ย้อนที่มาที่ไป : การต่อสู้ของนักฮอกกี้น้ำแข็งรัสเซียจนได้โอกาสลงเล่นใน NHL

ย้อนที่มาที่ไป : การต่อสู้ของนักฮอกกี้น้ำแข็งรัสเซียจนได้โอกาสลงเล่นใน NHL

ย้อนที่มาที่ไป : การต่อสู้ของนักฮอกกี้น้ำแข็งรัสเซียจนได้โอกาสลงเล่นใน NHL
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านักกีฬาชาวรัสเซียมีอิทธิพลต่อหลายวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง แม้กระทั่งลีกหมายเลขหนึ่งของโลกอย่าง National Hockey League หรือ NHL นักกีฬาชาวรัสเซียก็ถือเป็นส่วนสำคัญของลีก จนถึงขณะนี้พวกเขายังไม่ถูกสั่งแบน แม้จะเกิดกรณีรัสเซียบุกยูเครนก็ตาม

เนื่องในโอกาสนี้ Main Stand พาคุณย้อนไปดูที่มาที่ไป เหตุใดชาวรัสเซียจึงถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญในวงการกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง และการต่อสู้พวกเขาที่ช่วยเปิดโอกาสให้ได้ลงเล่นใน NHL หลังเคยถูกสั่งห้ามจนพลาดโอกาสมานานหลายสิบปี

เก่งมานาน แต่ถูกม่านเหล็กขวางกั้น

แฟนกีฬาทั่วโลกอาจจดจำว่า ฮอกกี้น้ำแข็ง เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมแค่ในสหรัฐอเมริกา แต่แท้จริงแล้ว มีอีกหลายชาติในทวีปยุโรปที่เริ่มต้นเล่นกีฬาชนิดนี้อย่างจริงจังตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งประเทศรัสเซียก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยพวกเขาเข้าเป็นมาเป็นสมาชิกของ สหพันธ์ฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ มาตั้งแต่ปี 1911 ก่อนหน้าสหรัฐอเมริกาถึง 36 ปี

แม้รัสเซียจะถอนตัวจากสหพันธ์ฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติไปในปี 1911 เช่นกัน เนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับชาติสมาชิกอื่นในสมาพันธ์ นับจากนั้นการพัฒนากีฬาฮอกกี้น้ำแข็งในรัสเซียก็ดูเหมือนจะหยุดชะงัก เนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในประเทศ หลังเกิดเหตุปฏิวัติรัสเซียที่เปลี่ยนรูปแบบการปกครองจากจักรวรรดิสู่สหภาพโซเวียต ก่อนจะต้องรับมือกับความร้ายแรงของสงครามโลกที่เกิดขึ้น

เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง โลกถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย สหภาพโซเวียตและประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออก ตัดสินใจหลบไปอยู่หลังกำแพงม่านเหล็ก และเลือกจะแพร่ขยายลัทธิคอมมิวนิสต์ผ่านการต่อสู้บนเวทีสงครามเย็นด้วยการสะสมอาวุธนิวเคลียร์และสนับสนุนสงครามตัวแทนที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นแนวทางหลักในการต่อสู้กับค่ายโลกเสรี ณ เวลานั้น

แต่บรรดาผู้มีอิทธิพลของสหภาพโซเวียตรู้ดีว่าแค่อาวุธนิวเคลียร์และกำลังทหารไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ค่ายคอมมิวนิสต์พิชิตโลกใบนี้ การแสดงถึงความสามารถทางด้านอื่น เช่น วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี หรือ กีฬา ก็ถือเป็นเครื่องมือที่แสดงความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตด้วยเช่นกัน

 

ท่ามกลางกีฬามากมายบนโลกใบนี้ หนึ่งในกีฬาที่บรรดาผู้มีอำนาจของสหภาพโซเวียตชื่นชอบมากที่สุด คือ ฮอกกี้น้ำแข็ง ทันทีที่สงครามโลกครั้งที่สองจบลง รัฐบาลคอมมิวนิสต์มีคำสั่งให้เดินหน้าพัฒนากีฬาฮอกกี้น้ำแข็งในสหภาพโซเวียตทันที โดยในปี 1946 มีการก่อตั้งทีมฮอกกี้น้ำแข็งโซเวียตขึ้น ก่อนจะพัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นการก่อตั้งลีกในปีถัดมา

สหภาพโซเวียตตั้งใจพัฒนากีฬาฮอกกี้น้ำแข็งของพวกเขาอย่างจริงจัง ด้วยการให้อำนาจ อนาโตลี ตาลาซอฟ (Anatoly Tarasov) สุดยอดโค้ชกำหนดแนวทางการเล่นของทีมอย่างเต็มที่ กุนซือรายนี้จึงเลือกคิดนอกกรอบด้วยการนำแทคติกที่ใช้ในกีฬาฟุตบอลและกีฬาบันดี้ (ฮอกกี้น้ำแข็งโบราณ) มาใช้ในการพัฒนาทีม

"ทุกอย่างที่พวกเขาทำคือการประยุกต์จากกีฬาบันดี้และฟุตบอล ทั้งการเปิดเกม การจ่ายบอล และวิธีการที่พวกเขาเล่นบนนํ้าแข็ง ทุกอย่างเริ่มต้นจากกีฬาบันดี้" เดฟ คิง โค้ชฮอกกี้ชาวแคนาดาให้ความเห็นต่อการพัฒนากีฬาฮอกกี้น้ำแข็งของชาวโซเวียต

ช่วงต้นทศวรรษ 1950s ทีมฮอกกี้ของสหภาพโซเวียตก็ก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ในระดับโลกด้วยการคว้าแชมป์โลก ในปี 1954 และ 1956 รวมถึงการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ในปี 1956 โดยเป็นการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกก่อนประเทศที่ถูกมองว่าเป็นราชาแห่งฮอกกี้นำแข็งอย่าง สหรัฐอเมริกา เสียด้วยซ้ำ (สหรัฐอเมริกาได้เหรียญทองฮอกกี้น้ำแข็งโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1960)

 

นับจากวันนั้นสหภาพโซเวียตจึงกลายเป็นทีมฮอกกี้น้ำแข็งเบอร์หนึ่งของโลก โดยพวกเขาคว้าแชมป์โลกและเหรียญทองโอลิมปิก ตลอดช่วงปี 1963 ถึง 1971 และเมื่อถึงวันที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ทีมฮอกกี้น้ำแข็งของสหภาพโซเวียตก็จารึกความสำเร็จไว้ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 7 ครั้ง และตำแหน่งแชมป์โลก 21 สมัย โดยในช่วงกลางยุค 1970s พวกเขาสามารถเอาชนะทีมชาติแคนาดา ซึ่งมีแต่ซูเปอร์สตาร์ของ NHL ได้สบาย ๆ

หากไม่ใช่เพราะความขัดแย้งทางการเมือง นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งชาวรัสเซียคงโลดแล่นใน NHL ตั้งแต่ 70 ปีที่แล้ว แต่ด้วยความแตกต่างของอุดมการณ์โลกเสรีและโลกคอมมิวนิสต์ นักกีฬารัสเซียจึงพบเจอกำแพงที่ไม่อาจข้ามได้ ส่งผลให้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาถูกลืมเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อไม่มีโอกาสได้ฝากฝีมือไว้ในเวที NHL

หันหลังให้ทีมชาติ เพื่อโอกาสใน NHL

ก่อนสงครามเย็นจะสิ้นสุดลง ภาพจำของนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งจากสหภาพโซเวียต คือ "ปีศาจ" คาแร็กเตอร์ของพวกเขาถูกถ่ายทอดและผลิตซ้ำภาพจำผ่านโลกภาพยนตร์ในฐานะนักกีฬาที่มีทีท่าเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึกและไร้หัวใจ 

และมันก็ส่งผลให้ความยอดเยี่ยมของนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งสหภาพโซเวียตถูกลืมเลือนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำเสนอของสื่อระดับโลก ซึ่งถูกครองอิทธิพลโดยสหรัฐอเมริกา ทำให้ยอดนักฮอกกี้น้ำแข็งของสหภาพโซเวียต อย่าง สลาวา เฟติซอฟ (Slava Fetisov) ไม่เคยเป็นที่รู้จักในโลกตะวันตก ทั้งที่เขามีความสามารถเพียงพอที่จะก้าวขึ้นไปเป็นตำนานตลอดกาลของ NHL ได้อย่างสบาย

 

แท้จริงแล้วความพยายามที่จะนำนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งจากสหภาพโซเวียตมาเล่นใน NHL เกิดขึ้นมาตลอดช่วงทศวรรษ 1970s แต่เนื่องจากนโยบายระหว่างประเทศที่ยังคงตึงเครียด ทีมฮอกกี้สหภาพโซเวียตจึงทำได้เพียงลงเล่นในเกมอุ่นเครื่อง โดยขุนพลสีแดงปรากฏตัวสู่สายตาอเมริกันชนครั้งแรกในเกมพรีซีซั่นของการแข่งขัน NHL ฤดูกาล 1975-76 ก่อนจะลงแข่งขันรายการแคนาดา คัพ เมื่อปี 1976

ในเวลานั้นนักกีฬาฮอกกี้ชาวรัสเซียหลายคนปรารถนาจะออกมาเล่นใน NHL เนื่องจากรายได้ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว โดยมีการเปิดเผยว่า นักกีฬาทีมชาติโซเวียตจะถือเป็นหนึ่งในข้าราชการของกองทัพบก ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนเพียงแค่ 250 ดอลลาร์สหรัฐ และจะได้โบนัสเมื่อคว้าเหรียญทองโอลิมปิกอีก 2,500 ดอลลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งชาวรัสเซียจะมีรายได้ต่อเดือนราว 3 หมื่นบาท และโบนัสที่ได้หลังคว้าแชมป์โลกอยู่ราว 3 แสนบาท

เงินตรงนี้เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พวกเขามีโอกาสได้รับใน NHL นี่จึงเป็นเหตุผลให้นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งชาวรัสเซียต่างผลักดันทุกทางเพื่อให้พวกเขาได้ข้ามมาเล่นในสหรัฐอเมริกา สลาวา เฟติซอฟ คือตัวอย่างที่ชัดเจน เขาถูกขัดขวางโดยรัฐบาลไม่ให้มาเล่นใน NHL หลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่เจ้าตัวยื่นเจตจำนงเข้าร่วมการดราฟต์ตัวไปตั้งแต่ฤดูกาล 1978 แต่หลายปีผ่านไป เฟติซอฟ ก็ยังคงถูกกักตัวไว้ในบ้านเกิดเช่นเคย

 

เฟติซอฟ และเพื่อนนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งอีกหลายคนพยายามจะยื่นเรื่องเพื่อจะขอลี้ภัยไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเรื่องนี้เกือบนำภัยมาถึงตัว โดยเขาได้เปิดเผยว่าเขาเคยถูกกระทรวงกลาโหมโซเวียตเรียกตัวไปพบแล้วสั่งให้เขาเลือกที่จะขอโทษกับการกระทำที่เป็นการทรยศบ้านเกิดหรือจะเลือกที่จะถูกส่งไปเป็นผู้ใช้แรงงานอยู่ที่ไซบีเรีย

สิ่งหนึ่งที่นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งสหภาพโซเวียตมีติดตัวเสมอคือเกียรติยศจากบทบาทวีรบุรุษที่ต่อสู้เพื่อชาติ รวมถึงได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษในสังคมเนื่องจากความสำเร็จที่สร้างไว้ให้แก่ประเทศ แต่ความรู้สึกภาคภูมิใจเช่นนี้ได้สูญสลายไปหมดสิ้นในช่วงทศวรรษ 1980s เนื่องจากนักกีฬาเหล่านี้ต่างต้องการเสรีภาพและโอกาสในการกอบโกยรายได้ตามกลไกตลาดเสรีนิยม

ผลงานของทีมฮอกกี้น้ำแข็งของสหภาพโซเวียตจึงดิ่งลงเหวในช่วงทศวรรษ 1980s เมื่อบวกกับเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตที่ล่มสลายในช่วงเวลาเดียวกันก็นำไปสู่การใช้นโยบายกลัสนอสต์ หรือนโยบายที่เรียกร้องให้เปิดเผยกิจกรรมและเพิ่มความโปร่งใสในรัฐบาลสหภาพโซเวียต

ส่งผลให้นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งสหภาพโซเวียตรุ่นเก๋า 8 คน นำโดย เฟติซอฟ ต่างพากันบอยคอตการเล่นให้ทีมชาติสหภาพโซเวียต จนได้ไฟเขียวจากรัฐบาลให้พวกเขาลงเล่นใน NHL ได้ตราบใดที่นักกีฬาเหล่านี้ยังลงเล่นในนามทีมชาติโซเวียตในรายการนานาชาติ

 

เฟติซอฟ ที่ถูกดราฟต์โดยทีมใน NHL มาแล้วถึงสองครั้ง จึงได้โอกาสลงเล่นในลีกอาชีพของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในปี 1989 กับทีม นิวเจอร์ซีย์ เดวิลส์ ด้วยวัย 31 ปี ส่วนนักกีฬาชาวโซเวียตคนแรกที่ถูกบันทึกว่าเล่นใน NHL (ไม่นับชาวโซเวียตที่ลี้ภัยออกนอกประเทศ) คือ เซอร์เกย์ เพียยาคิน (Sergei Pryakhin) ที่เล่นให้กับ คาลการี เฟลมส์ มาตั้งแต่ปลายฤดูกาล 1988-89 โดยมูลค่าสัญญาของเขาสูงถึง 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินเกือบ 10 ล้านบาท

แม้ผู้บุกเบิกอย่าง เฟติซอฟ และ เพียยาคิน จะไม่ประสบความสำเร็จใน NHL แต่ความจริงที่ประตูเพื่อคว้าตัวนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งจากรัสเซียได้ถูกเปิดออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 รัสเซียจึงกลายเป็นตลาดนักฮอกกี้น้ำแข็งที่ทีมจาก NHL ต่างพากันจับจ้องนับแต่นั้นเป็นต้นมา

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ปัจจุบัน NHL เต็มไปด้วยนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งชาวรัสเซียกว่า 40 คน นั่นเป็นเพราะพวกเขาถือเป็นระดับแถวหน้าของวงการมาตลอดช่วงเวลาหลายสิบปี แต่ถูกปิดกั้นโอกาสเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งอิทธิพลครอบคลุมถึงวงการกีฬา

เป็นความย้อนแย้งอย่างน่าประหลาด เมื่อการต่อสู้เพื่อสิทธิในการลงเล่นใน NHL ของนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งรัสเซียรุ่นพี่อาจจะไร้ความหมายอีกครั้ง หลังรัสเซียบุกโจมตีประเทศยูเครน และถึงแม้ NHL จะยังไม่ตัดสิทธิผู้เล่นชาวรัสเซีย แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน มีโอกาสไม่น้อยที่นักกีฬาชาวรัสเซียจะหายไปจากลีกแห่งนี้เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาตลอดก่อนปี 1989

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook