ไขข้อข้องใจ : เหตุใดคนอเมริกันนิยม NASCAR แม้ทั่วโลกไม่สนใจ
NASCAR คือการแข่งขันรถยอดนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การแข่งขันขับรถอยู่ในลู่วนเป็นวงรีไปทางซ้ายเหมือนไม่มีวันจบสิ้น แต่ชาวอเมริกันก็ยังรักกีฬานี้สุดหัวใจ ไม่เคยเปิดใจให้การแข่งรถรายการอื่นเลย
ในขณะที่คนทั่วโลกต่างตื่นเต้นและสนุกกับ Formula 1 เหตุใดชาวอเมริกันถึงยังรักมั่นกับ NASCAR ติดตามคำตอบไปพร้อมกับ Main Stand
ที่มาของ NASCAR
ชื่อของ NASCAR ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่รู้ว่าคำว่า NASCAR ไม่ใช่ชื่อเรียกรถยนต์หรือประเภทรถแต่อย่างใด หากแต่เป็นคำย่อมาจากคำว่า National Association for Stock Car Auto Racing
หากดูจากคำย่อก็จะเห็นได้ไม่ยากว่า NASCAR คือการแข่งขันรถยนต์ประเภท Stock Car ซึ่งตามความหมายให้เข้าใจง่าย ๆ คือการแข่งขันรถที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปแล้วนำมาใช้แข่งขันกัน เพียงแต่จะมีการปรับแต่งรถเพื่อนำมาใช้ในการแข่งขันเป็นพิเศษ
จุดนี้ถือเป็นเสน่ห์ของการแข่งขัน NASCAR ที่แตกต่างจากการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ Formula 1 เพราะคนที่ชื่นชอบการแข่งขัน NASCAR สามารถซื้อรถตามรุ่นของนักแข่งในดวงใจมาขับขี่ได้ (แม้ทุกวันนี้ "ชื่อรุ่น" คือสิ่งเดียวพอเชื่อมโยงความเหมือนกันระหว่างรถบ้านกับรถแข่ง NASCAR ได้ก็ตาม) แต่เราไม่สามารถจะครอบครองรถรุ่นเดียวกับที่ใช้การแข่งขัน F1 เพราะรถแต่ละคันถูกผลิตมาเพื่อใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ
ทั้งนี้หากย้อนไปดูจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์การแข่งขัน NASCAR ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะมันมาจากการรวมตัวกันของชาวอเมริกันในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีใจรักในความเร็วของยานยนต์ที่นำรถส่วนตัวมาแข่งขันกัน
ในยุคแรกการแข่งขันรถไม่ใช่เรื่องง่ายและมีอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนามแข่งขันที่ไม่แน่นอน, การป้องกันอุบัติเหตุที่ย่ำแย่, แถมยังต้องคอยหลบตำรวจที่มาตามจับข้อหาขับรถเกินความเร็วที่กำหนดอีกด้วย
แม้ระยะแรกการแข่งขันรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงรากฐานของการแข่งขันที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ขอแค่มีใจรักการแข่งขัน และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้การแข่งขันรถประเภท Stock Car โด่งดังอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายจึงนำไปสู่การตั้งองค์กร NASCAR ขึ้นมาในปี 1948 เพื่อเป็นองค์กรกลางจัดการแข่งขันแข่งรถ Stock Car รายการต่าง ๆ ซึ่งตามสไตล์ของคนอเมริกัน ในการจัดตั้งลีกกีฬาให้เป็นกิจลักษณะก็ต้องมีหน่วยงานมาคอยกำกับดูแลและวางมาตรฐานให้เป็นลีกสูงสุด เหมือนกับที่เบสบอลมี MLB หรืออเมริกันฟุตบอลมี NFL
อย่างไรก็ตามด้วยความที่ NASCAR ดังแค่อยู่ในสหรัฐอเมริกา คนจึงเข้าใจว่าการแข่งขันแบบนี้ที่มีรถแข่งมาวิ่งวนอยู่ในลู่วงรีคอยเบียด ๆ กันเรียกว่าการแข่งขัน NASCAR แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย (เพราะ IndyCar การแข่งขันรถล้อเปิดที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ก็แข่งในสนามวงรีด้วย) มันคือการแข่งขันรถที่เรียกว่า Stock Car เพียงแต่ว่าการแข่งขันรถแบบนี้หน่วยงานที่ชื่อว่า NASCAR เป็นคนกำกับเท่านั้นเอง
หากใครที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงข้อนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย เพราะ NASCAR เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสุด ๆ แค่ในสหรัฐอเมริกา แต่ถึงจะดังแค่ในประเทศเดียวก็ดังมาก ๆ ชนิดที่เรียกว่า F1 หรือการแข่งขันรถสูตรหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมของคนทั่วโลกกลับแพ้ NASCAR แบบไม่เห็นฝุ่น หากวัดความนิยมบนแผ่นดินอเมริกา
โดยเรตติ้งของ F1 ที่สหรัฐอเมริกาจากฤดูกาล 2021 ที่ผ่านมา มียอดคนดูอยู่ที่ 0.94 ซึ่งในความเป็นจริงไม่ได้เลวร้ายนัก ถือว่ามียอดผู้ชมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๆ อย่างชัดเจน
แต่ถึงยอดผู้ชมทางโทรทัศน์ของ F1 ในสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้น แต่ยอดก็ยังห่างกับเรตติ้งผู้ชมของ NASCAR ที่อยู่ระหว่าง 1.3 ถึง 2.79 เลยทีเดียว หรือแม้แต่ IndyCar รถล้อเปิดเหมือนกับ F1 แต่มีการแข่งขันเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ก็ยังมีเรตติ้งเฉลี่ยสูงกว่า F1 อยู่ 1.22
เราสามารถสรุปได้ชัดว่า คนอเมริกันชื่นชอบที่จะดูกีฬาไม่เหมือนกับคนในประเทศอื่นในโลก พวกเขามีเหตุผลที่ดีพอเสมอในการดูเกมการแข่งขันของพวกเขาเอง และนี่คือเหตุผลว่าทำไมชาวอเมริกันถึงรักกีฬา NASCAR มากเหลือเกิน
ชื่นชอบเพราะคาดเดาไม่ได้
อีกหนึ่งข้อสงสัยหากใครที่ได้รู้จักการแข่งขัน NASCAR นั่นคือทำไมต้องแข่งรถวิ่งวนเป็นวงรีบนลู่ (Oval Course) แทนที่จะให้แข่งบนสนามในลักษณะถนน (Road Course) เหมือนกับการแข่งขันรถในรูปแบบอื่น ๆ (อย่างไรก็ตาม บางสนามของ NASCAR รวมถึง IndyCar ก็แข่งบนสนามในลักษณะถนนเช่นกัน)
ซึ่งเหตุผลที่การแข่งขันรถ Stock Car ต้องมาแข่งขันบนลู่วน ๆ สุดแสนน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน มันกลับกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้คนอเมริกันรักกีฬานี้ นั่นคือมัน "ทำให้การแข่งขันคาดเดาไม่ได้"
เป็นธรรมชาติของคนอเมริกันที่ไม่ชอบการผูกขาด แม้แต่การแข่งขันกีฬาพวกเขาก็ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ รวมถึงการแข่งขันรถด้วยเช่นกัน ซึ่งมีปัจจัยมากมายที่จะทำให้นักแข่งสักคนผูกขาดความสำเร็จไปนานหลายปี
ด้วยเหตุนี้ NASCAR จึงออกแบบให้การแข่งขันต้องมาวิ่งบีบบดบี้กันในทางลู่วนแคบ ๆ เพื่อให้รถในการแข่งขันต้องเกาะกันเป็นกลุ่ม ต้องเบียดบี้กันไปจนถึงโค้งสุดท้าย และจะวัดกันด้วยความสามารถของนักแข่งล้วน ๆ ว่าใครจะผ่านเข้าเส้นชัยได้เป็นคันแรก
ในความเป็นจริงแล้วการแข่งขัน NASCAR ก็ไม่ได้ต่างจาก F1 หรือการแข่งขันรถรายการอื่น ที่สุดท้ายนักขับที่เก่งจริงจะผูกขาดแชมป์หลายปีติดต่อกันเหมือนเดิม แต่ NASCAR มีข้อแตกต่างตรงที่เราจะไม่ได้เห็นรถของผู้ชนะนำห่างเป็นทุ่งหรือไปไล่น็อกรอบรถคันรั้งท้าย เพราะรถของทุกคนจะเกาะกลุ่มกันแล้วไปหักเหลี่ยมเฉือนคมกันในช่วงท้าย ซึ่งแค่นั้นสำหรับคนอเมริกันก็ถือว่าเพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขามองว่าการแข่งขันไม่ได้ผูกขาดจนเกินไป
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจแม้จะไม่ใช่เรื่องดีก็ตาม คือสนามของ NASCAR ถูกออกแบบมาให้รถชนกันได้ง่าย เนื่องจากเลนวิ่งที่แคบและบีบให้รถต้องเบียดกัน หากนักขับตัดสินใจผิดพลาดในการขับเพียงแค่นิดเดียวก็สามารถชนรถคันข้าง ๆ แล้วกลายเป็นการชนแบบลูกโซ่จนพังพินาศไปตาม ๆ กันได้ง่าย ๆ
แน่นอนว่าไม่มีแฟนกีฬาคนไหนอยากเห็นนักกีฬามาเสี่ยงชีวิตด้วยการประสบอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการชนกันแบบตูมตามของ NASCAR คือเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้หลายคนถอนตัวไม่ขึ้นจากกีฬานี้ เพราะมันทำให้ผู้ชมไม่รู้เลยว่าจังหวะที่รถกำลังจะแซงในอีกวินาทีต่อมาจะเกิดการชนระหว่างรถเกิดขึ้นหรือไม่
"ผมเฮทุกครั้งที่รถชนกัน ผมก็อับอายตัวเองนะที่พูดแบบนี้" เคิร์ต สมิธ แฟน NASCAR รายหนึ่งยอมรับผ่านสื่อว่าเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนุกยามเห็นอุบัติเหตุในสนามแข่งขัน
ข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจมาก ๆ คือเมื่อการแข่งขัน NASCAR เกิดการชนกัน จนต้องโบกธงแดงเพื่อยุติการแข่งขัน เรตติ้งทางโทรทัศน์ในตอนนั้นจะพุ่งขึ้นสูงถึง 2.3 ในทันที จนเป็นหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนอเมริกันชื่นชอบการแข่งขันนี้ เพราะอยากดูรถชนกันแบบระเบิดตูมมตามด้วยเช่นกัน
เข้าถึงได้ง่าย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า NASCAR มีอิทธิพลยาวนานกับสังคมอเมริกันมาตั้งแต่ปี 1948 นี่คือกีฬาแข่งรถท้องถิ่นของสหรัฐฯ เพราะตั้งแต่อดีตก็มีอยู่แค่รายการเดียว ดังนั้นมันจึงผูกติดกับคนสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งแยกจากกันไม่ขาด
นอกจากนี้ด้วยความเป็นอเมริกัน กีฬาไม่เคยเป็นแค่การแข่งขัน แต่ต้องหาช่องทางที่จะมอบความบันเทิงให้ในรูปแบบอื่นผูกติดมากับกีฬาด้วย
NASCAR เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ประสบความสำเร็จกับการเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้เป็นกีฬาที่ "เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี" ด้วยการปรับบรรยากาศในสนามแข่งให้เป็นเหมือนเทศกาลที่ครอบครัวมาใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นกิจกรรมที่เอาไว้พักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
นอกจากนี้สนาม NASCAR ส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่และสามารถจุผู้ชมได้มาก หลายสนามสามารถจุผู้ชมได้เกิน 100,000 คน และสนามที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Indianapolis Motor Speedway สามารถจุผู้ชมได้ถึง 257,325 คนเลยทีเดียว
ที่สำคัญ ด้วยความที่สนามแข่งส่วนใหญ่เป็นรูปวงรี ไม่ว่าผู้ชมอยู่จุดไหน ก็จะเห็นทุกแอคชั่นการแข่งขันอย่างชัดเจน ต่างจากสนามลักษณะถนน ที่ผู้ชมมักได้เห็นการแข่งเฉพาะจุดที่ตัวเองนั่งอยู่เท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบรรยากาศของสนามแข่งขัน NASCAR จะเต็มไปด้วยความสนุกมากแค่ไหน บางคนสามารถไปนั่งดูการแข่งขันโดยที่ไม่ต้องสนใจการแข่งขันเลยก็ได้ แต่ก็ยังสามารถสนุกและมีความสุขกับกิจกรรมต่าง ๆ ไปได้อยู่ดี
นอกจากนี้ในขณะที่การแข่งขันอย่าง F1 สามารถสร้างสตาร์ขึ้นมาดึงดูดแฟนได้เพียงไม่กี่คน (ส่วนใหญ่ประมาณ 2-3 คนในกลุ่มลุ้นแชมป์) แต่ NASCAR สามารถสร้างนักแข่งประมาณ 10 คนขึ้นมาเป็นตัวดึงดูดการแข่งขัน เพราะการแข่งขันที่สร้างมาให้ทุกคนสามารถชนะได้ก็ยิ่งทำให้แฟน ๆ มีทางเลือกมากขึ้นในการชื่นชอบนักแข่งในดวงใจที่ล้วนมีคาแร็กเตอร์แตกต่างกันออกไป
เมื่อบวกกับสนามที่ใหญ่โต บรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ยิ่งกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวดึงดูดให้คนเข้ามาในสนามเพื่อชมการแข่งขัน NASCAR และกลายเป็นแฟนของการแข่งขันรถประเภทนี้
นอกจากนี้ NASCAR ยังเป็นกีฬาที่มีการถ่ายทอดไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการถือลิขสิทธิ์ของ FOX ช่องโทรทัศน์ชื่อดัง ทำให้ผู้คนติดตามกีฬานี้ได้ง่ายมาก ๆ
ประกอบกับช่วงเวลาการแข่งขันที่นิยมแข่งในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่สหรัฐอเมริกา ยิ่งทำให้ NASCAR กลายเป็นรายการโทรทัศน์แก้เบื่อช่วงวันหยุดของคนจำนวนมากที่สามารถนั่งนอนเล่นอยู่ที่บ้าน ทำอาหาร กินข้าว นั่งเล่นกับครอบครัว ไปพร้อมกับการดูการแข่งขันนี้ไปด้วย
ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ลงตัว ปฏิเสธไม่ได้ว่า NASCAR คือกีฬาที่เข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย จะดูจริงจังก็ได้เอาสนุกก็ดี หรือจะดูเอาเพลินแก้เบื่อ จะแบบไหนก็เข้าที่เข้าทางของคนอเมริกันไปเสียหมด
หรือหากจะพูดว่า นี่คือกีฬาแข่งรถที่สร้างมาเพื่อคนอเมริกันโดยเฉพาะก็อาจจะไม่ผิดนัก
กีฬาของชาวอเมริกัน
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ NASCAR ยังคงเป็นการแข่งขันที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในสหรัฐอเมริกาโดยที่คนอเมริกันจำนวนไม่น้อยไม่ยอมเปิดใจให้กับ F1 ก็เพราะว่าพวกเขาพอใจที่จะได้ดูกีฬาที่คนในประเทศแข่งขันกันเป็นหลัก
ความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คือคนคนอเมริกันมีความภูมิใจในชาติตัวเองสูง และพวกเขานิยมชมชอบอะไรที่เป็นของตัวเองเสมอ ต่อให้ไม่เป็นกีฬาที่โด่งดังหรือมีการแข่งขันไปทั่วโลก แต่ถ้ากีฬานี้เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ คนที่นั่นก็พร้อมที่จะเชื่อว่านี่คือกีฬาระดับโลก
คนอเมริกันจำนวนหนึ่งเชื่อว่า NASCAR คือการแข่งขันรถที่ดีที่สุด ทำให้ไม่จำเป็นต้องไปไขว่คว้าหาการแข่งขันอื่นมารับชม
ยิ่งได้ดูการแข่งขันที่มีแต่คนอเมริกันมาแข่งขันทุกคน (ในดิวิชั่นสูงสุด) ยิ่งทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปดูการแข่งขันอื่นเลย เพราะการได้ดูเพื่อนร่วมชาติมาบดบี้กันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งมันถูกใจชาวสหรัฐฯ ยิ่งกว่าดูคนในประเทศไปแข่งกับชาวต่างชาติเสียอีก
เนื่องมาจากว่า NASCAR แทบไม่มีชาวต่างชาติมาแข่งเลย ยิ่งทำให้ NASCAR สามารถใส่ความเป็นอเมริกันลงไปในเกมกีฬาได้แบบเต็มเหนี่ยวไม่ต้องเกรงใจใคร ซึ่งข้อดีคือการแข่งขันกีฬานี้ถูกจริตคนอเมริกันเป็นอย่างมาก และยิ่งทำให้พวกเขาติดหนึบกับ NASCAR แบบสลัดไม่หลุด
บวกกับเมื่อเวลาผ่านไป NASCAR ก็ไม่ใช่แค่กีฬา แต่กลายเป็นสังคมและวัฒนธรรมของผู้คน ความรักที่มีต่อกีฬานี้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น นักแข่งที่เดินเข้าสู่การแข่งขันทุกคนล้วนรักในการแข่งขันนี้ ผู้ชมก็รักการแข่งขันนี้ นี่คือกีฬาของคนที่มีแพชชั่น ไม่ว่าจะนั่งอยู่ในหรือนอกสนามแข่งขันก็ตาม
หากจะหาบทสรุปที่เข้าใจง่ายที่สุด คงต้องบอกว่า NASCAR คือการแข่งขันรถของคนอเมริกัน เพื่อคนอเมริกัน โดยคนอเมริกัน นี่คือหนึ่งในวัฒนธรรมของชาติมหาอำนาจแห่งโลกตะวันตกที่ไม่มีทางแยกจากกันขาด และต่อให้คนทั่วโลกไม่ได้สนใจหรือร่วมรับชมการแข่งขันนี้ พวกเขาก็คงไม่แคร์
เพราะ NASCAR ทำหน้าที่ของมันได้ดีมาตลอด นั่นคือการมอบความสุขให้กับชาวอเมริกัน และไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาจะต้องไปเปิดใจรับการแข่งรถแบบอื่นมาแทนที่ NASCAR ในเมื่อการแข่งขันที่พวกเขามีอยู่ในมือก็ทำหน้าที่ได้ดีทุกอย่างแล้ว