"คนสำคัญ (ที่แท้จริงของสิงห์บลูส์)"
ถ้า ดีเอโก้ คอสต้า กับ เชส ฟาเบรกาส ถูกยกให้เป็นกุญแจสำคัญ ที่ย้ายมาขับเคลื่อนเชลซีให้มีผลงานโดดเด่นในฤดูกาลนี้
หรือถ้า ติโบต์ กูร์กตัวส์ เป็นอีกหนึ่งสมาชิกใหม่ ที่เข้ามาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และโชว์การเซฟระดับโลกให้กับทีมในเกมล่าสุด
"บรานิสลาฟ อิวาโนวิช" ก็คงเป็นนักเตะหน้าเดิมของเชลซี ที่โชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ทั้ง 3 คนที่ว่ามา ด้วยการมีบทบาทสำคัญในทีม ทั้งความแข็งแกร่งในแนวรับ หรือแม้กระทั่งการมีส่วนร่วมในเกมรุก ซึ่งทั้งหมดเขาทำได้ดีอย่างคงเส้นคงวามาตลอดฤดูกาลนี้
หรือถ้าพูดจริงๆแล้ว ก็คือทำได้คงเส้นคงวาเหมือนกับที่ทำให้กับทีมมาตลอดหลายปี นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมปี 2008
ทั้งหมดที่ว่ามาได้รับการยืนยันอีกครั้ง ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่เชลซีออกไปเสมอปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-1 เมื่อคืนวันอังคาร เมื่ออิวาโนวิชขึ้นมาโหม่งประตูให้เชลซีออกนำในเกมนี้ และกลายเป็นประตูทีมเยือนลูกสำคัญที่ทีมได้กลับไป
หลังจากทำ 2 ประตู ใน 3 นัดแรก ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ อิวาโนวิชก็ห่างหายจากการมีชื่อบนสกอร์บอร์ดไปนาน แต่เขาก็เลือกกลับมาทำประตูได้อย่างถูกที่ถูกเวลาที่สุด เมื่อโหม่งประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษของเกมลีกคัพรอบรองชนะเลิศนัดที่สองกับลิเวอร์พูล และพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศ
และในเกมพรีเมียร์ลีกที่ลงเตะในอีก 2 นัดถัดมา อิวาโนวิช ก็ขึ้นมายิงประตูชัยให้เชลซีเฉือนชนะแอสตัน วิลล่า 2-1 ก่อนจะมาทำประตูสำคัญได้อีกในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดล่าสุด ซึ่งเป็นประตูที่ 3 ในรอบ 5 นัด ที่เขาทำให้กับทีม
แน่นอนว่าการทำประตูได้มักจะทำให้นักเตะได้รับการชื่นชมกับผลงาน แต่สำหรับอิวาโนวิชแล้ว คำชมที่เขาได้รับทั้งจากผู้จัดการทีม, เพื่อนร่วมทีม หรือจากคนอื่นๆนั้น ไม่ได้มีแต่ความโดดเด่นในการขึ้นมาทำประตูเท่านั้น
แต่เกมรับที่แข็งแกร่งและแน่นอนของเขา รวมถึงความทุ่มเทและหัวใจนักสู้ คือสิ่งที่กองหลังชาวเซิร์บรายนี้ได้รับการสดุดีไม่แพ้กัน
จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมเชลซี พูดถึงอิวาโนวิชหลังเกมล่าสุดว่า “เขาทำประตูสำคัญๆ ให้กับเราได้หลายครั้ง”
“อย่างประตูในเกมลีกคัพกับลิเวอร์พูล หรือประตูชัยในนัดชิงยูโรป้า ลีก เขาคือนักเตะที่สำคัญมากกับทีม เขามีความมุ่งมั่นและกระหายในชัยชนะ เขามีความแข็งแกร่งและดุดัน เขาต้องการที่จะเป็นคนแรกที่เข้าถึงบอลและเอาชนะคู่แข่งทุกคนให้ได้”
ความแข็งแกร่งของอิวาโนวิชได้รับการยืนยันจากราฮีม สเตอร์ลิ่ง กองหน้าดาวเด่นของลิเวอร์พูล ซึ่งยกให้เขาเป็นคู่ปรับที่น่าครั่นคร้ามมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
“นักเตะที่น่ากลัวที่สุด ที่ผมเคยเผชิญหน้าด้วยคือ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เขาไม่ได้เล่นสกปรกนะ เขาแค่เหมือนกับรถถัง เขาตัวใหญ่ ช่วงบนหนา ช่วงล่างบึ้ก นี่มันรถถังชัดๆ”
ส่วนความมุ่งมั่นทุ่มเทในเกมของเขา ก็มีตัวอย่างให้เห็นจากคำบอกเล่าของเนมันย่า วิดิช กองหลังเพื่อนรุ่นพี่ในทีมชาติเซอร์เบีย ซึ่งเล่าถึงครั้งหนึ่งที่ทั้งคู่เกือบจะฟาดปากกันในสนาม ระหว่างเกมสำคัญที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพบกับเชลซี
“ผมบอกเขาว่า นายจะทำอะไรเนี่ย? นี่เรานักเตะเซิร์บด้วยกันนะ เขาบอกว่า ต่อให้เป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันก็พร้อมจะอัดนาย ฉันต้องการชนะ!”
แม้ว่าสภาพร่างกายจะบอบช้ำหรือบาดเจ็บ อิวาโนวิชก็พร้อมจะกัดฟันลงสนามเพื่อทีม อย่างในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญกับแมนเชสตอร์ ซิตี้ ซึ่งมีขึ้นหลังเกมลีกคัพกับลิเวอร์พูล ซึ่งเขาได้แผลที่ขามาจากการถูกสตั๊ดของคู่แข่ง
ภาพสตั๊ดสีขาวของอิวาโนวิชในเกมกับหงส์แดงนัดนั้นคงจะเป็นหนึ่งในภาพที่ถูกจดจำไปอีกนาน เกมนั้นเขาได้แผลที่ขาตั้งแต่ครึ่งแรก และต้องโขยกเขยกออกจากสนามไปในช่วงพักครึ่ง และหลังจากทำแผลและฉีดยาแก้ปวดแล้ว อิวาโนวิชก็ลงมาเล่นต่อ ก่อนจะกลายเป็นฮีโร่ทำประตูชัยให้ทีมได้
และเมื่อ โจเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมเชลซี ทำการเช็กความพร้อมของนักเตะก่อนเกมกับเรือใบสีฟ้า เขาถามอิวาโนวิชว่า “นายโอเคมั้ยเบน?” และคำตอบที่ได้รับก็คือ “สบายมากบอส ไปเช็กคนอื่นได้เลย”
เกมกับแมนฯ ซิตี้ คือนัดที่ 300 ที่อิวาโนวิชลงเตะให้กับเชลซี เขาต้องพึ่งการฉีดยาแก้ปวดช่วยก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยปริปากบ่น และทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเช่นเคย
มูรินโญ่ให้คำนิยามสั้นๆ ถึงอิวาโนวิชว่าเป็นนักเตะที่ “สู้เยี่ยงสัตว์ป่า ด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่”
มันอาจจะบอกไม่ได้ทั้งหมดเกี่ยวกับเขา แต่ก็คงเพียงพอที่จะตอกย้ำว่า อิวาโนวิชคือนักเตะสำคัญที่เชลซีจะขาดไม่ได้
Babybear