ทำความเข้าใจระบบเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก 2022

ทำความเข้าใจระบบเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก 2022

ทำความเข้าใจระบบเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก 2022
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ใกล้เข้ามาทุกขณะ และบางทวีป เช่น ยุโรป ได้เดินทางเข้าสู่การแข่งขันรอบคัดเลือกรอบเพลย์ออฟ ซึ่งถือเป็นด่านสุดท้ายที่จะตัดสินว่าชาติใดจะก้าวสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประเทศกาตาร์ 

Main Stand จึงใช้โอกาสนี้อธิบายระบบเพลย์ออฟของฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งแตกต่างออกไปจากปีก่อน ๆ โดยรอบเพลย์ออฟจะถูกแบ่งออกเป็นสองสาย คือ รอบเพลย์ออฟทวีปยุโรป และ รอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป

รอบเพลย์ออฟทวีปยุโรป

เนื่องจากเป็นปีแรกที่ผลงานในทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก จะเข้ามามีส่วนในการคัดเลือกทีมเข้ารอบฟุตบอลโลก รอบเพลย์ออฟโซนยุโรปของฟุตบอลโลก 2022 จึงมีความสลับซับซ้อน และมีความหฤโหดสุด ๆ เพราะจะมีเพียง 3 จาก 12 ทีมเท่านั้น ที่จะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย

สำหรับ 12 ทีมที่มีสิทธิลงแข่งขันในรอบเพลย์ออฟ ประกอบด้วย 10 ทีม ซึ่งจบเป็นอันดับสองของกลุ่มจากการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบแรก ประกอบด้วย โปรตุเกส, สวีเดน, อิตาลี, ยูเครน, เวลส์, สกอตแลนด์, ตุรกี, รัสเซีย, โปแลนด์ และมาซิโดเนียเหนือ

ส่วนอีก 2 ทีม คือ สองชาติที่สามารถคว้าแชมป์กลุ่มจากการแข่งขัน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และมีอันดับโลกดีที่สุด แต่ไม่สามารถจบสองอันดับแรกของกลุ่มในรอบคัดเลือกรอบแรก โดยสองชาตินั้น คือ ออสเตรีย ซึ่งอยู่อันดับที่ 18 ของโลก และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งอยู่อันดับที่ 19 ของโลก

เมื่อรวมกันแล้วจะได้ 12 ทีม ซึ่งทุกทีมจะถูกนำมาเรียงลำดับตามผลงานในรอบคัดเลือกรอบแรก 6 ทีมที่มีผลงานดีที่สุด ได้แก่ โปรตุเกส, สกอตแลนด์, อิตาลี, รัสเซีย, สวีเดน และเวลส์ จะถูกเลือกเป็นทีมวาง และมีสิทธิเล่นในบ้านในรอบเพลย์ออฟรอบแรก ส่วนอีก 6 ทีมที่เหลือ จะเล่นเป็นทีมเยือนในรอบเพลย์ออฟรอบแรก

หลังจากได้ทีมวางแล้ว จะมีการแบ่งแต่ละทีมไปอยู่ในการแข่งขันแต่ละสาย ซึ่งมีทั้งหมดสามสาย โดย 2 ทีมวางถูกแบ่งไปอยู่ในหนึ่งสาย ร่วมกับอีก 2 ทีมรอง สรุปแล้ว แต่ละสายจะมีทีมเข้ารวมแข่งขันทั้งหมด 4 ทีม เพื่อค้นหาผู้ชนะเพียงชาติเดียวในแต่ละสาย ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

 

กฎการแข่งขันในแต่ละสายจะถูกแบ่งเป็นสองรอบในกติกาแบบน็อกเอาต์ โดยรอบแรกจะเป็นการพบกันระหว่างทีมวาง และทีมรอง ส่วนรอบชิงชนะเลิศจะเป็นการพบกันของผู้ชนะจากรอบแรกทั้งสองทีม ด้วยกฎแบบนี้ จะทำให้มีผู้ชนะเพียงทีมเดียวจากแต่ละสาย และจะช่วยคัดเลือก 3 ทีมที่ดีที่สุดจาก 12 ทีมของรอบเพลย์ออฟโซนยุโรป เพื่อผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายตามต้องการ

รอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป

สำหรับชาติจาก 4 ทวีปที่เหลือ ได้แก่ เอเชีย, อเมริกาเหนือและกลาง, อเมริกาใต้ และ โอเชียเนีย ซึ่งสามารถผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้สำเร็จ จะต้องเข้าร่วมแข่งขันรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป หรือ Inter-confederation Play-offs เพื่อค้นหาเพียง 2 จาก 4 ทีมที่จะผ่านเข้าไปแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

เนื่องจาก 4 ทีมที่จะเข้าร่วมแข่งขันเป็นตัวแทนแต่ละทวีป การคัดเลือกทีมที่จะเข้าแข่งขันจึงแตกต่างกันไป โดยทีมจากทวีปเอเชีย คือ ชาติที่จบอันดับ 3 ของกลุ่ม (หนึ่งกลุ่มมี 6 ทีม) จากการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบสาม หรือ รอบ 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งจะมีจำนวนทั้งหมด 2 ทีม และ 2 ทีมดังกล่าวจะต้องลงแข่งขันในรอบเพลย์ออฟโซนเอเชีย เพื่อหาเพียงทีมเดียวที่จะเข้ามาแข่งขันในรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป

สำหรับโซนอเมริกาเหนือและกลาง หรือ คอนคาเคฟ สิทธิตรงนี้จะเป็นของทีมที่จบอันดับ 4 ของกลุ่ม จากรอบคัดเลือกรอบสาม หรือ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วนโซนอเมริกาใต้ สิทธิตรงนี้เป็นไปในลักษณะเดียวกัน คือตกเป็นของทีมอันดับ 5 จากทั้งหมด 10 ชาติในรอบคัดเลือก

 

อีกหนึ่งที่ว่างจากโซนโอเชียเนียจะตกเป็นของผู้ที่ผ่านรอบคัดเลือกภายในทวีป โดย 11 ชาติสมาชิกจะจัดลีกในการแข่งขันแบบพบกันหมด (คล้ายกับ อเมริกาใต้) และคัดเลือก 4 ทีมที่ดีที่สุดเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสอง ซึ่งจะแข่งขันในระบบน็อกเอาต์ เพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวที่จะเข้าแข่งขันรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีปต่อไป

เมื่อได้ครบทั้ง 4 ชาติ จาก 4 ทวีป ในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีปแล้ว จะมีการจับฉลากประกบคู่ เนื่องจากไม่มีการกำหนดตายตัวว่าทวีปไหนต้องเจอกับทวีปไหน เมื่อได้คู่แข่งขันแล้ว จึงจะหาทีมที่ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายผ่านการแข่งขันเพียงนัดเดียวภายในสนามกลาง จึงจะได้ 2 ชาติ เข้าสู่รอบต่อไปตามต้องการ

ทั้งนี้ รอบเพลย์ออฟระหว่างทวีปยังไม่ได้รายชื่อทั้ง 4 ทีมที่มีสิทธิเข้าร่วมแข่งขันแต่อย่างใด
 
* ทวีปแอฟริกาไม่มีการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ เนื่องจากจะมีการคัดเลือก 5 ทีมที่จะผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบสาม ซึ่งครบโควตาของทวีปพอดี *

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook