฏ เมื่อญาติของเขาได้มารับตัวเขากลับบ้านในรัฐอินเดียนา โดยชื่อจริงของ แพท บราวน์ ก็คือ คาร์ล บอร์ดนิค

 

"ฉันไม่คิดว่าคีธจะเป็นคนประเภทที่เดินจากไปด้วยชีวิตแล้วทิ้งมันไป เขารักผู้คนในชีวิตของเขา เขาชอบที่จะพูดคุยกับทุกคนที่รู้จักและได้พบ ฉันไม่คิดว่าเขาจะทิ้งทุกคนทั้งหมดไว้ข้างหลังได้" คาโรลิน ไรน์ฮาร์ด ภรรยาของ คีธ กล่าวกับรายการ Unsolved Mysteries ทางสถานีโทรทัศน์ NBC ในเดือนมกราคม ปี 1990 

เธอไม่เชื่อว่าสามีของเธอจะสร้างเรื่องเพื่อหายตัวไปง่าย ๆ แบบนี้ เธอไม่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรม 

คดีการหายตัวไปของ คีธ ไรน์ฮาร์ด และคดีฆาตกรรมของ โธมัส ยัง ยังคงเป็นปริศนาที่หาข้อสรุปไม่ได้มาตลอด 33 ปีจนถึงทุกวันนี้ มันทำให้ครอบครัวของทั้งคู่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ค้างคาใจอยู่ตลอดเวลา ถึงเรื่องคนรักที่จากไปโดยที่ไม่บอกกล่าวกันเลยสักคำ แม้แต่หน้าตาในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็ไม่มีสิทธิได้เห็น

ถ้าหากคีธมีพลังวิเศษสามารถมองเห็นอนาคตของตัวเอง ในวันที่ 30 มิถุนายน 1988 เขาอาจเลือกที่จะไม่มาพักร้อนที่เมืองซิลเวอร์ พลูม ก็เป็นได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook