วิตาลี คลิทช์โก vs ชิโซรา : ไฟต์ครบรสทั้ง ตบหน้า, ถ่มน้ำลาย และสู้ตายบนสังเวียน
วิตาลี และ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก คือสองพี่น้องผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการมวยสากล พวกเขาถูกเทิดทูนและยกย่องมาก ๆ จากชาวยูเครน ... แต่นั่นไม่มีความหมายอะไรเลยเมื่อยืนต่อหน้ากับ เดเร็ค ชิโซรา นักชกชาวอังกฤษที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้พวกเขาอับอายขายหน้าประชาชน
ตบหน้าเขาและน้องชาย ถุยน้ำลายใส่หน้าบนเวที ด้วยการให้เหตุผลว่า "แม่ฝากมา" ... วีรกรรมสุดแสบของ ชิโซรา ถูก คลิทช์โก จัดการตอบอย่างไร ?
ติดตามได้ที่ Main Stand
ชายผู้เติบโตมาพร้อมกับเกียรติยศและความเชื่อ
วิตาลี คลิทช์โก และน้องชายของเขา วลาดิเมียร์ คือหนึ่งในโรลโมเดลของชาวโซเวียตยุคเก่าที่สะท้อนภาพความเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ได้อย่างชัดเจน พวกเขาได้รับการพร่ำสอนโดยพ่อที่เป็นนายทหารยศพลอากาศตรีแห่งกองทัพอากาศสหภาพโซเวียต ส่งเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ฝึกร่างกาย จิตใจ และทัศนคติให้แข็งแกร่ง
ในช่วงที่ วิตาลี อยู่ในโรงเรียน Brovary Olympic Reserve School ซึ่งเป็นโรงเรียนกินนอนภายใต้การดูแลของกองทัพ เขาถูกค้นพบพรสวรรค์ในการเป็นนักกีฬา ดังนั้นเขาจึงถูกจับโยกให้มาฝึกชกมวยอย่างจริงจัง ย้อนกลับยังช่วงเวลานั้นที่เป็นเหมือนช่วงเวลาสงครามเย็นของ 2 ประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต ดังนั้นกีฬาจึงเป็นเหมือนกับ "ตัวแทน" ความแข็งแกร่งของแต่ละประเทศ
ซึ่ง วิตาลี ก็ถูกสอนมาแบบนั้น เขาถูกบอกว่าต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อกองทัพอันเกรียงไกร ต้องเป็นนักกีฬาที่ไร้เทียมทานเพื่อสร้างความเป็นเลิศและสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับโซเวียต
ความอินและการถูกปลูกฝังมาแบบลัทธิชาตินิยมทำให้พี่น้อง คลิทช์โก แข็งแกร่งที่สุดในประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาสูงร่วมสองเมตร (วิตาลี 201 เซนติเมตร วลาดิเมียร์ 198 เซนติเมตร) กล้ามเนื้อแข็งแกร่งเข้ารูป มีแววจะกลายเป็นแชมป์โลกในอนาคต ซึ่งทางโซเวียตก็สนับสนุนเขาด้วยการส่งไปที่ยิมระดับแถวหน้าในอเมริกาเพื่อฝึกฝีมือเพิ่มเติม และที่นั่นเองทำให้จากนั้นไม่นานนัก วิตาลี คลิทช์โก ก็กลายเป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตจริง ๆ
สถิติตลอดการชกของ วิตาลี คลิทช์โก คือขึ้นชกทั้งหมด 47 ไฟต์ แพ้แค่ 2 ไฟต์เท่านั้น ส่วนไฟต์ที่ชนะนั้นเป็นการเอาชนะแบบน็อกเอาต์ได้ถึง 41 ครั้ง เขาได้รับความเคารพในฐานะยอดมวยเฮฟวี่เวตคนหนึ่งแห่งยุค จนกระทั่งช่วงบั้นปลายอาชีพที่ วิตาลี เริ่มหันไปเอาดีทางด้านการเป็นนักการเมืองและศึกษาต่อจนจบระดับด็อกเตอร์ ชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาก็ถูกลูบคมโดยนักชกที่เป็นขั้วตรงข้ามกับเขาแบบสุดขีด
ชายชาวอังกฤษที่มีความเชื่อว่ามวยคือกีฬาแห่งจิตวิทยาและการข่มขวัญ การสร้างความปั่นป่วนด้วยการกระทำและคำพูดคือการเปิดประตูสู่ชัยชนะ เขาเป็นนักชกที่พร้อมจะหยามเกียรติทุกคน คนคนนั้นคือ ... เดเร็ค ชิโซรา
เดี๋ยวรู้เลย...
เดเร็ค ชิโซรา ได้รับการบรรยายสรรพคุณโดยเว็บไซต์ Boxing247 ว่าเป็น "ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการสร้างความไม่สงบในการต่อสู้" ซึ่งตัวตนจริง ๆ ของเจ้าของฉายา "War" หรือ "จอมก่อสงคราม" ก็เป็นไปตามคำกล่าวนั้น แม้จะเป็นนักชกฝีมือดีแต่ ชิโซรา เองก็ถูกวิจารณ์เรื่องพฤติกรรมมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องฝีปากนั้นถ้าจะใช้คำแบบวัยรุุ่นก็คงต้องใช้คำว่า "ปากแซ่บ" ถึงใจถึงอารมณ์
โดยทั้งหมดนั้น ชิโซรา ยืนยันว่าเขาทำไปก็เพราะชอบให้บรรยากาศการชกบนเวทีสนุกเร้าใจ เข้มข้น มีเรื่องราว ไม่ใช่ต่อยกันแบบซังกะตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุด เหตุผลที่เป็นเช่นนี้คงต้องย้อนกลับไปในอดีตของเขาสักนิดหนึ่งเพื่อให้เข้าใจบริบทของนักชกปากแซ่บคนนี้
ชิโซรา ไม่ใช่เด็กอัจฉริยะ ไม่ได้ฝึกชกมวยมาตั้งแต่ยังเด็กเหมือนกับที่ คลิทช์โก เป็น เขาติดตามพ่อและแม่ที่เป็นชาวซิมบับเวเข้ามาอยู่ในอังกฤษตั้งแต่อายุ 4 ขวบ แม้จะเป็นนักกีฬาแต่ก็ไมได้รับการฝึกมวยจริงจังในสมัยเป็นนักเรียน จนกระทั่งเมื่อเป็นหนุ่มที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นจึงถูกจับมาฝึกมวยจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรกตอนอายุ 19 ปี ซึ่งหากเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน วิตาลี คลิทช์โก ตอนอายุ 19 ปีนั้นไปไกลถึงขั้นเป็นแชมป์ระดับยุโรปแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้จะเริ่มช้าแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ได้มีฝีมืออะไร ชิโซรา เองก็ขี้นชื่อในฐานะนักมวยที่ต่อยสนุก มีความฟิตสูง ชกไม่รู้จักเหนื่อย ยิงยาว ๆ ได้ถึง 12 ยก ถึงขั้นที่ เอ็ดดี้ เฮิร์น โปรโมเตอร์ชื่อดังยังเคยบอกว่าพละกำลังของ ชิโซรา นั้นอยู่เหนือกว่าระดับมนุษย์ทั่วไปเข้าขั้นปีศาจไปแล้ว
ชิโซรา พัฒนาตัวเองจนก้าวเป็นแชมป์รุ่นเฮฟวี่เวตของประเทศอังกฤษตอนที่เขาอายุ 26 ปี ก่อนจะโดนชิงไปด้วยน้ำมือของ ไทสัน ฟิวรี่ ที่กลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวตในเวลาต่อมา
ช่วงอาชีพของ ชิโซรา อยู่ในระดับขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวแพ้เดี๋ยวชนะ แต่ก็ยังเกาะติดอยู่อันดับท็อป 20 ของรุ่นเฮฟวี่เวตตลอด จนกระทั่งในปี 2012 เขาได้โอกาสดีมากในการถูกเลือกให้เป็นผู้ท้าชิงของ วิตาลี คลิทช์โก นักชกจากยูเครน (หลังโซเวียตล่มสลาย) ที่ถือเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวตของ WBC อยู่ในเวลานั้น
การชกถูกจัดแจงให้เป็นการ "ชิงแชมป์โลก" และนี่คือโอกาสสำคัญที่ ชิโซรา จะพลาดไม่ได้ เขาเริ่มทำให้บรรยากาศของไฟต์นี้น่าดูเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าด้วยการพยายามเล่นสงครามจิตวิทยาใส่ วิตาลี คลิทช์โก ซึ่งภายหลัง ชิโซรา บอกว่ามันเป็นทริกที่เขาเลียนแบบมาจาก ไมค์ ไทสัน ที่มักจะใช้ "แทรชทอล์ค" ในการเข้าไปอยู่ในหัวของคู่ต่อสู้
"วิตาลี แข็งแกร่งกว่า วลาดิเมียร์ น้องชายของเขามาก เขาชอบการต่อสู้ นั่นคือเหตุผลที่เราจะเห็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ผมรู้สาเหตุที่นักชกหลายคนไม่สามารถเอาชนะ วิตาลี ได้ นั่นก็เพราะพวกเขาพ่ายแพ้ก่อนที่ก้าวขึ้นสังเวียนแล้ว พวกเขาเริ่มสั่นด้วยความกลัวจนขาแข้งสั่นเดินไม่เป็นธรรมชาติ แต่บอกเลยสำหรับผมนี่มันเป็นเรื่องที่โคตรจะรอไม่ไหว มันคือความตื่นเต้นไม่ใช่ความกลัว" เขากล่าวกับสื่ออย่าง The Guardian ด้วยการพาดพิงไปถึงน้องชายของ วิตาลี ที่สนิทกันมาก
ดูเหมือนว่าเขากำลังจะชม วิตาลี ใช่ไหม ? จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะหลังจากชมได้สักพัก ชิโซรา ก็จบประโยคด้วยการบอกว่าทริกเก่า ๆ ของ วิตาลี กำลังจะตกยุคเมื่อมาเจอกับนักชกอย่างเขา สิ่งเดียวที่เขาจะฝากถึง คลิทช์โก ผู้พี่ก็คือ ... ของจริงจะเริ่มตั้งแต่ไฟต์นี้
"พวกนี้มันเก่งเรื่องจิตวิทยา พวกเขาจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษก่อนขึ้นชกแล้วไปเล่นงานคุณบนเวที เขามีแนวคิดแบบพวกนักธุรกิจ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่หลงเหลี่ยมพวกคลิทช์โก คอยดูเถอะผมจะเดินเข้าไปหวดมันตั้งแต่วินาทีแรก ผมจะเข้าไปอยู่ในหัวของเขาและทำให้เขาสลัดความคิดที่มีต่อผมไม่ออกเลยทีเดียว"
ชิโซรา ทำเกินกว่าที่คนอื่นคิดไว้เยอะเลยทีเดียว เพราะบังเอิญมันไม่ได้จบที่แค่คำพูดของเขาที่อยู่ต่อหน้าไมโครโฟนเท่านั้น เมื่อถึงช็อตที่ต้องถ่ายรูปโปรโมตในวันชั่งน้ำหนัก เขาง้างมือตบที่หน้าของ วิตาลี อย่างจัง ชนิดฝาก 5 นิ้วมือขวาเต็มแก้มของ คลิทช์โก ก่อนจะบอกกับ วิตาลี ว่า "แม่ฉันฝากมาตบหน้าแกว่ะ" ซึ่งเรื่องนี้มีที่มาคือ คลิทช์โก เคยพูดว่าตนเองไม่ยอมรับ LGBTQ+ ขณะที่ ชิโซรา กับแม่ของเขาสนับสนุนเรื่องนี้มาตลอด
วิตาลี นิ่งสงบแล้วตอบกลับว่า "จะพูดยังไงก็ช่าง แต่ฉันมันพวกหัวโบราณ ฉันนิยมจูบแต่ผู้หญิงอย่างเดียวว่ะน้องชาย" ชิโซรา จึงเดือดขึ้นคูณสอง นอกจากนี้เขายังโดนเพิ่มความเดือดอีกชุดจาก เดวิด เฮย์ นักชกชาวอังกฤษ ที่รับจ็อบเป็นผู้บรรยายสดให้กับสถานีโทรทัศน์ที่วิจารณ์เขาว่า ชิโซรา คงเป็นแค่ไม้ประดับที่ขึ้นมาให้ คลิทช์โก สอยร่วงแน่นอน พร้อมกับหัวเราะกับสิ่งที่ ชิโซรา ทำในงานแถลงข่าวนั้น
ชิโซรา เดินไปหา เฮย์ แล้วบอกว่าหลังจากที่เขาชนะ คลิทช์โก ได้ เฮย์ คือรายต่อไป ... แต่ ณ เวลานั้นเขานับวันรอที่จะได้ขึ้นไปซัด วิตาลี คลิทช์โก ให้ร่วงไม่ไหวแล้ว
ดูถูกจนนาทีสุดท้าย
18 กุมภาพันธ์ 2012 เป็นศึกป้องกันแชมป์โลกครั้งแรกของ คลิทช์โก ในปีนั้นเขาเดินหน้าขึ้นมารอผู้ท้าชิงอย่าง ชิโซรา อยู่บนเวที และ ชิโซรา เตรียมของแถมมาฝากจากบ้าน ทั้งคู่ขึ้นมาจ้องหน้ากันบนเวที ชิโซรา เริ่มใช้ความปากแซ่บพูดจากวนประสาท วิตาลี ที่กำลังจะชกกับเขา และยังฝากไปถึง วลาดิเมียร์ น้องชายของตระกูลคลิทช์โก ซึ่งเพิ่งเจอกับ ชิโซรา ไม่กี่นาทีก่อนขึ้นเวที เมื่อคลิทช์โกผู้น้องต้องไปสังเกตการณ์การพันผ้านวมของคู่ชกของพี่ชาย
การดูถูกของ ชิโซรา ทำให้ วลาดิเมียร์ ของขึ้นพอสมควร เขาเดินมาจ้องหน้ากับ ชิโซรา แทนพี่ชาย เมื่อมาอยู่จุดนี้ก็ตรงล็อกเป๊ะ ชิโซรา ถ่มน้ำลายใส่เต็มหน้า คลิทช์โก ผู้น้อง โชคดีที่ วลาดิเมียร์ ไม่ได้ตอบโต้ เขาแค่เช็ดน้ำลายของ ชิโซรา แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ชายของเขาลงมาจัดการชายผู้กำลังหยามเกียรติตระกูลคลิทช์โกมาตลอด 1 เดือนคนนี้
เมื่อการชกเริ่มขึ้น ชิโซรา ทำหน้าที่สมฉายาและสมกับที่เขาพูดเอาไว้ เขาไม่กลัว คลิทช์โก จริง ๆ อย่างที่เขาบอก แม้ช่วงชกและส่วนสูงรวมถึงน้ำหนักจะเป็นรอง แต่นักชกอันดับที่ 15 ของรุ่นเฮฟวี่เวตก็เดินหน้าใช้ความเร็วที่เป็นจุดเด่นของเขากระหน่ำใส่ คลิทช์โก แบบไม่ยั้ง ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาเคยบอกไว้ก่อนชกว่า "คลิทช์โกชอบเผลอปล่อยการ์ด นั่นคือจุดอ่อนของเขา" ซึ่งการปล่อยการ์ดก็ทำให้ ชิโซรา ได้ไปหลายแต้มในช่วง 2 ยกแรก
ยกที่ 3 วิตาลี โดน ชิโซรา ชกจนอาการบาดเจ็บกำเริบ ก่อนชกไม่นานนักไหล่ซ้ายของเขามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเส้นเอ็น และการโดน ชิโซรา กระหน่ำซ้ำจุดอ่อนทำให้ไหล่ซ้ายของ วิตาลี เจ็บหนักจนต้องเรียกแพทย์เข้ามาดูอาการระหว่างไฟต์ และสรุปว่าอาการของเขากำเริบ ตอนนี้แขนซ้ายของเขาจะมีปัญหาไปตลอดจนจบไฟต์ การ์ดที่ปกติก็ไม่ค่อยจะตั้งได้ดีอยู่แล้ว ลืมไปได้เลย เพราะเขาแทบจะต้องใช้แขนขวาข้างเดียวชกหลังจากนี้
อย่างไรก็ตามความห่างชั้นนั้นมีอยู่จริง แขนเดียวของ คลิทช์โก และอายุที่มากกว่าดูจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไรนัก เขาเริ่มตอบโต้ฝีปากของ ชิโซรา ด้วยพลังหมัด และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือหมัดขวาของ คลิทช์โก ก็เริ่มไล่ทุบ ชิโซรา จนได้เลือดเพราะมีแผลแตกที่หน้า
ยกแล้วยกเล่าผ่านไป คลิทช์โก เครื่องเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และแสดงถึงความห่างชั้น ชิโซรา ยิ่งชกยิ่งเสียเปรียบและเริ่มสู้ไม่ได้ ผู้บรรยายในสนามเริ่มบอกว่า "คืนนี้คลิทช์โกคือแชมป์ตัวจริง" ตั้งแต่ระฆังยังไม่ดัง นั่นแสดงให้เห็นว่า ชิโซรา แทบไม่มีโอกาสชนะเลยในไฟต์นี้
อย่างไรก็ตาม ชิโซรา ก็ยังแบกฝีปากตัวเองเอาไว้ด้วยพลังของร่างกาย ต่อให้โดนหนักขนาดไหนเขาก็ไม่ยอมล้มให้เสียนับ โดยเฉพาะในช่วงยกที่ 12 ซึ่งเป็นยกสุดท้าย ชิโซรา ทำผลงานได้ดีมากเพราะพยายามสู้กลับและได้ออกหมัดใส่ คลิทช์โก หลายที แม้จะไล่ไม่ทันจนต้องแพ้คะแนนแบบเอกฉันท์ (118-110, 118-110 และ 119-111) แต่ในไฟต์นั้นหลายคนก็ชมเรื่องความฟิต หัวใจ และคางของเขาที่แข็งจนน่าเหลือเชื่อ แม้กระทั่ง คลิทช์โก เองก็ยอมรับว่าเขาเองก็หงุดหงิดที่ ชิโซรา ไม่ยอมโดนน็อกเสียที
"ผมมีความสุขกับการป้องกันตำแหน่งแชมป์นะ แต่ต้องยอมรับไฟต์นี้มันไม่ง่ายเลย ชิโซราทำผมอารมณ์เสียหนักมาก ผมอยากจะจบไฟต์ให้ได้ก่อนหมดยก เขาพยายามจะชกผมที่ลำตัวหลายที แต่บอกเลยนะว่าผมไม่ได้เจ็บอะไรหรอก หน้าท้องผมแกร่งกว่าเขาเยอะ ... ที่สุดแล้วก็ต้องขอยอมรับเขาในฐานะนักชกที่ดีคนหนึ่ง แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งผมคงต้องขอสายหัว หมอนี่มาจาก เกรตบริเตน แต่ทำตัวไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด" คลิทช์โก กล่าวหลังชก
ขณะที่ ชิโซรา ที่ยืนฟังจนจบและโดนคนดูโห่จากพฤติกรรมก่อนชกของเขาก็ได้คิวพูดบ้าง เขาบอกว่าอยากจะโห่ก็โห่ไป เกมนี้เขาแพ้ก็แค่ประสบการณ์เท่านั้น หากมีการรีแมตช์รับรอง คลิทช์โก เสร็จแน่นอน ... เรียกได้ว่าไม่เคยทิ้งลายอย่างแท้จริง
"พวกเขาสามารถจะโห่และเกลียดผมได้ แต่ก็ช่างมันดิ ผมไม่สนใจหรอก ผมไม่อยากจะแก้ตัวนะแต่ไฟต์นี้ผมแพ้เรื่องประสบการณ์เท่านั้นเอง เขาไม่ได้ทำผมเจ็บเท่าไหร่หรอก ฝากบอกไปถึง แฟรงก์ วอร์เรน (โปรโมเตอร์) ด้วยว่าผมอยากจะรีแมตช์กับพี่น้องคลิทช์โกคนไหนก็ได้ วลาดิเมียร์ ก็ดี วิตาลี ก็ไม่มีปัญหา จัดให้ผมทีเถอะ" ชิโซรา กล่าวไว้เช่นนั้น
กฎของการเป็นนักกีฬาระดับโลกคือไม่ว่าคุณจะวางคาแร็กเตอร์ไว้แบบไหน จะเป็นวีรบุรุษ สุภาพบุรุษ ตัวตลก เกรียน หรือเป็นพวกที่ชอบหาโจทย์ สิ่งสำคัญคือคุณต้องเก่งและชนะมากพอที่จะทำให้คาแร็กเตอร์นั้นเป็นตัวขับให้มีคนอยากดูคุณ เมื่อนั้นคุณขออะไรไปพวกเขาก็มักจะจัดให้ได้เสมอ
ขณะที่ ชิโซรา นั้นแตกต่างจากการอยู่ในระดับแถวหน้าของโลกไปหน่อย เพราะถึงแม้คาแร็กเตอร์ไอ้ตัวแสบของเขาจะยังพอขายได้ แต่เขาก็แพ้มากเกินไป (สถิติถึงไฟต์ล่าสุดเมื่อปลายปี 2021 ชก 44 ไฟต์ แพ้ไปถึง 12 ไฟต์) ไม่มีใครชอบดูนักชกที่ไม่มีแชมป์ ไม่มีชัยชนะการันตี นั่นจึงทำให้หลังจากไฟต์กับ วิตาลี คลิทช์โก ชิโซร่า จึงไม่ค่อยมีไฟต์ใหญ่ ๆ ให้พูดถึงมากมายนัก
ทุกวันนี้พี่น้อง คลิทช์โก วางมือไปทำงานเป็นนักการเมืองและนักธุรกิจ แน่นอนว่ารวมถึงการเป็นทหารอาสาปกป้องยูเครนบ้านเกิดในยามที่รัสเซียรุกรานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ ชิโซรา ยังคงชกต่อไป โดยให้เหตุผลเดียวว่าเขายังสนุกกับบทบาทนักชกตัวแสบที่หลายคนมอบให้ และเต็มใจที่จะทำหน้าที่เสมือนมวยด่านที่หากไม่เจ๋งจริงก็ผ่านเขายาก เปรียบเหมือนตัวร้ายในหนังเรื่อง ROCKY ที่ช่วยให้หนังสนุกขึ้นจนเป็นตำนานหนังเกี่ยวกับมวยที่ถูกพูดถึงจนทุกวันนี้
"มุมมองของผมมันก็เป็นแบบนี้แหละ ผมอยากทำให้เหมือนกับมันเป็นสคริปต์ในหนังเรื่องร็อคกี้ ผมคิดว่าเพลงธีมของหนังเรื่องนี้ดังขึ้นทุกวันในชีวิตนักชกของผม ผมแพ้น่ะใช่ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผมต่อไป"
แม้ไม่มีแชมป์ แต่ก็ยังมีเรื่องราวให้จดจำ ชิโซรา สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จแล้ว