วาเนสซ่า เมย์ : นักดนตรีระดับโลกที่ลงแข่ง โอลิมปิกฤดูหนาวในนามทีมชาติไทย ก่อนถูกแบน 4 ปี

วาเนสซ่า เมย์ : นักดนตรีระดับโลกที่ลงแข่ง โอลิมปิกฤดูหนาวในนามทีมชาติไทย ก่อนถูกแบน 4 ปี

วาเนสซ่า เมย์ : นักดนตรีระดับโลกที่ลงแข่ง โอลิมปิกฤดูหนาวในนามทีมชาติไทย ก่อนถูกแบน 4 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวอาจไม่ใช่การแข่งขันกีฬาที่ใกล้ตัวคนไทยมากนัก เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยกับการเล่นกีฬาฤดูหนาว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ทีมชาติไทยจะไม่เคยส่งนักกีฬาลงแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 

ในบรรดานักกีฬาฤดูหนาวทั้งหมดของทีมชาติไทย บุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คงหนีไม่พ้น วาเนสซ่า เมย์ นักไวโอลินชื่อดังระดับโลกที่เบนเข็มมาเอาดีทางกีฬา และเนื่องจากเธอมีคุณพ่อเป็นชาวไทย ธงไตรรงค์จึงติดอยู่บนชุดแข่งขันของเธอ ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2014

ท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชนทั่วโลก ความภาคภูมิใจของผู้หญิงคนนี้กลับถูกทำลายด้วยข้อครหาว่าเธอมีส่วนในการล็อกผลการแข่งขัน และถูกลงโทษแบนจากการเล่นสกีนานถึง 4 ปี

นี่คือเรื่องราวของ วาเนสซ่า เมย์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในการเล่นดนตรี, เล่นสกี ไปจนถึงปลายทางที่พาเธอมาพบเจอกับการต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองในฐานะนักกีฬาโอลิมปิก

เริ่มต้นบนเส้นทางสายดนตรี

แฟนกีฬาอาจรู้จัก วาเนสซ่า เมย์ ในฐานะนักกีฬาชาวไทยที่เคยลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว แต่สำหรับแฟนดนตรีทั่วโลก วาเนสซ่า เมย์ ถือเป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยผลงานของเธอเป็นที่นิยมอย่างมากในทวีปยุโรป และอัลบั้มเพลงของเธอขายดีระดับคว้าแผ่นเสียงแพลทตินัมในหลายประเทศ

เกิดในประเทศสิงคโปร์ และไปเติบโตในประเทศอังกฤษ วาเนสซ่า เมย์ คือลูกครึ่งชาวไทย-สิงคโปร์ ที่เติบโตภายใต้วิถีชีวิตของชาวยุโรปอย่างแท้จริง โดยเธอเริ่มทำความรู้จักกับดนตรีคลาสสิก และเริ่มเล่นเปียโน ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เมื่ออายุได้ 5 ขวบ เธอจึงเริ่มหัดเล่นไวโอลิน


Photo : theviolinchannel

คุณแม่ของวาเนสซ่า สนับสนุนให้ลูกส่าวเล่นดนตรีเป็นอย่างมาก วาเนสซ่าถูกส่งไปศึกษาการเล่นไวโอลินเพิ่มเติมที่ประเทศจีน ตอนเธออายุได้ 8 ขวบ ก่อนจะเข้าศึกษาด้านดนตรีที่ราชวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ (Royal College of Music) ในกรุงลอนดอน ทั้งที่เธอมีอายุเพียง 11 ขวบ

 

แม้ว่าจะอายุน้อยมากเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นในระดับวิทยาลัย แต่ความสามารถการเล่นไวโอลินของวาเนสซ่า หาตัวจับได้ยาก และเกือบเรียกได้ว่าอัจฉริยะ โดยเธอได้โอกาสขึ้นเล่นไวโอลินกับวง Philharmonia Orchestra ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และเมื่ออายุ 13 ขวบ ชื่อของเธอถูกบันทึกในกินเนสบุ๊คในฐานะบุคคลที่บันทึกเสียงไวโอลินคอนแชร์โตของบีโธเฟน และไชคอฟสกี ที่อายุน้อยที่สุดในโลก

ความสำเร็จตรงนี้ส่งผลให้วาเนสซ่า ก้าวสู่เส้นทางสายเพลงป๊อบ เธอออกอัลบั้มเต็มในแนวนี้ครั้งแรกเมื่อปี 1995 ภายใต้ชื่อ The Violin Player ซึ่งอัลบั้มนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟนเพลงทั่วยุโรป 


Photo : discogs

โดย The Violin Player มียอดขายสูงถึง 1.2 ล้านแผ่นจากทั่วโลก และได้การรับรองแผ่นเสียงแพลทตินัมระดับยุโรป นั่นคือ มียอดขายแผ่นมากกว่า 1 ล้านก็อปปี้จากทั่วทั้งทวีป แถมอัลบั้มนี้ของเธอยังขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศออสเตรีย

ผลงานเพลงของวาเนสซ่าได้รับคำชมอย่างมาก เนื่องจากเธอนำเสนอการเล่นไวโอลินในรูปแบบใหม่เพื่อให้เข้าถึงผู้คนในง่ายขึ้น ซึ่งความตั้งใจของเธอตรงนี้ส่งผลให้ วาเนสซ่าถูกวิจารณ์จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางดนตรีหัวอนุรักษ์นิยมไม่น้อย

 

อย่างไรก็ดี วาเนสซ่าโฟกัสไปยังความตั้งใจในการสร้างคลื่นลูกใหม่ของวงการดนตรี และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานที่แตกต่าง อัลบั้มเพลงบรรเลงไวโอลินในสไตล์ป๊อบจึงถูกส่งออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับชื่อเสียงของเธอที่กลายเป็นดาวดังระดับโลกไปแล้ว

วาเนสซ่าออกผลงานอีกหลายอัลบั้มทั้งในแนวป๊อบ และคลาสสิก ผลงานของเธอถูกจำหน่ายไปมากกว่า 10 ล้านแผ่น และได้รับรางวัลตลอดอาชีพนักดนตรีของเธอกว่า 40 รางวัล คอนเสิร์ตของเธอถูกถ่ายทอดไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก แถมยังเคยร่วมงานกับนักร้องชื่อดังอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไมเคิล แจ็คสัน, เจเน็ต แจ็คสัน หรือ Prince

วาเนสซ่า เมย์ จึงถือเป็นบุคคลหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากในโลกดนตรี และเธอเองก็มีสร้างรายได้จากวงการนี้ได้เป็นอย่างมาก โดยในปี 2006 เธอเป็นบุคคลที่อายุน้อยกว่า 30 ปี ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในสหราชอาณาจักร ด้วยมูลค่า 32 ล้านปอนด์ 

โดยในเวลานั้น เธอมีทรัพย์สินมากกว่า คริส มาร์ติน นักร้องนำวง Coldplay, แดเนียล แรดคลิฟฟ์ นักแสดงเจ้าของบท แฮร์รี่ พอตเตอร์ และ ออร์แลนโด้ บลูม นักแสดงเจ้าของบท เลโกลาส แห่งภาพยนตร์ The Lord of the Rings เสียอีก

เบนเข็มสู่บทบาทนักสกี

แม้จะประสบความสำเร็จในวงการดนตรีแบบที่มีน้อยคนจะเทียบเคียงได้ แต่ วาเนสซ่า เมย์ กลับเลือกตีตัวออกห่างเส้นทางนี้มาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน โดยเธอออกอัลบั้มสุดท้าย Choreography ไปตั้งแต่ปี 2004 และนับจากนั้นเป็นต้นมา วาเนสซ่าไม่เคยปล่อยผลงานเพลงใหม่ออกมาอีกเลย เพื่อหันไปโฟกัสกับ "แพชชั่นที่สอง" ในชีวิตของเธอแทน

แพชชั่นที่สองของวาเนสซ่า คือ กีฬาสกี โดยเธอเริ่มต้นเล่นกีฬาชนิดนี้ในช่วงเวลาเดียวกับที่เธอฝึกหัดเล่นเปียโน เมื่อเธออายุได้ 4 ขวบ จึงกล่าวได้ว่า วาเนสซ่ารู้จักกับกีฬาสกีก่อนเธอจะทำความรู้จักกับไวโอลินด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้น เมื่อเธออายุได้ 14 ปี วาเนสซ่าสัญญากับตัวเองว่า สักวันเธอจะเป็นนักกีฬาสกีให้ได้

"ผู้คนต่างประหลาดใจเมื่อพวกเขาเห็นฉันเล่นสกี มันขัดแย้งกับภาพนักไวโอลิน ชาวตะวันออกที่เล่นดนตรีคลาสสิก ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตภายใต้แสงสีเสียงมาอย่างยาวนาน แต่ความจริงคือฉันมีความฝันอยากเป็นนักกีฬาสกี และนั่นเป็นความตั้งใจที่ฉันต้องการจะทำให้ได้"

 

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวถือเป็นปลายทางสูสุดที่วาเนสซ่าต้องการจะไปให้ถึง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เธอไม่ใช่นักกีฬาที่ผ่านการฝึกฝนตลอดทั้งปีเมื่อผู้เล่นคนอื่นในโอลิมปิก บวกกับความจริงที่เธอถือสัญชาติอังกฤษซึ่งเต็มไปด้วยนักกีฬาฤดูหนาวฝีมือดีมากมาย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นักร้องอย่างเธอจะแทรกตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษ เพื่อลงแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในฐานะกีฬาสกี

แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออก วาเนสซ่า ทราบดีว่าเธอมีโอกาสจะลงแข่งขันในโอลิมปิกฤดูหนาว หากเลือกเป็นตัวแทนประเทศบ้านเกิดของคุณพ่อ นั่นคือ ประเทศไทย วาเนสซ่าจึงตัดสินใจยื่นเรื่องขอสัญชาติไทยตั้งแต่ปี 1999 เพื่อจะได้มีสิทธิลงแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2002 ที่เมืองซอลท์เลค ซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา

น่าเสียดายที่กฎหมายของไทยบังคับให้บุคคลที่ยื่นเรื่องขอสัญชาติไทย จำเป็นต้องสละสัญชาติเดิมของตนไป ซึ่ง วาเนสซ่า ปฏิเสธจะสละสัญชาติอังกฤษของตน เธอจึงพลาดโอกาสแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2002 แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงแสดงความตั้งใจจะแข่งขันกีฬาสกีในโอลิมปิกภายใต้ธงไตรรงค์ของทีมชาติไทย

ในที่สุด วันที่วาเนสซ่ารอคอยได้มาถึง เมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยตอบรับความต้องการของเธอ และจะส่ง วาเนสซ่า เมย์ เข้าแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 ที่เมืองโซชี ประเทศรัสเซีย โดยวาเนสซซ่าได้รับพาสปอร์ตไทยในฐานะบุคคลผู้มีความสามารถพิเศษ นั่นจึงทำให้ปัญหาเรื่องสัญชาติที่เคยหยุดยั้งไม่ให้เธอลงแข่งขันมานานกว่า 10 ปี ไม่เข้ามาขวางความตั้งใจของเธออีกต่อไป

 

"ฉันต้องการลงแข่งขันในนามทีมชาติไทยเพราะว่ามันมีส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันที่ไม่เครู้สึกถึงมันมาก่อน นั่นคือ ความรู้สึกของการเป็นคนไทย" วาเนสซ่า เมย์ กล่าวถึงความรู้สึกที่จะลงเล่นกีฬาสกีในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย

"คุณพ่อของฉันก็เหมือนกับชาวไทยคนอื่น พวกเขาไม่เคยเล่นสกีเลยตลอดทั้งชีวิต แต่เขาก็ตื่นเต้นมากในเรื่องนี้ เฉนเดียวกับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย"

วาเนสซ่าทุ่มเทกับการฝึกซ้อมเพื่อสร้างความฝันของเธอให้เป็นจริง โดยเธอตัดสินใจซื้อบ้านในเมืองเซอร์แมท ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเมืองแห่งนี้ถือเป็นหัวใจของการปีนเขาและการเล่นสกีในยุโรปมาตั้งแต่ปลายศตวรรษ 19 และวาเนสซ่ายังใช้เวลากว่า 3 ปี ไปกับการฝึกหัดเล่นสกี เพื่อให้เธอมีความสามารถพอจะผ่านรอบคัดเลือก และเข้าสู่โอลิมปิกฤดูหนาวรอบสุดท้ายดั่งตั้งใจ

หลังจากใช้เวลามากกว่าสิบปีเพื่อเดินตามความฝันด้านกีฬาของเธอ วาเนสซ่า เมย์ สามารถผ่านเข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 ได้สำเร็จ โดยเธอถือเป็นหนึ่งในสองตัวแทนประเทศไทยที่ลงแข่งขันในโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนั้นร่วมกับ คเณศ สุจริตกุล ซึ่งถือเป็นนักสกีอัลไพน์ด้วยกันทั้งคู่

วาเนสซ่า เมย์ เลือกใช้นามสกุลของคุณพ่อลงแข่งขันในโอลิมปิกฤดูหนาว นักไวโอลินชื่อดังจึงมีชื่อเรียกขานที่แตกต่างออกไปในโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 โดยเธอใช้ชื่อ วาเนสซ่า วรรณกร ในการแข่งขัน เพื่อยืนยันให้ผู้คนทั่วโลกเห็นว่า เธอคือลูกหลานชาวไทยอย่างแท้จริง

ผลงานของวาเนสซ่าในการแข่งขันครั้งนั้นไม่ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่แย่เกินไปสำหรับนักกีฬาสกีหน้าใหม่วัย 35 ปี โดยวาเนสซ่าจบเป็นอันดับ 67 ของการแข่งขัน ถือเป็นผู้เล่นลำดับสุดท้ายจากจำนวนนักกีฬาที่จบการแข่งขัน อย่างไรก็ดี มีผู้เล่นถึง 23 คนที่ไม่จบการแข่งขันในเรซดังกล่าว

วาเนสซ่าออกมาเปิดเผยตั้งแต่ก่อนลงแข่งขันแล้วว่า เธอไม่เคยฝันถึงการยืนไปอยู่บนโพเดียม หรือ แม้กระทั่งการเป็นผู้เล่นระดับท็อป 100 ของโลกเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้ว การจบอันดับ 67 ในโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 ถือเป็นผลงานเกินความคาดหมายของเธอมากแล้ว และวาเนสซ่าก็เตรียมพร้อมจะลงเล่นให้ทีมชาติไทยต่อไปในโอลิมปิกฤดูหนาว 2018

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ชื่นชมความสำเร็จของตัวเองอย่างเต็มที่ เหตุการณ์ที่ทำให้ชื่อเสียงของเธอมัวหมองอย่างถึงที่สุดได้เกิดขึ้น เพราะสมาพันธ์สกีนานาชาติได้เดินหน้าสืบสวนนักสกีชาวสโลวีเนีย 4 คน ในเดือนกรกฎาคม ปี 2014 ว่ามีส่วนล็อกผลการแข่งขันรอบคัดเลือก เพื่อให้ วาเนสซ่า เมย์ ได้เข้าแข่งขันในโอลิมปิกฤดูหนาว 2014

การต่อสู้เพื่อปกป้องความฝันในโอลิมปิก

เดือนพฤศจิกายน ปี 2014 สมาพันธ์สกีนานาชาติชี้ว่าการแข่งขันรอบคัดเลือกที่เกิดขึ้นในเมืองเคอร์วาเวค ประเทศสโลวีเนีย เมื่อวันที่ 18 และ 19 มกราคม ปีเดียวกัน อยู่ในสภาพอากาศที่ไม่ควรจัดการแข่งขัน นอกจานี้ ยังมีการยืนยันว่านักสกีคนหนึ่งมีส่วนในการล็อกผลการแข่งขันเพื่อช่วยให้นักสกีอย่างน้อย 23 คน มีผลการแข่งขันที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งที่มีคะแนนในการแข่งขันวันที่ 19 มกราคม ทั้งที่เธอไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน และยังมีผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่งถูกปรับเวลาให้ดีขึ้น 10 วินาที เพื่อให้จบอันดับสองของการแข่งขัน ซึ่งทั้งหมดล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล็อกผลการแข่งขันเพื่อให้ วาเนสซ่า เมย์ เข้าแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2014

วาเนสซ่าจึงถูกลงโทษด้วยการแบนจากการแข่งขันสกีทั่วโลกเป็นเวลา 4 ปี สมาพันธ์สกีนานาชาติแถลงการณ์อีกว่า วาเนสซ่า วรรณกร นักกีฬาสกีทีมชาติไทยไม่ผ่านการคัดเลือก และไม่ควรจะมีส่วนร่วมในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 ซึ่งทางนักกีฬาชาวไทยได้ตอบโต้กลับไปว่า นี่เป็นการตัดสินที่เหลวไหลอย่างที่สุด และเธอได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลกีฬาโลกในเดือนธันวาคม ปี 2014

หลังจากพิจารณาคดีกันราวครึ่งปี ศาลกีฬาโลกมีคำตัดสินออกมาในวันที่ 19 มิถุนายน ปี 2015 ให้ยกเลิกโทษแบนทั้งหมดที่ วาเนสซ่า วรรณกร ได้รับจากสมาพันธ์สกีนานาชาติ เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าเธอมีส่วนร่วมกับการล็อกผลการแข่งขันรอบคัดเลือก 

อย่างไรก็ตาม ศาลกีฬาโลกปฏิเสธจะรับรองผลการแข่งขันในเรซดังกล่าว เพราะการแข่งขันที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความบกพร่อง ดังนั้นแล้ว วาเนสซ่า จึงยังถือเป็นบุคคลที่ไม่มีสิทธิจะลงแข่งขันในโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 เช่นเดิม

การต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองของเธอจึงยังไม่จบสิ้น วาเนสซ่าเดินเรื่องเพื่อให้เธอได้การรับรองในฐานะนักกีฬาโอลิมปิกต่อไป ก่อนที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลจะรับรองสถานะนักกีฬาโอลิมปิกของเธอในเดือนมกราคม ปี 2016 

ส่วน สมาพันธ์สกีนานาชาติ ได้จ่ายค่าเสียหายแก่วาเนสซ่าโดยไม่เปิดเผยจำนวนตามคำสั่งของศาลกีฬาโลก และยังแถลงคำขอโทษต่อนักกีฬารายนี้อย่างเป็นทางการต่อสาธารณะ เนื่องจากทำให้ วาเนสซ่า เสื่อมเสียชื่อเสียงจากข้อกล่าวหาว่าเธอมีส่วนร่วมในการล็อกผลการแข่งขัน

"ฉันรู้สึกโล่งใจที่ตัวเองได้มีสิทธิลงแข่งขันทั้งสองเรซในโอลิมปิกฤดูหนาว และถึงแม้ว่ามันจะเป็นการทวงคืนตำแหน่งอันดับสุดท้ายของฉันคืนมา ฉันก็ดีใจจนตัวลอยเพราะท้ายที่สุด ฉันยังเป็นนักกีฬาโอลิมปิกคนหนึ่ง"

หลังจากต่อสู้ยืดเยื้อยาวนานราว 2 ปี วาเนสซ่า กลับสู่วงการสกีอีกครั้งในปี 2017 โดยเป้าหมายของเธอคือการผ่านเข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เมืองพยองชาง ประเทศเกาหลีใต้ โชคร้ายที่วาเนสซ่าได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ในเดือนมกราคม ปี 2018 และถีงแม้เธอจะฝืนแข่งขันต่อทั้งที่บาดเจ็บ แต่เนื่องจากวัยที่มากถึง 39 ปี เธอจึงได้รับคำแนะนำว่าควรหยุดเล่นสกี เพื่อรักษาอาชีพนักไวโอลินของเธอเอาไว้

เส้นทางในฐานะนักสกีของ วาเนสซ่า เมย์ จึงจบลงแค่นี้ และถึงแม้มันจะเป็นการเดินทางที่ไม่ยาวนาน แถมยังมีเรื่องราววุ่นวายที่ทำให้ชื่อเสียงของเธอเสียหาย แต่อย่างน้อยที่สุด วาเนสซ่า ได้ทำตามความฝันของเธอที่ต้องการลงแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในฐานะนักกีฬาสกี และชาวไทยยังได้รู้จักนักกีฬาสกีคนหนี่งที่มีชื่อว่า วาเนสซ่า วรรณกร ซึ่งเต็มใจจะลงแข่งขันภายใต้ธงไตรรงค์ของเรา

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ วาเนสซ่า เมย์ : นักดนตรีระดับโลกที่ลงแข่ง โอลิมปิกฤดูหนาวในนามทีมชาติไทย ก่อนถูกแบน 4 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook