เวย์น รูนี่ย์ : กุนซือผู้ถูกผู้บริหารลอยแพ...แต่สู้จนลูกทีมยกให้ทั้งใจ

เวย์น รูนี่ย์ : กุนซือผู้ถูกผู้บริหารลอยแพ...แต่สู้จนลูกทีมยกให้ทั้งใจ

เวย์น รูนี่ย์ : กุนซือผู้ถูกผู้บริหารลอยแพ...แต่สู้จนลูกทีมยกให้ทั้งใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในวันที่ฤดูกาล 2021-22 เริ่มขึ้น ทุกสื่อฟันธงว่านี่จะเป็นปีที่ล้มเหลวของ เวย์น รูนี่ย์ และ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่โดนตัดแต้ม 21 แต้ม เนื่องจากปัญหาทางการเงิน

"พวกเขาตกชั้นแน่" นั่นคือสิ่งที่ทุกคนว่ากันไว้ … แต่ที่สุดแล้ว จากทีมเต็งบ๊วยตอนนี้ ดาร์บี้ ในมือของ รูนี่ย์ เดินหน้ามาสู่โอกาสในการรอดตกชั้นแล้ว

จากทีมที่แตกสลายตั้งแต่แฟนบอลจนถึงผู้บริหาร รูนี่ย์ รวมทุกคนเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างไร ? ติดตามได้ที่ MainStand

เริ่มเร็ว … ไม่ได้ตั้งตัว

ต่อให้ไม่ใช่คนดูฟุตบอลลึกซึ้งอะไรมากนัก ก็เชื่อว่าหลายคนคงจดจำชื่อเสียงของ เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าชาวอังกฤษได้เป็นอย่างดี 

เขาคือหนึ่่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปี กับ เอฟเวอร์ตัน คว้าแชมป์มากมายและทำสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยืนระยะเป็นนักเตะแถวหน้าของโลกได้กว่า 10 ปี 

ในช่วงท้ายอาชีพ รูนี่ย์ ได้ไปค้าแข้งในสหรัฐอเมริกากับสโมสร ดีซี ยูไนเต็ด อยู่ 2 ฤดูกาลครึ่ง ก่อนที่เขาจะคิดถึงบ้านเกิดแล้วเลือกย้ายกลับมาเล่นให้กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ของฤดูกาล 2019-20

 

ณ ตอนนั้น รูนี่ย์ รู้ดีว่าร่างกายเข้าไม่ได้เอื้ออำนวยกับเกมระดับสูงนัก เพราะเป็นนักเตะที่ใช้ร่างกายมาหนักมากทั้งในและนอกสนาม นับตั้งแต่เขาลงเล่นในเกมอาชีพ เขาจึงกลับมาในฐานะ นักเตะ-โค้ช ควบกัน 2 ตำแหน่ง โดยรับค่าเหนื่อยเพียงสัปดาห์ละราว ๆ 15,000 ปอนด์เท่านั้น หากเทียบกับตอนที่เขาเล่นในอเมริกา รูนี่ย์ ได้ค่าเหนื่อยถึงปีละ 10 ล้านปอนด์ 

การยอมลดรายได้เพื่อแลกกับประสบการณ์ทำให้พอจะนึกภาพออกว่า รูนี่ย์ มีเป้าหมายในอนาคตกับงานโค้ชแน่นอน การมาที่ ดาร์บี้ ทำให้เขาได้ทำงานร่วมกับโค้ชอย่าง ฟิลิปป์ โคคู กุนซือชาวดัตช์ที่เคยพา พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น คว้าแชมป์ลีก 3 สมัยภายในช่วงเวลาแค่ 4 ปี 

รูนี่ย์ ให้สัมภาษณว่า "นี่จะเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้น ผมพร้อมที่จะทำงานร่วมกับ โคคู เหล่าสตาฟ และทีมนักเตะทั้งชุดใหญ่และชุดเยาวชน"  

