หลุยส์ ฟิโก้ : ดีลสุดเจ็บแสบที่เป็นจุดเริ่มต้นค่าฉีกสัญญาสุดเวอร์ของ ลา ลีกา
การย้ายทีมจาก บาร์เซโลน่า ไปยัง เรอัล มาดริด ของ หลุยส์ ฟิโก้ ถือเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การย้ายทีม เมื่อสโมสรคู่อริที่แค้นกันตั้งแต่อดีต ส่งนักเตะที่ดีที่สุดของตัวเองให้กับคู่แข่งแบบไม่น่าเชื่อ
นอกจากเรื่องความจงรักภักดี การย้ายทีมที่เรียกว่า "ทรยศ" ดีลของ หลุยส์ ฟิโก้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นั่นคือการตั้ง "ค่าฉีกสัญญา" แบบแพงชนิดเวอร์วังไม่น่ามีใครจะซื้อไหว
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ Main Stand
เพื่อพิสูจน์บางสิ่ง
ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับการยื่นหอกให้ศัตรูของ 2 ทีมที่เป็นอริกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด เมื่อคุณเป็นนักเตะของทีมไหน คุณจะรับรู้ถึงความเกลียดชัง และการชิงดีชิงเด่นกันเป็นเบอร์ 1 ได้ไม่ยาก และทำให้นักเตะหลายคนรู้ดีว่าพวกเขาไม่ควรย้ายข้ามฟากเด็ดขาด
เอาล่ะ มันก็เกิดขึ้นอยู่บ้างเหมือนกัน ที่เกิดการย้ายข้ามฟากระหว่างสองฝั่ง ... แบรนด์ ชูสเตอร์, ไมเคิล เลาดรู๊ป, หลุยส์ เอ็นริเก้ นี่คือนักเตะในยุค 80s-90s ที่ตัดสินใจย้ายทีมระหว่างสองสโมสร แต่ที่ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ได้ส่งอิทธิพลต่อยุคสมัย เทียบเท่าตอนที่ เรอัล มาดริด อยากขโมย "กล่องดวงใจ" ของ บาร์เซโลน่า อย่าง หลุยส์ ฟิโก้ ในปี 2000
เพราะอะไรทำไมอยู่ดี ๆ มาดริด จึงล้วงคองูเห่า และเพราะอะไร ฟิโก้ จึงเล่นด้วย ? ... ต้นเหตุทั้งหมดมันเกิดจากคน ๆ เดียว คือ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานสโมสร เรอัล มาดริด เมื่อปี 2000 นั่นเอง
ณ เวลานั้น เปเรซ เปรียบเสมือนขั้วอำนาจใหม่ที่สะสมบารมีและคอนเนคชั่นภายในสโมสรมาพอสมควร แต่ในการชิงตำแหน่งประธานสโมสร จำเป็นจะต้องได้รับความนิยมจากแฟน ๆ ผู้เป็นสมาชิก หรือ โซซีโอ ซึ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย ทำให้ต้องเสนอโปรเจ็กต์ที่ยิ่งใหญ่ ซื้อใจแฟนบอลและสมาชิกได้ เนื่องจากเขาต้องแย่งตำแหน่งกับ ลอเรนโซ่ ซานซ์ ประธานสโมสรคนเก่าผู้เป็นที่รักในหมู่แฟนบอลไม่น้อย
เปเรซ ลั่นวาจากับแฟนมาดริดว่า หากเขาได้เป็นประธานสโมสร เขาจะลบหนี้ที่สโมสรจากยุคสมัยของ ซานซ์ ให้หมดและสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาวให้กับทีม และที่เด็ดยิ่งกว่านั้น คือเขาประกาศว่าเขาจะทำให้ เรอัล มาดริด เป็นเหมือนกับทีมรวมดาราโลก หรือภายใต้ชื่อโปรเจ็กต์ "กาลาคติกอส" นั่นเอง
