ฉันมาเพื่อว่ายน้ำ : "ลีอา โธมัส" นักว่ายน้ำข้ามเพศที่ถูกสังคมอเมริกันตั้งคำถาม
เรื่องของเพศสภาพที่เปิดกว้างกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่ใครก็ยอมรับและให้ความเคารพไม่ต่างกันในโลกยุคนี้ เพราะมันเป็นเรื่องของความเท่าเทียมในสังคม
อย่างไรก็ตามแม้หลายคนจะพูดแบบนั้น แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ลีอา โธมัส ช่างเป็นอะไรที่แตกต่าง
เธอคือหญิงข้ามเพศที่ลงแข่งขันว่ายน้ำประเภทหญิงพร้อมกับทำสถิติต่าง ๆ ระดับประเทศได้มากมาย แต่วันหนึ่งที่เธอประสบความสำเร็จ สังคมเริ่มบอกว่าเธอไม่ควรมาแข่งในรายการประเภทหญิงแบบนี้ และหลายคนที่ไม่ยอมรับก็แสดงการต่อต้านเธออย่างหนักหน่วง
บนความกดดันที่เกิดขึ้นกับหญิงข้ามเพศอย่าง ลีอา โธมัส เธอผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร และต้องเจอกับอะไรในแต่ละวันบ้าง ?
ติดตามได้ที่ Main Stand
วิล โธมัส จากทีมชาย
เส้นทางยาวไกลเริ่มที่ก้าวแรก ก่อนจะกลายเป็น ลีอา โธมัส หญิงข้ามเพศที่เป็นประเด็นร้อนในการแข่งขันว่ายน้ำระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา เธอเป็นเด็กชายวัย 5 ขวบที่ไม่เคยคิดเรื่องเพศสภาพใด ๆ มาก่อนเลยในช่วงที่เธอยังเป็นเด็ก เพราะสิ่งแรกที่เธอรู้ว่าเธอชอบและสนุกที่ได้ทำมันคือ การว่ายน้ำ นั่นคือช่วงเวลาที่ "ลีอา โธมัส" หรือชื่อเดิม "วิล โธมัส" พูดถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนี้
Photo : UPenn
วิล สนุกกับการว่ายน้ำตามพี่ชาย และเอาจริงเอาจังถึงขั้นต้องออกไปที่สระทุกวันตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงเก่งกว่าใคร ๆ ในรุ่นเดียวกัน เธอเป็นตัวแทนของโรงเรียนตั้งแต่ประถมจนถึงระดับไฮสคูลตามรอยของพี่ชาย ซึ่งพรสวรรค์และการขยันฝึกซ้อมถูกต่อยอดครั้งสำคัญ เมื่อเธอได้รับทุนนักกีฬาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เมื่อปี 2016
วิล โธมัส กลายเป็นที่หมายตาของทีมว่ายน้ำชายของมหาวิทยาลัย เพราะนอกจากจะมีทักษะที่ดีแล้ว หน่วยก้านก็แข็งแกร่งเหมาะกับการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ด้วยหน้าอกที่กว้างและมีมัดกล้ามที่แข็งแรง สะโพกที่มีกล้ามเนื้อกระชับ และมีจังหวะการดึงสโตรกในการว่ายจากช่วงแขนที่ยาวอีกด้วย
วิล เริ่มถูกทีมมหาวิทยาลัยส่งเข้าแข่งขันครั้งแรกในปี 2017 จากนั้นก็เริ่มทำสถิติต่าง ๆ มากมาย อาทิการทำสถิติว่ายฟรีสไตล์ 1 พันเมตร ที่ทำเวลาไว้ 8.57.55 นาที เร็วที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของสหรัฐอเมริกา, ฟรีสไตล์ 500 เมตร และ 1,650 เมตร ระดับท็อป 10 ของประเทศ นอกจากนี้ยังคว้ารองแชมป์ฟรีสไตล์ระยะ 500, 1,000 และ 1,650 หลาที่ Ivy League Championships ซึ่งเป็นลีกว่ายน้ำระดับมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของสหรัฐอเมริกา สมัยอยู่ชั้นปีสอง เมื่อปี 2019
ทว่าสำหรับเธอปัญหามันไม่ได้อยู่ที่รางวัลและความสำเร็จ ยิ่งเวลาผ่านไป วิล ก็พบว่าควรบอกความจริงที่อยู่ในใจของเธอให้กับทุกคนได้รับรู้ รวมถึงการที่ควรจะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นจริง ๆ เสียที ... และเรื่องนี้เธอเก็บเอาไว้นานจนถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
ในช่วงเรียนไฮสคูล (มัธยมปลาย) ปีสุดท้าย โธมัส เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า เธอรู้สึกว่าจิตใจของเธอเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว แต่ด้วยฐานะนักกีฬาของโรงเรียนมันทำให้เธอกลัวที่จะเปิดเผยตัวตนที่เธอเป็น
เธอจึงเริ่มค้นหาข้อมูลในกูเกิลเรื่องของผู้หญิงข้ามเพศเพื่อหาทางออกและบอกความจริง จนกระทั่งเธอได้มาเจอกับพี่เลี้ยงคนหนึ่งในช่วงรับน้องของมหาวิทยาลัยที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศ นั่นเป็นครั้งแรกที่ วิล โธมัส ยอมรับว่า "ใช่เลย" นี่คือคำตอบที่เธอตามหาอย่างแท้จริง
"มันเป็นความรู้สึกที่ว้าวมาก การได้คุยกับเธอเหมือนกับการได้ส่องกระจกสะท้อนความจริง การปรึกษาครั้งนั้นเหมือนได้คุยกับนักจิตวิทยา เหมือนทำให้ฉันได้เห็นความจริง" โธมัส กล่าว
การคุยเปิดอกกับคนที่มีประสบการณ์มาก่อน ทำให้ โธมัส รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยกับการจะเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพียงแต่ว่าเธอยังกลัวนิดหน่อยที่จะต้องบอกพ่อ แม่ พี่ชาย และเพื่อน ๆ รวมถึงโค้ชของเธอ เพราะเธอไม่รู้เลยว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมีปฏิกิริยากับการเลือกจะเป็นในสิ่งที่อยากเป็นของเธออย่างไร
โลกแห่งการเปิดรับ
หลังเรียนจบปีแรก โธมัส ตัดสินใจโทรไปเล่าความในใจให้กับพ่อและแม่ของเธอได้รู้ และเรื่องนี้มันผ่านฉลุยไร้การต่อต้าน เพราะพ่อแม่ของเธอเองก็รู้อยู่ลึก ๆ จากการสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของ โธมัส นับตั้งแต่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งคู่พบว่า โธมัส เหมือนกับกำลังทรมานใจอยู่ลึก ๆ และมีบางสิ่งเกิดขึ้นและเธอกำลังเจ็บปวดกับการปิดบังมัน
ดังนั้นเมื่อ โธมัส เปิดใจ พ่อกับแม่ของเธอก็ตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยว่านั่นไม่ใช่ปัญหา รวมถึงพี่ชายของเธอที่เป็นคนชวนเธอให้มารักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจด้วย
"เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เราจะไม่ยอมทอดทิ้ง และจะไม่ยอมเสียเธอไปแน่นอน" บ็อบ โธมัส ผู้เป็นพ่อกล่าว
เมื่อทุกอย่างเปิดกว้าง วิล โธมัส ก็ได้ประกาศผ่านสื่อในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่โรคระบาด COVID-19 กำลังเล่นงานทุกวงการ เช่นเดียวกับการแข่งขันว่ายน้ำที่ถูกหยุดอย่างไม่มีกำหนด ช่วงเวลานั้น วิล ก็บอกความจริงทุกข้อที่อยู่ภายในใจ เปิดเผยตัวตนว่าจริง ๆ แล้วเธอมีหัวใจและความรู้สึกเป็นผู้หญิง เธอคือหญิงข้ามเพศ และตั้งชื่อใหม่ว่า ลีอา โธมัส
การเปิดเผยครั้งนั้นอาจจะทำให้เธอโล่งใจที่ได้ยืนยันสิ่งที่เป็นตัวตนของเธอจริง ๆ แต่ปัญหามันเกิดขึ้นหลังจากนั้นต่างหาก เมื่อเธอยืนยันว่าเธอเป็นหญิงข้ามเพศ เธอก็ต้องการให้ทุกคนปฏิบัติต่อเธอแบบนั้น เธอยืนยันว่าเธอจะแข่งขันว่ายน้ำต่อไป แต่ปัญหาที่หลายคนสงสัยคือ "เธอจะต้องแข่งขันในประเภทใด ชาย หรือ หญิง ?"
เรื่องดังกล่าวถูกนำเสนอต่อคณะกรรมการกีฬามหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา หรือ NCAA และหารือกันอยู่นาน ก่อนที่จะมีการฟันธงในภายหลังว่า นับตั้งแต่เคสของ ลีอา เป็นต้นไป กลุ่มหญิงข้ามเพศ (Trans Female) จะสามารถลงแข่งขันกีฬาประเภทหญิงได้
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะนี่คือโลกยุคใหม่ที่เปิดกว้าง และทาง NCAA ก็ไม่ต้องการปิดกั้นโอกาสของใครด้วยการใช้เพศสภาพมาเป็นตัวตัดสิน เพียงแต่มีข้อแม้เล็กน้อยว่า หญิงข้ามจะต้องกินยาลดฮอร์โมนเพศชายต่อเนื่องอย่างน้อยเป็นเวลา 1 ปี เพื่อปรับสภาพร่างกายและทำให้ได้เปรียบคู่แข่งน้อยที่สุด
ลีอา เริ่มกินฮอร์โมนตามที่ NCAA ระบุจนครบ 1 ปี เธอรู้ว่าร่างกายของเธอจะไม่แข็งแรงเหมือนเดิม และเธอต้องใช้เวลาออกกำลังกายมากกว่าเดิมเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ แม้จะลำบากมากขึ้น แต่ ลีอา ก็พบว่าจริง ๆ แล้วให้ความรู้สึกดีกว่าตอนที่เธอยังสับสนกับตัวเองโดยไม่ยอมเปิดตัวด้วยซ้ำไป ตอนนั้นเธอเล่าว่าแม้จะได้รางวัลและคำชมมากมาย แต่เธอก็รู้สึกว่าสภาพจิตใจย่ำแย่ ได้นอนน้อยมากในแต่ละคืน และการซ้อมก็เป็นไปอย่างเช้าชามเย็นชามจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เมื่อปี 2021 เดินทางมาถึง การแข่งขันว่ายน้ำระดับมหาวิทยาลัยกลับมาแข่งขันอีกครั้ง เธอตัดสินใจเข้าทีมว่ายน้ำหญิงเพื่อลงแข่งขันครั้งนี้ ไม่ใช่เหตุผลในเรื่องของการเพิ่มโอกาสชนะใด ๆ ทั้งสิ้น เธอคิดว่านี่คือสิ่งที่เธอควรได้รับ เธอเป็นผู้หญิง และเธอจะใช้ชีวิตในแบบที่ผู้หญิงเป็น
ชัยชนะ … ที่หลายคนไม่พอใจ
แรกเริ่มทุกคนก็ดูจะให้กำลังใจเธอ เพราะทุกคนรู้ว่าการเผยตัวตนสำหรับนักกีฬาที่มีโอกาสเป็นตัวแข่งระดับมหาวิทยาลัยนั้นต้องใช้ความแข็งแกร่งด้านจิตใจไม่น้อย แต่ปัญหามันเริ่มเกิดขึ้นในวันที่กระแสความเห็นใจเริ่มลดลง เพราะว่าเธอนั้นเก่งเกินไป
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพราะอะไร ต่อให้ ลีอา ได้กินยาลดฮอร์โมนเพศชายครบ 1 ปีแล้ว แต่ความจริงก็คือสมัยที่เธอแข่งขันในประเภทชายเขายังเป็นเบอร์ต้น ๆ ของประเทศ และถ้าให้มาแข่งกับผู้หญิงมันคงยิ่งไปกันใหญ่ ชัยชนะกลายเป็นของตาย เพราะไม่มีนักว่ายน้ำหญิงคนไหนในระดับนี้จะว่ายเร็วได้เท่ากับ ลีอา โธมัส อีกแล้ว
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด ๆ คือในการแข่งขันในรายการ Zippy Invitational ลีอา ลงแข่งขัน 3 รุ่น ทั้ง ฟรีสไตล์ 200 หลา, ฟรีสไตล์ 500 หลา และ ฟรีสไตล์ 1,650 หลา ผลการแข่งขันปรากฏว่าเธอชนะทุกรายการ และทุบสถิติการแข่งขันประเภทหญิงของสหรัฐอเมริกาทั้งหมด
นอกจากนี้ ลีอา ได้รับอนุญาตให้เป็นตัวแทนไปแข่งขันว่ายน้ำในรุ่นของผู้หญิง ก่อนสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักกีฬาข้ามเพศคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ชนะในการแข่งขันกีฬาระดับมหาวิทยาลัย ดิวิชั่น 1 หรือดิวิชั่นสูงสุด ซึ่งจัดขึ้นโดย NCAA หรือสมาคมกีฬามหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกา อีกด้วย
นั่นคือที่มาของปัญหาทั้งหมด นักว่ายน้ำหญิงหลายคนรู้สึกว่าสิ่งที่ ลีอา โธมัส กำลังทำนั้นไม่แฟร์กับความพยายามของคนอื่น ๆ โดยตัวแทนของกลุ่มที่เรียกร้องให้ ลีอา ออกจากการแข่งขันประเภทหญิงให้เหตุผลว่า ทุกคนเชื่อว่า ลีอา โธมัส มีสิทธิ์ที่จะเป็นอะไรก็ได้ตามที่เธออยากจะเป็น เธอจะไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง หรือไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่มีใครว่าและไม่มีใครสามารถใช้เพศสภาพมาตัดสินเธอได้
แต่นี่คือการแข่งขันกีฬา และแน่นอนว่าร่างกายของ ลีอา มีพื้นฐานจากความเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งกว่าผู้หญิงหลายเท่า และเมื่อเธอลงแข่งขันมันแทบไม่มีทางสู้และปิดโอกาสชนะของคู่แข่งประเภทหญิงทุก ๆ คนอย่างแท้จริง
ท่าทีและการแสดงออกของกลุ่มนักว่ายน้ำหญิงหลายคนชัดเจนมากขึ้น เช่นในการแข่งขันฟรีสไตล์ 500 หลา ในรายการชิงแชมป์ประเทศระดับมหาวิทยาลัยโดย NCAA แบบสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดือนมีนาคม 2022 นี้เอง ที่ ลีอา ทำสถิติใหม่และคว้าเหรียญทองได้ ในช่วงถ่ายรูปรวมนักกีฬาที่ได้รับรางวัลนั้น ผู้เข้าแข่งขันที่ได้อันดับ 2 และ 3 ไม่ยอมถ่ายรูปร่วมกับเธอ อันเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า "พวกเธอไม่ยอมรับลีอาว่าเป็นนักกีฬาหญิง"
ขณะที่ ลีอา โธมัส ก็ต้องแข็งแกร่งกับปฏิกิริยาทั้งหมดที่เกิดขึ้น เธอเล่าว่าเธอเองก็คิดไว้ก่อนแล้วว่าปัญหาแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นถ้าเธอมาแข่งในประเภทหญิง แต่ที่สุดแล้วสิ่งที่เธอทำเธอคิดว่ามันถูกต้องแน่นอน 100% เธอไม่ได้ลงแข่งขันประเภทหญิงเพราะว่ามันง่ายต่อการชนะ แต่เธอลงแข่งประเภทหญิงเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง นั่นคือสิ่งที่เธอบอกว่ามันคือสิทธิ์อันชอบธรรม
"ฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับคนอื่น ๆ ในทีมนั่นแหละ ฉันมองตัวเองในฐานะนักว่ายน้ำ ฉันอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็ก มันคือกิจกรรมที่ฉันรัก และฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงมันหรอก ฉันจะกระโจนลงน้ำทุก ๆ วันและทำมันให้ดีที่สุดเหมือนกับที่ฉันบอกตัวเองเสมอมา" ลีอา กล่าว
การตอบกลับของเธอแบบนั้นทำให้เธอถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว กระแสต่อต้านตัวเธอเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน เธอเริ่มถูกคุกคามและถูกล้อเลียนทางออนไลน์ ซึ่งเธอก็ทำได้แค่ปิดการส่งข้อความโดยตรงบนอินสตาแกรมของเธอ เธอหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงชื่อของเธอทางออนไลน์ในประเด็นต่าง ๆ
เธอเข้าใจและยอมรับการถูกมองแบบนั้น แต่เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะปล่อยมันไปแล้วเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำเป็นอันดับแรก เธอบอกพ่อแม่ของเธอว่าอย่ามีส่วนร่วมในการโต้เถียงใด ๆ ที่ไม่เกิดประโยชน์ เธอขอให้เพื่อนของเธอยืนหยัด เธอจะไม่วิพากษ์วิจารณ์เพื่อนร่วมทีมที่เธอรู้ว่ากำลังหยั่งรากลึกถึงความคลางแคลงสงสัยที่มีต่อเธอด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคือเธอแค่อยากจะว่ายน้ำ
"ฉันไม่ได้มองมันในแง่ลบ มองเป็นเรื่องร้าย ด้วยความเกลียดชัง ... ฉันชื่อลีอา ฉันมาที่นี่เพื่อว่ายน้ำ" ลีอา โธมัส กล่าว
ตอนนี้เรื่องทั้งหมดถูกมองเป็น 2 มุม และยังคงเป็นประเด็นที่ไม่ได้ข้อสรุปง่าย ๆ ว่าจริง ๆ แล้วกลุ่มหญิงข้ามเพศนั้นสมควรจะลงแข่งขันกีฬาในประเภทผู้หญิง รวมถึงชายข้ามเพศควรลงแข่งขันกีฬาในประเภทชายหรือไม่
กลุ่มแรกเห็นด้วยว่า ถ้าไม่ให้พวกเธอลงแข่งขันในรายการของผู้หญิง พวกเธอจะไม่มีรายการแข่งขันใด ๆ ให้ลงแข่งเลย เพราะการกินยาลดฮอร์โมนจะทำให้พวกเธอสู้ผู้ชายไม่ได้ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ พวกเธอคิดว่าพวกเธอเป็นผู้หญิงและไม่สะดวกใจที่จะต้องลงแข่งขันในประเภทชาย มันคือความทรมานทางจิตใจเหมือนกับที่ ลีอา โธมัส เคยเป็นมาก่อน
กลุ่มที่สองก็คือกลุ่มที่ยืนกรานว่า ในบางครั้งคำว่าการมีเสรีภาพก็ควรคำนึงถึงภาพรวม แม้จะเท่าเทียมในการใช้ชีวิตในสังคม แต่ก็เป็นการสร้างความไม่เท่าเทียมในการแข่งขัน
เรื่องทั้งหมดนี้ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมอเมริกันรวมถึงสังคมโลกยังต้องถกเถียงกันอีกยาว และยังไม่มีทางออกแน่ชัดว่าต่อไปนี้หญิงข้ามเพศจะสามารถแข่งขันในประเภทหญิง รวมถึงชายข้ามเพศจะสามารถแข่งขันในประเภทชายในรายการระดับนานาชาติได้หรือไม่ ?
อัลบั้มภาพ 27 ภาพ