ทุกอย่างเริ่มขึ้นอย่างเป็นปกติ เพียงแต่ว่างานที่ทำให้ รูนี่ย์ ตื่นเต้นกลับมาถึงเร็วเกินกว่าที่เขาคาดไว้ หลัง ดาร์บี้ จบฤดูกาลด้วยอันดับ 10 ในฤดูกาล 2019-20 ดาร์บี้ยุคโคคูมีผลงานแย่ลงเรื่อย ๆ ในซีซั่นต่อมา ทั้งที่ลงทุนกับนักเตะไปก็ไม่น้อย แต่ทีมก็ยังหนีโซนท้ายตารางไม่พ้น

 

ยังไม่ทันข้ามครึ่งซีซั่น โคคู ก็โดนปลดออกจากตำแหน่ง บอร์ดบริหารของสโมสรแต่งตั้ง เวย์น รูนี่ย์ ขึ้นรับตำแหน่งกุนซือชั่วคราว โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว 

14 พฤศจิกายน 2020 บอร์ดบริหาร ตั้งโค้ช 3 คนร่วมกับ รูนี่ย์ ให้ช่วยกันคุมทีมเฉพาะกิจ ประกอบด้วย เลียม โรซีเนียร์, เชย์ กิฟเว่น และ จัสติน วอล์คเกอร์ ทว่าหลังจากนั้นแค่ 2 สัปดาห์ บอร์ดบริหารก็ประกาศชื่อ เวย์น รูนี่ย์ เป็นกุนซือใหญ่เพียงผู้เดียว 

ทุกคนสงสัยว่าอะไรดลบันดาลใจให้บอร์ดบริหารเลือก รูนี่ย์ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การเป็นกุนซือมาก่อนเลย แม้กระทั่งศาสตร์เป็นโค้ชเขาก็เพิ่งเรียนรู้ได้ไม่ถึงครึ่งปีเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่พอจะสันนิษฐานได้ ณ เวลานั้นคือ เทรนด์ของการใช้กุนซือหนุ่มกำลังมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, เชลซี ใช้ แฟรงค์ แลมพาร์ด และ อาร์เซน่อล ใช้ มิเกล อาร์เตต้า คุมทีม นั่นอาจจะเป็นไปได้ว่า ดาร์บี้ ต้องการเดิมพันกับคนหนุ่มเหมือนกับทีมอื่น ๆ 

ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไรไม่สำคัญ แต่งานชิ้นสำคัญของ รูนี่ย์ ได้เริ่มขึ้นแล้ว

สู้แค่ตาย 

"กับงานผู้จัดการทีม คุณไม่สามารถกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หน้าที่ของคุณคือต้องจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ เวลานี้" รูนี่ย์ กล่าวในวันรับงานเป็นกุนซือใหญ่เต็มตัวครั้งแรกในชีวิต 

รูนี่ย์ เริ่มงานวันแรกขณะที่ ดาร์บี้ อยู่ในทีมอันดับที่ 24 ของลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เรียกง่าย ๆ ว่าคือตำแหน่งบ๊วยดี ๆ นี่เอง หน้าที่ของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าการรวบรวมทีมที่กำลังแตกสลาย มีนักเตะซีเนียร์ที่กำลังจะหมดสัญญาและไม่อยากอยู่กับทีมต่อไป นักเตะดาวรุ่งที่วาดหวังให้เป็นคนสำคัญของทีมอย่าง เคด กอร์ดอน ก็โดน ลิเวอร์พูล คว้าตัวไปร่วมทีม ทีมงานสตาฟของโคคูก็ลาออกพร้อม ๆ กันทั้งหมด 5 คน ... จากสถานการณ์ดังกล่าว รูนี่ย์ ต้องเป็นกาวที่คอยเชื่อมทีมที่แตกสลายนี้เขาไว้ด้วยกัน เป้าหมายอย่างเดียวคือต้องรอดตายให้ได้ 

"เวย์น รูนี่ย์ รับตำแหน่งในวันที่ทีมมีปัญหาหนักมาก ดาร์บี้ ต้องการโค้ชที่รู้ว่าจะต้องทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ และด้วยความเคารพนะ รูนี่ย์ เองก็น่าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีงานอะไรรออยู่ เขาก็แค่คนโชคดีในวันที่เซ็นสัญญา แต่เชื่อเถอะว่าหลังจากที่งานเริ่มเขาจะต้องถามตัวเองว่าเขาโคตรจะไม่เหมาะกับงานนี้เลย" ไซม่อน จอร์แดน กูรูของช่อง talkSPORT วิเคราะห์เรื่องการคุมทีมของ รูนี่ย์ ไว้เช่นนั้น

 

งานของ รูนี่ย์ เป็นไปตามที่ จอร์แดน บอก ผลงานของ ดาร์บี้ ดีขึ้นบ้างจากยุคของโคคู แต่ทีมก็ยังไม่มีความสม่ำเสมอเลย ชนะ 1 เกมแล้วก็แพ้ไป 2-3 เกม มันมักจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ่อย ๆ มีในช่วงหนึ่งของฤดูกาล 2020-21 ที่ ดาร์บี้ ในยุคของ รูนี่ย์ ไม่ชนะใครเลยเป็นระยะเวลาถึง 12 เกมติดต่อกัน จนต้องมาลุ้นหนีตกชั้นในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่พบของ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ 

ในเกมนั้น ดาร์บี้ มีโจทย์แค่ต้องเสมอเป็นอย่างน้อยเพื่อการันตีการอยู่รอด พวกเขาโดน เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ออกนำถึง 3 ครั้ง 3 ครา แต่ก็ยังสามารถไล่ยิงประตูตีเสมอได้ถึง 3 ครั้ง จนจบเกมด้วยสกอร์ 3-3 

เขาทำเป้าหมายหลักได้สำเร็จจากการอยู่รอดตามโจทย์ที่กำหนด แต่จะว่าไปคำชื่นชมของ รูนี่ย์ ไม่ได้มีมากมายนัก เนื่องจากนักวิจารณ์หลายคนก็เชื่อว่า ดาร์บี้ เป็นทีมที่มีนักเตะมีคุณภาพมากกว่าทีมที่ลุ้นตกชั้นด้วยกันอย่าง ร็อตเตอร์แฮม, เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ และ วีคอมบ์ วันเดอเรอร์ส อยู่หลายขุม ดังนั้นการรอดด้วยแต้มห่างแค่ 1 คะแนน ถือเป็นความสำเร็จธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้พิเศษนัก 

หลายคนคิดว่า รูนี่ย์ คงลาทีมหลังจากทำตามเป้าได้สำเร็จ และ ดาร์บี้ ก็ต้องการโค้ชใหม่ที่จะพาทีมกลับไปยังตำแหน่งที่พวกเขาอยู่เป็นประจำในหลายปีหลัง นั่นคือโซนเพลย์ออฟเลื่อนชั้นไปสู่ลีกสูงขึ้น ... แต่หลังจากฤดูกาลจบลง สถานการณ์ในทีมเงียบไปเป่าสาก แฟนบอลทวงถามเรื่องการเสริมทัพนักเตะในช่วงซัมเมอร์ที่แทบไม่มีใครเข้ามาเพิ่มเติม รวมไปถึงโค้ชใหม่ที่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า รูนี่ย์ จะทำต่อหรือใครเข้ามาแทน

 

ตัวของ รูนี่ย์ เองก็เหมือนกัน เขายอมรับว่าตัวเขาไม่เคยรู้อนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็เหมือนกับแฟนบอลคนอื่น ๆ ที่เปิดข่าวในโทรทัศน์เพื่อเช็คว่ามีการอัปเดตใดของสโมสรบ้าง ... จนกระทั่งวันหนึ่งข่าวล่ามาไวก็ฉายทางช่อง Sky Sports และสำหรับเขามันเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน

สู่บทบาทฮีโร่ที่แท้จริง 

รูนี่ย์ และทุกคนที่สงสัยว่าทำไมเขาจึงได้รับตำแหน่งกุนซือใหญ่ของทีมต้องถึงบางอ้อในช่วงซัมเมอร์ก่อนฤดูกาล 2021-22 จะเริ่ม เพราะทาง EFL องค์กรที่ควบคุมการแข่งขันลีกรองของอังกฤษ (ลีกแชมเปี้ยนชิพ, ลีกวัน, ลีกทู) เปิดเผยว่า ดาร์บี้ เคาน์ตี้ กลายเป็นสโมสรที่ขาดทุนสะสมจนมีทางปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และไม่สามารถแก้ไขได้ภายใต้การบริหารงานของ เมลวิน มอร์ริส ที่แอบละเมิดกฎควบคุมการเงินที่ทางลีกได้ตั้งไว้  