แค่หาเสียงใครก็พูดได้ และฝั่งของซานซ์ก็พูดคล้าย ๆ กับ เปเรซ ในเรื่องของการบริหารและการเงิน เพียงแต่ว่าฝั่ง เปเรซ เป็นฝ่ายที่สร้างอิมแพ็กต์กับแฟน ๆ ได้มากกว่า ไม่ใช่แค่การกล่าวถึงภาพรวมอย่างเดียว เขาเจาะจงพูดถึงชื่อนักเตะที่ดีที่สุดของ บาร์เซโลน่า ในเวลานั้นอย่าง หลุยส์ ฟิโก้ และยืนยันว่า
"หากผมได้เป็นประธานสโมสร ผมจะพา หลุยส์ ฟิโก้ มาอยู่ที่ เรอัล มาดริด อย่างแน่นอน" นี่คือคำปราศัยที่บ้าดีเดือดที่สุดเท่าที่คุณจะนึกภาพออกในเวลานั้น
แม้ ฟิโก้ จะเก่งขนาดไหน แต่การแสดงออกของ เปเรซ ไม่ได้เพ่งเล็งไปที่การเสริมทัพความแกร่งในสนามอย่างเดียวแน่นอน การกระชาก ฟิโก้ มาจาก บาร์เซโลน่า จะเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์เพื่อหมายถึงความเรืองรองยิ่งใหญ่ของ เรอัล มาดริด ที่ต่อให้ศัตรูที่เกลียดชังพวกเขามากที่สุด ก็ยังต่อต้านไม่ได้นั่นเอง
การปราศัยที่ร้อนแรงและนโยบายที่ทำให้แฟนบอลนึกภาพออกตามแบบง่าย ๆ ทำให้ เปเรซ ชนะการเลือกตั้งในปี 2000 จากนั้นก็ได้เวลาทำตามสัญญา ภารกิจล่าตัว หลุยส์ ฟิโก้ (อย่างเป็นทางการ) ก็เริ่มขึ้น
สอยของรัก...ต้องจ่ายหนักกันหน่อย
ในวงเล็บก่อนหน้านี้ที่เราว่าด้วยการล่าตัวฟิโก้ "อย่างเป็นทางการ" นั้นก็เพราะว่า เปเรซ เองได้ส่งทีมนักเจรจาที่ดีที่สุด และตัวของเขาก็แอบนัดแนะหารือกับเอเย่นต์ของ ฟิโก้ ตั้งแต่ที่เขายังไม่ชนะการเลือกตั้งด้วยซ้ำ
ว่าก็ว่าคือ เปเรซ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนที่เขาสัญญากับแฟนบอลเรื่อง ฟิโก้ มันจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ มันคือการพูดไว้ก่อนและไปด้นสดเอาหลังจากนั้น และ เปเรซ ก็เข้าถูกทางเสียด้วย เพราะมีการจ่ายค่ากินเปล่าให้กับเอเย่นต์และตัวของ ฟิโก้ จำนวนมหาศาล มันทำเอาใจของ ฟิโก้ ลอยไปไกลแล้ว
ในช่วงฤดูกาล 1999-2000 นักเตะใน บาร์เซโลน่า หลายคนก็ออกมาบอกว่า ฟิโก้ เริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ แสดงถึงความลังเลเหมือนคนเก็บงำอะไรบางอย่างเอาไว้ ซึ่งภายหลังก็ได้รู้ว่าเขาต้องการจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด เพื่อรับหลายสิ่งที่ เปเรซ สัญญากับเขาไว้
"ฟิโก้ ทำพวกเราทุกคนประหลาดใจ มีความเงียบและบรรยากาศมาคุเกิดขึ้นในห้องแต่งตัวเวลานั้น" ฟรานเซสก์ อาร์เนา นักเตะบาร์เซโลน่ายุคนั้นกล่าว
ฟิโก้ เองอาจจะไม่ได้อยากย้ายทีมอะไรมากมายนักและไม่กล้าตกลงกับ เปเรซ ในตอนแรก เพราะเขากลัวข่าวจะหลุดและแฟนบอล บาร์เซโลน่า อาจจะฆ่าเขาได้ "ผมไม่บ้าพอที่จะทำอย่างนั้น ไม่งั้นผมอาจจะตายที่นี่ก็ได้" ฟิโก้ กล่าวกับสื่อในเวลานั้นหลังมีข่าวเรื่องเขากับ เปเรซ รั่วออกมา
คำถามคือ เปเรซ ทำยังไงให้ ฟิโก้ เปลี่ยนใจได้ ... เขาเข้าไปอยู่ในหัวสมองของเอเย่นต์และฟิโก้ได้ด้วยคำว่า "เงินกินเปล่า" คาดกันว่า เปเรซ ได้เรียกร้องกับ ฟิโก้ และเอเย่นต์ในช่วงก่อนที่เขาจะได้รับเลือกตั้งว่า หากเขาได้เป็นประธานสโมสร ฟิโก้ จะต้องย้ายจาก บาร์เซโลน่า มายัง เรอัล มาดริด แต่ถ้า เปเรซ แพ้การเลือกตั้ง ฟิโก้ และ เอเย่นต์ จะได้เงินก้อนนั้น (คาดว่าราว ๆ 4 ล้านยูโร) เอาไปใช้ฟรี ๆ โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย ทุกอย่างยังดำเนินต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
เปเรซ อาจจะบ้าดีเดือดก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่เอเย่นต์ของฝั่ง ฟิโก้ ก็เดินเกมผิดพลาด เขาตัดสินใจรับเงินก้อนนั้นเพราะคิดว่าที่สุดแล้ว เปเรซ จะไม่ชนะ แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน สุดท้ายพวกเขาคิดผิด เปเรซ กลายเป็นพี่บิ๊กแห่ง มาดริด ได้สำเร็จ และได้เวลาทำตามสัญญาแล้ว
ณ เวลานั้น บาร์เซโลน่า ตั้งค่าฉีกสัญญาของ ฟิโก้ ไว้ที่ 62 ล้านยูโร ซึ่งถือว่าแพงสุด ๆ ไม่น่าจะมีทีมไหนกล้ายื่นข้อเสนอนี้มาแน่ ๆ และต่อให้มีก็เป็นราคาที่คุ้มมากที่จะขาย เพราะนักเตะเก่ง ๆ ในยุคเดียวกันยังมีราคาราว 30 ล้านยูโร เท่านั้น เพียงแต่ว่าทีมที่ยื่นมาดันเป็นทีมที่พวกเขาไม่คาดคิดอย่าง เรอัล มาดริด เท่านั้นเอง
ทำไม เปเรซ ถึงไว้ใจ ฟิโก้ และเอเย่นต์นัก จนถึงขั้นให้เงินกินเปล่าเพียงแค่ต้องการ "คำสัญญา" จาก ฟิโก้ ? ความจริงคือเขาไม่ได้ไว้ใจอะไรหรอก เขาแค่เตรียมแผนสองและหาทางหนีทีไล่เอาไว้แล้วชนิดที่ว่า แผนนี้นี่เองที่ "สตั๊น" ใส่ บาร์เซโลน่า จนสลบ นั่นคือเขาได้ทำสัญญากับ ฟิโก้ เอาไว้ด้วยว่า ... หากเขาชนะเลือกตั้ง และฟิโก้ไม่ยอมย้ายทีมตามที่ตกลง ฝั่งนักเตะจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับ เปเรซ เป็นเงินจำนวนครึ่งหนึ่งของค่าฉีกสัญญา หรือคิดเป็นเงิน 31 ล้านยูโร
4 ล้านยูโรกินเปล่าคือการขุดบ่อล่อปลา และ ฟิโก้ ก็ว่ายเข้ามาติดกับเอง แม้ที่สุดแล้วเขาจะบอกว่าการย้ายจาก บาร์เซโลน่า เป็นเหตุผลเรื่องฟุตบอลล้วน ๆ แต่ว่ากันว่าเขาแค่ไม่มีทางเลือกมากกว่า แฟน ๆ บาร์ซ่า เริ่มจะเคียดแค้นและมองเขาต่างออกไปจากเดิมในช่วงที่มีข่าวลือกับ มาดริด และอีกประการหนึ่งคือหากเขาไม่ย้ายตามสัญญา เขาจะต้องจ่ายเงินก้อนโตเป็นค่าปรับ ซึ่งมองแล้วเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
ดังนั้นการย้ายทีมของ ฟิโก้ จึงเป็นเหตุผลรวม ๆ กันระหว่างการตกลงกันล่วงหน้า, การวางแผนของ มาดริด เตรียมการมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้เหตุผลในเรื่องฟุตบอลก็มีผล นับตั้งแต่ปี 1995 ที่ ฟิโก้ ย้ายไป บาร์เซโลน่า นั้น เขายังไม่เคยได้แชมป์ยุโรปเลย ขณะเดียวกัน มาดริด คว้าแชมป์ยุโรปไปแล้ว 2 ครั้ง คือในปี 1998 และ 2000
เขาจะได้เล่นกับทีมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า ได้ค่าจ้างมากกว่า นี่ถือเป็นความก้าวหน้าทางอาชีพที่ ฟิโก้ ปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เขาย้ายทีมไปอยู่กับ เรอัล มาดริด และทำให้แฟน บาร์เซโลน่า ยังเกลียดเขาจนทุกวันนี้
พอกันทีกรณีแบบนี้
ฟิโก้ จากไปแล้ว แต่บทเรียนสำคัญนั้นยังคงอยู่ต่อไป วงการฟุตบอลสเปนตื่นตัวมากกับดีลนั้น โดยเฉพาะ บาร์เซโลน่า ที่เดิมทีก็มองว่าค่าฉีกสัญญาที่พวกเขาเตรียมไว้สำหรับ ฟิโก้ มันไม่น่าจะมีทีมไหนกล้ายื่นเข้ามาแล้ว
ปกติแล้วในลีกสเปนนั้น การฉีกสัญญาคือสิ่งที่ "จำเป็นต้องมี" ตามพระราชกฤษฎีกา 1006 ให้สิทธิ์แก่นักฟุตบอลในสเปนเช่นเดียวกับแรงงานอาชีพอื่น ๆ ทั้งหมดที่ทำมาหากินในแดนกระทิงดุ
พวกเขาอนุญาตให้ผู้เล่นซื้อสัญญาและออกจากสโมสรโดยมีค่าธรรมเนียมที่ตกลงกันไว้ ซึ่งควรเป็นสัดส่วนกับค่าจ้างของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม บาร์เซโลน่า ไม่มีสิทธิ์ขวาง ฟิโก้ ได้เลยในวันที่ มาดริด ยื่นข้อเสนอมาเท่ากับที่พวกเขาตั้งไว้
ดังนั้นเมื่อมันเป็นกฎหมาย ต้องมีการตั้งค่าฉีกสัญญาไว้ และได้รับบทเรียนแสนเจ็บแสบมา 1 ครั้ง บาร์โซลน่า ก็ไม่เคยตั้งค่าฉีกสัญญาถูก ๆ อีกเลย เช่นเดียวกับสโมสรอื่น ๆ ใน ลา ลีกา ที่เห็นตัวอย่างความแสบสันของการฉีกสัญญาเช่นกัน
เมื่อนั้นเองค่าฉีกสัญญาที่แต่ก่อนเคยมีอย่างสมเหตุสมผล ก็เปลี่ยนไปมากขึ้นเรื่อย ๆ และมากขึ้นไปอีกเมื่อ บาร์เซโลน่า เสียท่าอีกครั้ง กับการต้องยอมปล่อย เนย์มาร์ ให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ในปี 2017 ด้วยค่าฉีกสัญญา 222 ล้านยูโร จากนั้นสโมสรต่าง ๆ ในลา ลีกา ก็ตั้งค่าฉีกสัญญากันแบบ "เป็นไปไม่ได้" ตาม ๆ กัน
ตอนนี้แค่ 200 ล้านยูโรก็ถือว่าไม่ได้มากจนเกินไปแล้ว โดยเฉพาะฝั่งดาวเตะแถวหน้าอย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ มาดริด ตั้งค่าฉีกสัญญาไว้ถึง 1 พันล้านยูโร นอกจากนี้ยังมี ดาวิด อลาบา, อองตวน กรีซมันน์, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ เคราร์ด ปีเก้ ที่มีค่าฉีกสัญญาเกิน 500 ล้านยูโรขึ้นไปทั้งสิ้น
เพราะคำว่าแพงนั้นไม่มีข้อจำกัดอีกแล้วสำหรับคนมีเงิน และเพื่อไม่ให้เสียเหลี่ยมให้กับคู่อริเหมือนกับที่ บาร์เซโลน่า เสีย ฟิโก้ ให้ มาดริด ค่าฉีกสัญญาของนักเตะใน ลา ลีกา สเปนตอนนี้ จึงเป็นสิ่งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้รู้ว่า "นักเตะคนนี้ไม่ได้มีไว้ขาย" นั่นเอง