ฟัลเกา "แพะรับบาป"
อย่างที่ผมเขียน “รีวิว” หลังเกม เปรสตัน – แมนฯยูไนเต็ด ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 5 ไว้เมื่อวาน และมีแตะๆ เกี่ยวกับ ราดาเมล ฟัลเกา อยู่พอสมควร
"หลุยส์ ฟาน ฮัล แก้เกมถอด ราดาเมล ฟัลเกา ออก, แล้วใส่ แอชลี่ย์ ยัง ลงไปแทนตั้งแต่นาทีที่ 60 ในยามทีมต้องการประตู กุนซือดัตช์เลือกถอดกองหน้า, ใส่กองกลาง!?..
ยิ่งทีมปีศาจแดง “คัมแบ็ก” กลับมาได้ มูลค่าความสำคัญของหอกโคลอมเบียจึงแทบไม่เหลือ และกลายเป็นอีก “เฮดไลน์” ของเกมนี้ทันที"
ผมทิ้งท้ายไว้แบบนี้ พร้อมๆกับตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่า “มันยุติธรรมไหมที่จะตัดสิน ฟัลเกา แบบที่สื่อมวลชน และแฟนบอลส่วนใหญ่กำลังรู้สึกไม่พอใจ?”
คำตอบจะอยู่ตอนท้ายนะครับ...
ทั้งนี้ ฟัลเกา ก็ไม่ต่างอะไรกับสินค้าราคาแพงที่ความ “คุ้มค่า” จะตีคู่มากับค่าตัว, ค่าเหนื่อย, ชื่อเสียง ฯลฯ สารพัด
1.หากเป็นไปตามเป้าหมายตอนต้นฤดูกาล การ “ยืมตัว” กองหน้าโคลอมเบีย สมควรจบลงด้วยการซื้อขาดจาก โมนาโก ด้วยราคาตามตกลงเบื้องต้น 43 ล้านปอนด์
2.ณ เวลายืมตัว 1 ฤดูกาลนี้ หัวหอกวัย 29 ปี เมื่อ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา จะรับเงินค่าเหนื่อยอู้ฟู่ถึง 285,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์
ตัวเลขค่าตัว และค่าเหนื่อย ไม่นับตัวเลข “อายุ” กำลังสะท้อนความคุ้มค่า/ไม่คุ้มค่าผ่านสถิติการเล่น 19 นัด ให้ทีมปีศาจแดง แต่ยิงได้เพียง 4 ประตู
ฟัลเกา ยังเล่นเต็ม 90 นาที เพียง 4 แมตช์ เท่านั้น และหาก “เทรนด์” ดังกล่าวเดินหน้าต่อไป สถิติส่วนตัวสวยๆ โดยเฉพาะช่วงค้าแข้งในยุโรปทั้งกับ ปอร์โต้ (51 นัด 41 ประตู), แอต.มาดริด (68 นัด 52 ประตู) หรือกระทั่งกับโมนาโก (20 นัด 11 ประตู)
จะต้องสูญเสีย และย่ำแย่ลง
สำคัญที่สุด คือ ดูแนวโน้มแบบนี้ แมนฯ ยูฯ ไม่น่าจะต่อสัญญา หรือซื้อขาด ฟัลเกา จาก โมนาโก อย่างแน่นอน
...ตัดภาพย้อนไปสมัย ปอร์โต้ (2009-2011) และ แอต.มาดริด (2011-2013) ก่อนจะย้ายมาบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกขาดถึงเกือบ 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.2014)
ฟัลเกา ที่ทุกคนคุ้นเคย คือ สไตล์การเล่น “ครบเครื่อง” กองหน้าหมายเลข 9 ไม่ต่างจาก กาเบรียล บาติสตูต้า, เฮอร์นัน เครสโป, อลัน เชียเรอร์ ประมาณนั้น
เด็ดขาดในกรอบเขตโทษที่ “จมูกไว”, ยิงได้ทั้งเท้าซ้าย/ขวา และลูกหัวค่อนข้างดี แถมยังแข็งแกร่งด้วยกล้ามเนื้อในการเบียดปะทะ และมีความเร็ว
ทว่า ในสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด เรายังไม่ได้เห็นภาพแบบนั้น หนำซ้ำผมค่อนข้างเกรงว่า ฟัลเกา กำลังเป็น “แพะรับบาป” ตัวหนึ่งของทีม
ประมาณว่า “เปลี่ยนตัว” ออกไปแล้วไม่ว่าจะ 1.เจมส์ วิลสัน ลงมาแทน, 2.ดัน มารูยาน เฟลไลนี่ ไปเล่นกองหน้าแทน หรือ 3.ล่าสุดที่เปลี่ยนกองกลาง แอชลี่ย์ ยัง ลงมาแทนในเกมกับเปรสตัน
แล้วปรากฏว่า แมนฯ ยูไนเต็ด “พลิกสถานการณ์” และแก้เกมได้ดีกว่าตอน ฟัลเกาอยู่ในสนาม หรือ Impact ตอนมีหอกโคลอมเบียนมีน้อยเกินไป
ทั้งหมดนี้กำลังนำมาซึ่ง “บทสรุป” ของคำถามของผมที่ว่า “มันยุติธรรมไหมที่จะโทษฟัลเกาคนเดียว!?”
ตอบ: ไม่ยุติธรรม
เพราะ...1.อังเคล ดิ มาเรีย ค่าตัวแพงกว่าอีก (60 ล้านปอนด์) และซื้อขาดแล้วด้วยยังไม่เห็นจะเล่นได้ “โดดเด่น” เว่อร์ๆ
2.โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ คู่ขาหลักของ ฟัลเกา ก็ใช่ว่าจะเล่นได้ดีในช่วงนี้ และเหมือน “คู่รัก” ครับที่ดูยังไง “เคมี” ระหว่าง RVP กับ ฟัลเกา ก็ไม่ตรงกัน
กับ รูนี่ย์ ในเกมที่ผ่านมายังมีเค้าลางบ้าง และมากกว่า
3.ฟัลเกา ได้รับเซอร์วิส หรือบริการจากเพื่อนปีศาจแดงดีพอ หรือเหมือนเป็น “เบอร์ 1” ที่ใครๆ ก็ป้อนให้เหมือนตอนอยู่กับ ปอร์โต้, แอต.มาดริด หรือโมนาโก (ที่แม้แต่ เอดินสัน คาวานี่ ยังต้องหลบ) หรือเปล่า?
4.ข้อนี้สำคัญ เพราะผมกำลังพูดว่า แล้วตอนนี้นักเตะแมนฯ ยูฯมีใครเล่นได้ดี? โดดเด่น หากไม่ใช่ ดาวิด เด เกอา หรือ เฟลไลนี่ หรืออาจจะ ดาลี่ย์ บลินด์
ฉะนั้น การจะมา “โยนขี้” หรือเล่นข่าวสร้างแพะรับบาปไปที่ ราดาเมล ฟัลเกา ผมจึงมองว่า “ไม่ยุติธรรม”
แล้ว ฟัลเกา วันนี้เป็นอย่างไร?
ผมมองว่า ความแข็งแกร่ง และอาการบาดเจ็บ หายสนิท 100% แล้ว เพราะเห็นโดนเสียบ โดนสกัดแรงๆหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้แหยง หรือเจ็บซ้ำ
ทว่า Match fitness หรือความสามารถในการลงเล่นให้ได้ครบ 90 นาที แบบชิลๆ ฟัลเกายังไม่มี เพราะแมนฯ ยูฯไม่สามารถให้โอกาสนั้นได้
สุดท้าย คือ “ความคม” (Sharpness) ซึ่งสำคัญสำหรับนักฟุตบอล ฟัลเกาก็ยังไม่เหมือนนักเตะคนเดิม ซึ่งก็ต้องอาศัยเวลาอีกเช่นกัน
สุดท้ายจริงๆ คือ “อายุ” 29 ปี ที่แม้แต่ เวย์น รูนี่ย์ ยังไม่เหมือนเดิมครับ และยิ่งเพิ่งเจ็บหนักหายกลับมาไม่ถึงครึ่งปี ผมว่าแฟนๆ กำลังด่วนตัดสินใจไปหน่อย
สุดท้ายของสุดท้ายจริงๆ คือ ผมไม่เชื่อว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน และสไตล์ของ หลุยส์ ฟาน ฮัล สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นทีม “ที่ใช่” สำหรับ ราดาเมล ฟัลเกา
หรือลีกอังกฤษก็อาจ “ไม่ใช่” เช่นกันสำหรับอีก 1 นักเตะ จากอเมริกาใต้ที่ส่วนใหญ่มักไป “ไม่รอด”
ดังนั้น ซีซั่นหน้า ฟัลเกา น่าจะย้ายทีม และไปแจ้งเกิดอีกรอบที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่อังกฤษ
และเมื่อถึงวันนั้น เราจะได้เห็น ราดาเมล ฟัลเกา ตัวจริง เสียงจริงครับ
ไข่มุกดำ