การขาดทุนนี้ทำให้สโมสรต้องถูกเข้าควบคุมกิจการโดย EFL ส่งผลให้ ดาร์บี้ โดนตัดแต้มรวม 21 คะแนน (12 แต้มจากการถูก EFL ควบคุมกิจการ และอีก 9 แต้มเพราะละเมิดกฎการเงิน) สำหรับฤดูกาล 2021-22 ทุกคนจึงได้ถึงบางอ้อกันทันที 

นี่คือทีมที่เละเทะจนเจ้าของไม่อยากจะสนใจอีกต่อไปแล้ว การจ้าง รูนี่ย์ ถือว่าได้กระแสและมีค่าจ้างที่ถูกมากกว่าการเอากุนซือประสบการณ์สูงคนอื่น ๆ มาคุมทีม ... เมื่อสโมสรไม่มีเงินก็เท่ากับว่า รูนี่ย์ จะได้ทำงานต่อไป ภายใต้การถูกตัดแต้มถึง 21 คะแนน ซึ่งถือว่าเยอะมาก ๆ สำหรับการหนีตายในขณะที่นักเตะในทีมคุณภาพตกลงไปจากปีก่อน ๆ 

"ผมและนักเตะในทีมรู้ข่าวพร้อมกันก็ผ่านรายงานจากโทรทัศน์นี่แหละ" รูนี่ย์ เล่า

"ผมรู้แบบนั้นเลยโทรหา เมลวิน มอร์ริส ปรากฏว่าเขาไม่รับสายโทรศัพท์ของผม ... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ มันคือการไม่ให้เกียรติคนทำงานและทำให้ผมเองก็มืดแปดด้าน ผมไม่ได้คุยกับผู้บริหารมาตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ครั้งสุดท้ายที่เจอกันเขาไม่บอกอะไรผมและทีมเลย ... เห็นได้ชัดเจนมากว่าเขาไม่มีความจริงใจใด ๆ กับทีมนี้เลยสักนิด ผมเองก็ต้องยอมรับว่าเมื่อเขาไม่เคารพผม ผมก็จะมอบสิ่งเดียวกันกลับไปก็เท่านั้น"

รูนี่ย์ เริ่มงานแบบจริงจังเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรกด้วยภารกิจที่หนักอึ้งสุดขีด เขาต้องกอบกู้ทีมที่พังจริง ๆ อย่างเป็นทางการแล้ว ตอนนี้ รูนี่ย์ เรียกประชุมทีมและบอกให้นักเตะทุกคนที่กำลังแห้งเหี่ยวกับสถานการณ์ในทีมตอนนั้นว่า ช่วงเวลา ณ ปัจจุบันมีแต่ต้องสู้เท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของอนาคต นั่นคือสารที่เขาสื่อถึงผู้เล่นทุกคน

"มอร์ริส มีทางของเขา พวกเราก็มีทางของเราเหมือนกัน เราต้องเดินหน้าต่อไป และปล่อยให้สิ่งที่ เมลวิน มอร์ริส เคยทำกับเราไว้กลายเป็นอดีต เลิกสนใจมันเสีย งานหนักกำลังรอทุกคนอยู่"

แกรม ชินนี่ กองกลางของทีมให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวบรวมห้องแต่งตัวครั้งนี้ว่า รูนี่ย์ พยายามให้นักเตะทุกคนโฟกัสกับหน้าที่ของตัวเอง อย่างน้อยที่สุดก็มีแฟนบอลอีกหลายหมื่นคนรอเชียร์พวกเราอยู่ ... หากใครจะยอมแพ้เขาก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าใครจะไปต่อขอให้รับรู้เอาไว้ว่า รูนี่ย์ จะร่วมสู้ไปกับนักเตะทุกคนที่อยากจะสู้ศึกที่ "เป็นไปไม่ได้ครั้งนี้" 

"รูนี่ย์ บอกว่า รู้ไหมเขาจะออกจากงานตอนนี้เลยก็ยังได้ เขามีเงินมากพอที่จะไปพักร้อนชิล ๆ บนชายหาดที่ไหนสักแห่ง แต่เขาบอกว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้น เพราะสาเหตุเดียวนั่นคือเขาเป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะต้องทำงานของตัวเองให้ถึงที่สุด คำพูดนั้นคำพูดเดียวเสียดสีทุกอย่างของสโมสรแห่งนี้ ทัศนคติของเขาปลุกผู้เล่นในทีม แฟนบอล และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรแห่งนี้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง" ชินนี่ กล่าว

ขณะที่ทีมผลงานยังไม่กระเตื้อง และการโดนตัดแต้ม 21 แต้มก็ทำให้ใครหลายคนกาชื่อของ ดาร์บี้ ทิ้งไปแล้วว่าไม่รอดแน่ แต่ภารกิจรวมห้องแต่งตัวของ รูนี่ย์ เริ่มได้เรื่องหลังจากเกมผ่านไปครึ่งฤดูกาล นักเตะทุกคนเข้าใจสารที่เขาส่งไปให้ ทุกคนเต็มที่ เลิกห่อเหี่ยว มองเขาเป็นลูกพี่ใหญ่และเชื่อฟังอย่างเต็มใจ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาก 

"รูนี่ย์ เป็นคนธรรมดาแบบไม่น่าเชื่อ เขาเข้ากับคนง่าย คุยกับใครก็ได้ คุณคงนึกภาพไม่ออกว่าเขาจะกล่าวสุนทรพจน์ที่จับใจผู้คนได้อย่างไรผ่านคาแร็กเตอร์นี้ ... ซึ่งก็จริง เขาอาจจะไม่ได้มีวาทะศิลป์ขนาดนั้น แต่สิ่งที่เขาทำคือการให้คำแนะนำ เข้าถึงนักเตะทุกคน ตบหัว โอบไหล่ สอนอย่างจริงใจกับนักเตะที่อายุน้อยกว่า เขานี่แหละที่เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ" แหล่งข่าวใกล้ชิดกล่าวกับ The Athletic

การไม่มีอะไรจะเสียกลายเป็นแรงผลักดันให้ รูนี่ย์ และนักเตะทุกคนในทีม ผลงานของทีมก็ดีขึ้นมากในช่วงหลังจากเดือนธันวาคม เขาพาทีม ชนะ 8 เสมอ 12 และแพ้แค่ 9 เกมเท่านั้นจนถึงตอนนี้ ซึ่งหากไม่ถูกตัดแต้มไปเสียก่อน ทีมแกะเขาเหล็กต้องอยู่ตรงกลางตารางไปแล้ว

จากแต้มที่ตามหลังด้วยคะแนน -21 แต้ม ตอนนี้พวกเขาตามทีมโซนรอดตกชั้นอย่าง เรดดิ้ง แค่ 7 คะแนนเท่านั้น ... ภารกิจที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ก็กลายเป็นได้ลุ้นอีกครั้ง แฟนบอลของ ดาร์บี้ กลับมาดูฟุตบอลกันอย่างสนุก เข้าสนามเต็มความจุที่ EFL กำหนด และส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม หลังจากที่ขาดหายไปนานสำหรับบรรยากาศแบบนี้ 

"นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเรากลับมารวมกันได้" แกรม ชินนี่ เล่าถึงบรรยากาศของทีมในเวลานี้ 

"นี่คือช่วงเวลาที่หัวใจทุกคนพองโตที่สุด เรารวมกันเป็นทีมได้แล้ว เราได้เห็นทุกคนพร้อมใจจะสู้ไปด้วยกัน ผู้เล่นของเราต่างรู้ว่าจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ... ในวันที่หลายคนบอกว่าพวกเราไม่มีอะไรจะเสีย แต่เรายังมีความภาคภูมิใจของสโมสรแห่งนี้ที่เราต้องรักษามันเอาไว้ให้ได้" 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ภายในของสโมสรอีกคนที่ให้สัมภาษณ์กับ The Athletic ก็บอกตรงกันกับนักเตะในทีมว่า รูนี่ย์ รวมทีม ๆ นี้ได้ด้วยการเอาตัวเองเป็นตัวอย่าง เขาพร้อมจะออกตัวแทนทุกคน รับทุกความกดดันแทนนักเตะ เพื่อให้ทุกคนโฟกัสไปกับเรื่องในสนามให้ได้มากที่สุด แม้กระทั่งการเอาเงินส่วนตัวใช้จ่ายซื้อของต่าง ๆ ในการฝึกซ้อม รูนี่ย์ เองก็ไม่เคยอิดออด เขาเต็มใจใช้เงินของตัวเองเพื่อทำให้ทุกคนในทีมทำงานได้ง่ายขึ้น

"ผมรู้สึกเสมอว่าเขาเป็นผู้นำ นี่คือความชัดเจนที่นับวัน รูนี่ย์ ก็ยิ่งเปล่งประกายออกมา ... เขาพร้อมทำในสิ่งกล้าหาญ ผู้คนวิจารณ์สไตล์การทำทีมของเขา และเขาบอกเองว่าด่ามาได้เลย เขาจะรับคำด่าจากคนนอกทั้งหมดไว้เอง แต่หากทีมงานนักเตะหรือสตาฟคนไหนสงสัยในวิธีของเขา เขาเปิดกว้างและให้โอกาสทุกคนได้ถามทุกคำถามที่สงสัย และเขาจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเอง"

"เมื่อถึงเวลาที่ลำบากจริง ๆ เขาเป็นลูกพี่ที่ยืนขึ้นและออกรับหน้าทั้งหมด ตอนนี้ผมคิดว่าเขาทำสำเร็จในหลายเรื่องมากกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย" เจ้าหน้าที่ของสโมสรดาร์บี้ กล่าว

หลังจากผลงานที่โดดเด่นขึ้นมาจนขึ้นมาจ่อโซนรอดตกชั้น ชื่อของ รูนี่ย์ ในฐานะกุนซือก็กลายเป็นที่พูดถึงมากขึ้น ในช่วงเวลาผ่านมาไม่นานนักที่ เอฟเวอร์ตัน ปลด ราฟาเอล เบนิเตซ ออกจากตำแหน่ง รูนี่ย์ เองก็เคยขึ้นเป็นแคนดิเดตกุนซือคนใหม่มาแล้ว และมันจะเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่มาก ๆ ของเขา ที่สำคัญทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงินคือทีมรัก รวมถึงทีมที่แจ้งเกิดเขาบนเส้นทางนักเตะอีกด้วย

แต่จนแล้วจนรอด รูนี่ย์ ก็ปฏิเสธงานชิ้นนั้น เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งที่เขาลงแรงไปที่ ดาร์บี้ ยังไม่บรรลุผลและยังหาผลลัพธ์ไม่ได้ ... เขาจะสานต่อสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้น และแน่นอนเขาทิ้งลูกทีมที่มอบทุกอย่างให้กับเขาไม่ได้ 

"ลูกทีมของผมทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมขอพวกเขา พวกเขาทำงานอย่างหนัก ซื่อสัตย์ และเชื่อฟังผมมาก ๆ ถ้าวันนึงผมเดินไปบอกพวกเขาว่าผมได้รับข้อเสนอและลาก่อน ผมทำไม่ได้แน่ ผมไม่สามารถทำแบบนั้นกับทีมงานของผมได้เลย" รูนี่ย์ กล่าว

"ผมรู้ว่าพวกเขากำลังพยายามช่วยกันสร้างสโมสรแห่งนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และผมได้พูดกับทีมงานทุกคนว่า 'ผมยืนอยู่หน้าพวกคุณและจะอยู่กับคุณ' สิ่งนี้มันมีความหมายกับพวกเขามาก ๆ"

ตอนนี้ ดาร์บี้ กำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว นักเตะทุกคนหมดข้อสงสัยในตัวของ เวย์น รูนี่ย์ โดยสิ้นเชิง ... เหลือแต่ผลลัพธ์ในวันสุดท้ายของฤดูกาลเท่านั้นที่จะบอกว่าสิ่งที่เขาลงแรงไปนั้นคุ้มหรือไม่  

หาก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ อยู่รอด ชื่อของ เวย์น รูนี่ย์ จะเป็นตำนานแห่งถิ่นไพรด์ พาร์ก ทันที ... และต่อให้ ดาร์บี้ จะตกชั้น แต่ทุกสิ่งที่เขาทำมาก็ทำให้เชื่อว่าสถานะตำนานของเขาในมุมมองของแฟนบอลดาร์บี้ ก็คงไม่เปลี่ยนแปลงไปแน่นอน 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook