รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้ : เหตุผลสุดคลาสสิกที่ คูตินโญ่ ล้มเหลว ณ บาร์เซโลน่า

รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้ : เหตุผลสุดคลาสสิกที่ คูตินโญ่ ล้มเหลว ณ บาร์เซโลน่า

รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้ : เหตุผลสุดคลาสสิกที่ คูตินโญ่ ล้มเหลว ณ บาร์เซโลน่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฤดูกาล 2017-18 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คือหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดภายใต้การลงเล่นตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ของ ลิเวอร์พูล โดยมี 3 แนวหน้าเป็น ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ... ที่คือแผงเกมรุกที่เป็นจุดเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ของหงส์แดงอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามเมื่อตลาดซื้อขายเดือนมกราคมเปิดขึ้น คูตินโญ่ บอกว่าเขาต้องการย้ายไปที่ บาร์เซโลน่า สโมสรที่เป็นเหมือนความฝันสูงสุดในชีวิตของเขา ไม่ว่าจะดีหรือร้ายเขาคงจะเสียใจหากไม่ตัดสินใจรับโอกาสนี้เอาไว้

ที่สุดแล้วเราต่างก็เห็นกันว่าเกิดอะไรขึ้น คูตินโญ่ นักเตะที่เก่งที่สุดในพรีเมียร์ลีกยุคหนึ่ง กลับกลายเป็นดีลที่ล้มเหลวที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า ไปอย่างเหลือเชื่อ และจากนักเตะค่าตัวแพง กลับกลายเป็นนักเตะที่ทีมพยายามจะกำจัดออกไปให้ได้

 

เกิดอะไรขึ้นกับเขา ติดตามเรื่องราวความล้มเหลวที่ บาร์เซโลน่า ของ คูตินโญ่ ได้ที่นี่กับ Main Stand

โอกาสที่ปฏิเสธไม่ได้ 

ย้อนไปไม่ต้องไกลเอาสัก 5-10 ปีก่อน ภาพของสโมสร บาร์เซโลน่า นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหนไม่ต้องสืบสาวให้มากความ นี่คือสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งของโลก พวกเขาเอกอุเรื่องวิธีการเล่นที่ไม่มีสโมสรไหนสามารถเลียนแบบได้ นักเตะตัวเล็ก ๆ หลายคนวิ่งไปทั่วสนามอย่างพร้อมเพรียงและมีระบบที่ชัดเจน 

การจ่ายบอลสำหรับเกมรุกที่สวยงามเหนือชั้น และจบลงด้วยผลลัพธ์ทั้งการแข่งขันและถ้วยรางวัล นี่คือเหตุผลที่นักเตะคนไหน ๆ ก็อยากมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้สักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะบราซิเลี่ยนอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 

ด้วยสไตล์การเล่นของ บาร์เซโลน่า ที่ได้กล่าวมามีความสัมพันธ์กับวิธีการเล่นของนักเตะบราซิล มีวลีที่แข้งบราซิลบ่งบอกถึงปรัชญาและวิธีการเล่นของเขาเสมอนั่นคือคำว่า "Joga Bonito"

Joga Bonito เป็นคำจากภาษาโปรตุเกสที่มีความหมายว่า “The Beautiful Game” หรือ “เกมอันสวยงาม” นักเตะบราซิลไม่ชอบแค่ผลแพ้ชนะ แต่พวกเขาชอบที่จะได้ใส่จินตนาการอย่างอิสระลงไปในเกม และ บาร์เซโลน่า เมื่อครั้งอดีตคือทีมที่มอบโอกาสการสร้างสรรค์ให้กับพวกเขาได้อย่างเต็มที่ที่สุด 

ไม่ใช่แค่นักเตะบราซิลเท่านั้น แต่คนบราซิลก็ยังชอบสโมสร บาร์เซโลน่า มากที่สุด การสำรวจเมื่อปี 2018 ที่จัดทำโดยสถาบันความคิดเห็นและสถิติสาธารณะของบราซิล ที่เก็บข้อมูลจากคนที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 29 ปีในหัวข้อสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศที่พวกเขาชอบที่สุดนั้นพบว่า บาร์เซโลน่า นำมาเป็นที่ 1 ด้วยคะแนน 25% ตามด้วย เรอัล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามลำดับ

ไม่ต้องแปลกใจว่าเพราะเหตุใด บาร์เซโลน่า จึงมีนักเตะบราซิลเก่ง ๆ อยู่ในทีมตลอดในยุคหลัง ๆ ทั้ง โรมาริโอ, โรนัลโด้, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ เป็นต้น การที่ คูตินโญ่ มีความฝันที่ บาร์เซโลน่า ก็ไม่แปลกอะไร เพราะที่นี่มีทุกอย่างที่นักเตะบราซิลต้องการ อาหารที่คุ้นปาก, สภาพอากาศที่ดีกว่า และวิธีการเล่นที่ว่ากันว่าเหมาะกับนักเตะบราซิลและอเมริกาใต้โดยเฉพาะ 

ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ในเวลานั้นก็ไม่ได้เก่งกาจและดึงดูดใจนักเตะทุกคนบนโลกนี้เหมือนกับ ลิเวอร์พูล ในปัจจุบัน ดังนั้นการย้ายทีมของ คูตินโญ่ ที่พร้อมตีจาก ลิเวอร์พูล ไปยัง บาร์เซโลน่า จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถโทษเขาได้เลย 

"ในอดีตช่วงยุค 80s นักเตะบราซิลเคยปักหมุดกันไว้ที่ อิตาลี ทั้ง ซิโก้, โจเนียร์ คาซากรานเด้, โตนินโญ เซเรโซ และ โซคราเตส แต่ ลา ลีกา ก็มีที่ทางในยุค 90s กับนักเตะอย่าง เบเบโต้, เมาโร ซิลวา และ โรมาริโอ ต่างเปลี่ยนทิศทางนี้ได้ ยิ่งในทุกวันนี้ ลา ลีกา มีคำโฆษณาชวนเชื่อสำหรับนักเตะบราซิลอย่างหนักเลยทีเดียว" เอราสโม ดาเมียนี่ (Erasmo Damiani) อดีตผู้ประสานงานทีมชาติบราซิลกล่าวกับสื่ออย่าง FourFourTwo 

"ถ้าให้เลือกระหว่าง อังกฤษ กับ สเปน นักเตะบราซิลคนไหนก็ต้องเลือกสเปนกันทั้งนั้น พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ไม่เปิดพื้นที่และมอบใบอนุญาตทำงานให้กับนักเตะนอกสหภาพยุโรปเมื่อในอดีตอยู่เป็นเวลานาน"

"ดังนั้นคุณไม่สามารถตำหนิ คูตินโญ่ ได้เลยหากเขาจะเลือกย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่ที่ บาร์เซโลน่า แม้ ลิเวอร์พูล จะมีชื่อเสียง แต่ ณ เวลานั้นพวกเขาก็ยังมีคุณภาพแบรนด์ที่ห่างกับ แมนฯ ยูไนเต็ด พอสมควร" 

ทุกอย่างเป็นไปตามที่กล่าว คนเรามักมองไปข้างหน้าเสมอ คูตินโญ่ ก็ปฏิเสธไม่ได้กับอาชีพที่มีอนาคตสดใสกับสโมสรที่เป็นสโมสรในฝันของแข้งบราซิล วัฒนธรรมประเพณีที่ไม่หนีจากบ้านเกิดของเขานัก มีเงินเดือนเพิ่มขึ้น มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น คูตินโญ่ ก็เหมือนมนุษย์ทั่วไป เมื่อมีทางให้ไปข้างหน้าก็ต้องไป แต่ใครจะรู้ว่ามนุษย์ทุกคนนั้นมีความแตกต่าง การเห็นคนสนิท เพื่อน และรุ่นพี่ประสบความสำเร็จกับสิ่งสิ่งหนึ่ง ใช่ว่าเราจะทำได้เหมือนกับพวกเขาเหล่านั้น 

แค่เก่งอาจไม่พอ บางครั้งมันก็ต้องมีคำว่าถูกที่ถูกเวลาด้วย "ไทมิ่ง" เป็นสิ่งที่พังพินาศในทุกส่วนทุกขั้นตอน หลังจากที่ บาร์เซโลน่า คว้าตัว คูตินโญ่ ไปในราคา 150 ล้านปอนด์ 

คูตินโญ่ ไม่มีเวลาคิดมากมายนักสำหรับสิ่งที่รอเขาอยู่ เขามีเวลาน้อยเกินกว่าจะคิดเรื่องไทมิ่ง เพราะในตอนนั้นมันคือสถานการณ์ "Now or never" กล่าวคือจะย้ายตอนนี้หรือไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกเลย ... แน่นอนว่ามนุษย์ทุกคนไม่มีใครรู้อนาคต จากนั้น คูตินโญ่ ก็คว้ามันไว้อย่างไม่ลังเล

แล้วใครเลยจะรู้ 

พิจารณาจากทั้งหมดที่รอ คูตินโญ่ อยู่ที่ บาร์เซโลน่า ดูเหมือนว่า คูตินโญ่ ควรจะมีชีวิตและอาชีพที่ดีขึ้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าบางครั้งจังหวะ เวลา และอะไรหลาย ๆ อย่างก็ทำให้สิ่งที่คิดว่า "มาแน่" กลายเป็นฝันค้างได้ง่าย ๆ 

 

เยอร์เกน คล็อปป์ กุนซือของ ลิเวอร์พูล เคยบอกผ่านสื่อถึง คูตินโญ่ ก่อนย้ายว่า "ถ้าเขาอยู่ ลิเวอร์พูล แฟนบอลจะสร้างรูปปั้นให้เขา แต่ถ้าเขาย้ายไปอยู่ที่ บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด หรือ บาเยิร์น มิวนิค เขาจะเป็นแค่นักเตะคนหนึ่งเท่านั้น"  

การที่ คล็อปป์ พูดแบบนี้อาจจะดูเหมือนเป็นการพยายามรั้งคูตินโญ่เอาไว้กับทีม แต่สิ่งที่คล็อปป์ทำนายไว้กลับเป็นจริง เพราะสถานการณ์ของ บาร์เซโลน่า ในช่วงที่ได้ คูตินโญ่ ไป กำลังเป็นช่วงเวลาที่สโมสรกำลังจะเดินทางสู่ขาลง 

อีวาน ซานอันโตนิโอ นักข่าวของสื่อฟุตบอลสเปน อย่าง sport.es พูดถึงกรณีนี้ว่า ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาอยู่ที่ บาร์เซโลน่า ด้วยการถูกตั้งให้เป็นตัวตายตัวแทนของ อันเดรส อิเนียสต้า ที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรุก ไม่ใช่ตัวริมเส้นทะลุทะลวงแบบ เนย์มาร์ ที่ย้ายออกไปอยู่กับ เปแอสเช ด้วยค่าตัวสถิติโลก 

ทว่าเมื่อเขาย้ายมาจริง ๆ กุนซือ เอร์เนสโต บัลเบร์เด้ กลับเปลี่ยนวิธีการใช้งานเขาในแบบที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ คูตินโญ่ ถูกจับไปเล่นริมเส้น และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผลงานของ บาร์เซโลน่า เริ่มตกลง จากนักเตะยุครุ่งเรื่องที่เริ่มหมดสภาพ และเหล่าตัวที่ซื้อเข้ามาใหม่ก็ไม่สามารถทดแทนได้ 

 

"ฝ่ายบริหารของ บาร์เซโลน่า อธิบายกับ คูตินโญ่ ก่อนย้ายทีมว่า การมาของเขามีเพื่อรอวันที่ อิเนียสต้า ออกจากทีม แต่เมื่อถึงเวลา บัลเบร์เด้ กลับมีแผนอื่นสำหรับ ฟิลิปเป้ เขาถูกจับไปเล่นตัวริมเส้นบ่อยกว่าตำแหน่งที่เขาถนัด ในเกมกับ เรอัล มาดริด เขาถูกวางไว้ที่ปีกขวา จนกระทั่ง อิเนียสต้า ย้ายไปเล่นที่ญี่ปุ่น คูตินโญ่ ก็ยังไม่ได้กลับสู่ตำแหน่งเดิมสักที"

"เขากำลังรู้สึกสับสนและคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่เข้าท่า และไม่คิดว่าจะแสดงผลงานที่ดีได้จากตำแหน่งที่เขาได้รับมอบหมาย ความมั่นใจของเขาหดหายไป พร้อม ๆ กับฟอร์มการเล่น จากนั้นเขาก็หายจากตำแหน่งตัวจริงของทีมไป" อีวาน ซานอันโตนิโอ ว่าไว้ในบทความ "The truth about Philippe Coutinho's Barcelona failure" (ความจริงที่ทำให้ คูตินโญ่ ล้มเหลวที่ บาร์เซโลน่า) 

สิ่งที่ตามมาจากนั้นคือการล่มสลายยิ่งกว่าที่ คูตินโญ่ จะคาดคิด จากสิ่งที่ทุกคนรู้กัน บาร์เซโลน่า ประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างรุนแรง พวกเขาปล่อยนักเตะตัวหลักออกจากทีมไปเรื่อย ๆ และคนที่เข้ามาใหม่ก็มีค่าจ้างสูบลิบแต่กลับทำผลงานได้ไม่ดี ครั้นจะขายเอาเงินมาโปะหนี้ที่มีก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีใครซื้อ สุดท้ายลงเอยด้วยการปลดโค้ชอย่าง บัลเบร์เด้ เรื่อยมาจนถึง กีเก้ เซเตียน และ โรนัลด์ คูมัน   

ความล้มเหลวด้านการบริหารของ บาร์เซโลน่า ถูกยืนยันในซัมเมอร์ที่ผ่านมาจากทั้งเรื่องข่าวคราวการทุจริตภายในสโมสร การแบ่งพรรคพวกและพยายามเล่นงานกันเอง และสุดท้ายที่ชัดที่สุดคือการเสียไอคอนของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ออกจากทีมไปแบบช็อกโลก เนื่องจากเพดานค่าเหนื่อยของ ลา ลีกา

ยิ่งเปลี่ยนโค้ชบ่อยเปลี่ยนแผนการเล่นบ่อย คูตินโญ่ ก็ยิ่งเคว้ง สุดท้ายเขาก็กลายเป็นนักเตะที่หาตัวเองไม่เจอว่าจริง ๆ แล้วเขาควรยืนอยู่จุดไหนสำหรับ บาร์เซโลน่า 

"การย้ายทีมของ คูตินโญ่ ส่อเค้าหายนะแบบคาดเดาได้ไม่ยากนัก เขาเป็นกองกลางแบบอิเนียสต้าไม่ได้ และไม่ใช่ตัวรุก 3 ตัวบนในแดนหน้าของระบบการเล่น 4-3-3 ด้วย ไม่ว่าจะจับลงตรงไหนก็ไม่เวิร์ก มันจึงกลายเป็นหายนะ แม้กระทั่ง เปดรี้ ที่อายุไม่ถึง 18 ปี ก็ยังสามารถตอบโจทย์กับระบบการเล่นได้มากกว่าเขาด้วยซ้ำ" ทิม วิคเกอรี่ (Tim Vickery) ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลจากอเมริกาใต้ ร่วมด้วยช่วยกันวิเคราะห์เรื่องความล้มเหลวของ คูตินโญ่ 

จริง ๆ จะบอกว่า คูตินโญ่ คือต้นเหตุของความล้มเหลวที่ บาร์เซโลน่า ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะนับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่กับทีมก็แทบหานัดที่เล่นดีถึงขั้นที่บอกว่าเป็น เดอะ แบก ไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ เมสซี่ ย้ายออก ภาพความล้มเหลวของ บาร์เซโลน่า ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นแบบไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม 

จากการย้ายทีมในฝันกลายเป็นฝันร้ายไปเสียแล้ว และโชคไม่ดีที่ คูตินโญ่ ไม่ได้มีคาแร็กเตอร์ที่แข็งแกร่งพอจะต้านทานสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาได้ ... นิสัยของเขากลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เรื่องทุกเรื่องยากขึ้นไปอีกหลายเท่า

ผู้ชายขี้อาย

มาร์เซโล บิเอลซ่า กุนซือชาวอาร์เจนตินา ที่ปัจจุบันคุมทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องการซื้อตัวนักฟุตบอลคนหนึ่งมาร่วมทีมว่า ต่อให้คุณจับตาดูเขาทุกอย่างทุกตารางนิ้ว แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าการซื้อตัวที่สืบข้อมูลมาอย่างดีแล้วครั้งนี้จะไม่ล้มเหลว 

"คุณอาจะได้ดูเทปการเล่นของเขาเป็นร้อยรอบ ตรวจสอบประวัติการบาดเจ็บของเขาอย่างละเอียด สอบถามเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัวมาเป็นอย่างดี วิเคราะห์ตัวเลขและสถิติต่าง ๆ ของเขา แต่มันยังมีอีกตัวแปรที่คุณไม่สามารถควบคุมได้เลย นั่นคือวิธีที่เขาจะปรับตัวให้เข้ากับชีวิต อาชีพ และที่อยู่อาศัยใหม่ของเขา ... เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดเดาได้ 100%" เขาว่าไว้เช่นนั้น และเรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะเข้ากับชีวิตของ คูตินโญ่ ที่ บาร์เซโลน่า ไม่น้อย 

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กุนซือของ บาร์เซโลน่า ที่ซื้อ คูตินโญ่ มาก็เคยพูดถึงนิสัยของ คูตินโญ่ ที่แตกต่างกับนักเตะบาร์เซโลน่าคนอื่น ๆ นั่นคือเขาไม่ใช่นักเตะที่มีปากเสียงอะไรนัก ต่อให้เขาเจอสถานการณ์ที่ไม่ชอบใจเขาก็มักจะเลือกอมพะนำไว้มากกว่าที่จะบ่นหรือพูดตรง ๆ ออกมา 

เขาไม่เหมือนสตาร์ค่าตัวแพงหลาย ๆ คนที่มีอีโก้สูงส่ง เชื่อมั่นในความสามารถและจุดยืนของตัวเอง คูตินโญ่ นั้น "สุภาพเป็นอย่างยิ่ง" จากคำกล่าวของ บัลเบร์เด้ 

อีวาน ซานอันโตนิโอ คนเดิมพูดถึงเรื่องนิสัยของ คูตินโญ่ ที่ไม่ต่างกับที่ บัลเบร์เด้ บอก สิ่งที่ คูตินโญ่ ทำเหมือนเป็นเด็กดีเป็นคนน่ารักไม่มีปัญหากับใคร เขาทำให้นักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ รักและเอ็นดูเขา แต่บางคนก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น บางคนตำหนิและต่อว่าเขา พยายามพูดกดดันให้ คูตินโญ่ เข้ายิมฝึกร่างกายมากขึ้น ... ไม่ว่า คูตินโญ่ จะทำตามหรือไม่ เขากลับไม่พูดมันออกมา เขาไม่ชอบการตอบโต้ ทำให้เขาถูกจำกัดความไว้ว่า "ขาดคาแร็กเตอร์ที่แข็งแกร่ง" 

ที่ ลิเวอร์พูล เข้าไม่เคยมีปัญหาแบบนั้น ลิเวอร์พูล มีความเป็นทีมของคนหนุ่มที่กระหายความสำเร็จภายใต้กุนซือที่ซื้อใจนักเตะเก่งที่สุดอย่าง คล็อปป์ เช่นเดียวกับตอนที่เขามาฉายแสงที่ ลา ลีกา กับ เอสปันญอล ที่มีกุนซืออย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ชายผู้เป็นที่รักและใส่ใจนักเตะอายุน้อย ทั้ง คล็อปป์ และ โปเช็ตติโน่ เข้าหา คูตินโญ่ และเพื่อนร่วมทีมทั้งสองทีมต่างก็กอดคอเขาเหมือนเป็นเพื่อนซี้พร้อมลุย 

แต่ที่ บาร์เซโลน่า มันแตกต่าง เขาขี้อายเกินไปที่จะแสดงจุดยืนว่าเขาเก่งแค่ไหน เหมือนคนเก่งที่ไม่ได้ใจเพื่อนร่วมทีม ไม่ได้รับการไว้วางใจจากผู้ร่วมงาน นักเตะที่ทีมซื้อมา "เพื่อแบกทีม" กลับกลายเป็นคนตัวกระจ้อยร่อยในห้องแต่งตัว เขากลายเป็นนักเตะคนหนึ่งตามที่คล็อปป์บอกจริง ๆ ด้วยคาแร็กเตอร์ของเขาเอง

ทิม วิคเกอรี่ คนเดิม ยืนยันว่าเรื่องนิสัยของ คูตินโญ่ นั้นก็เคยถูกพูดถึงคล้าย ๆ กันผ่านโค้ชทีมชาติบราซิลอย่าง ตีเต้ ซึ่งก็ยืนยันว่าในแคมป์ทีมชาติบราซิล คูตินโญ่ ก็เป็นคนที่ขี้อายและไม่ชอบมีปัญหาหรือไปท้าชนกับใคร 

"ผมถามเรื่องนี้กับ ตีเต้ และเขาบอกว่า คูตินโญ่ เป็นคนขี้อาย คุณสามารถจินตนาการภาพเขาเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของ บาร์เซโลน่า ได้เลย บรรยากาศรอบตัวเขามันแตกต่างที่ ลิเวอร์พูล อย่างแน่นอน"

"เขาโดนมองข้ามหัวอย่างชัดเจน บาร์เซโลน่า ไม่มีวันเวิร์กกับ คูตินโญ่ ไม่ว่าจะตอนไหน ๆ เมื่อ เมสซี่ จากไปก็ควรจะเป็นเวลาที่ทีมต้องการนักเตะที่มีความสามารถอย่างเขา แต่ไม่เลย บาร์เซโลน่า ยิ่งอยากกำจัดเขามากขึ้นไปอีก นักเตะที่พวกเขาเคยอยากได้แทบตายกลับกลายเป็นคนที่พวกเขาต้องการเททิ้ง" ทิม วิคเกอรี่ กล่าว

อย่าเข้าใจว่านิสัยขี้อายไม่มีปัญหากับใครและก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไปของ คูตินโญ่ เป็นสิ่งที่ผิด เพียงแต่ว่ามันไม่เหมาะกับสถานการณ์ใน บาร์เซโลน่า เท่านั้น ช่วงที่เขาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เขาก็สนิทสนมกับนักเตะแทบทุกคน นอกจากนี้ในแคมป์ทีมชาติบราซิล คูตินโญ่ ก็ถือเป็นที่รักของสมาชิกในทีมทั้งสิ้น 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นการย้ายทีมที่ผิดที่ผิดเวลาเท่านั้น คูตินโญ่ ไม่ได้ผิดอะไรที่เขาเป็นแบบที่เขาเป็นมาตลอด เรื่องนี้พาเราคิดไปถึงคำพูดคลาสสิกที่ว่า "รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้" เพราะไม่มีใครรู้ว่าอนาคตอะไรจะเกิดขึ้น เขาจึงต้องตัดสินใจตามสัญชาตญาณและสิ่งที่เชื่อว่าดีที่สุดสำหรับตัวเองในตอนนั้น 

ไม่มีใครรู้จนกว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับ คูตินโญ่ และ บาร์เซโลน่า ในแบบที่พวกเขาจะไม่มีวันทำซ้ำสองอีกแน่นอน เพราะราคาของการตัดสินใจผิดพลาดครั้งนี้ช่างแพงเหลือเกิน 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook