การเผชิญหน้าของอัจฉริยะ และ ปราชญ์ลูกหนัง

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย

แมนฯ ยูไนเต็ด -  อาร์เซนอล

สนาม: โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เวลา : 03.00 น.
ถ่ายทอดสด  : ช่อง 7

หากเป็นในภาวะปกติวิสัย โอกาสที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้พบกับ อาร์เซนอล ในเกมเอฟเอ คัพ นั้นจะถูกจับตามองในฐานะแมตช์ที่ไม่สมควรพลาดอย่างสิ้นเชิง ด้วยความเป็นปฏิปักษ์ที่มีมาอย่างยาวนาน

โดยเฉพาะในวันฟ้าสีทองของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ อาร์แซน เวนเกอร์ สองกุนซือระดับปราชญ์ลูกหนัง

ทั้งสองทีมเคยขับเคี่ยวกันมาเป็นระยะเวลาร่วม 10 ปี ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป

เมื่อ อาร์เซนอล ปรับแนวทางการทำทีมใหม่ในการเน้นปั้นดาวรุ่งขึ้นมาซึ่งยังไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมเลยสักครั้ง ความเป็นคู่แข่งที่มีสืบกันมาจึงลดน้อยลงไป

แต่มาถึงวันนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เองก็อยู่ในภาวะเสื่อมถอยไม่แตกต่าง แม้จะได้คนมีประสบการณ์อย่าง หลุยส์ ฟาน ฮัล เข้ามาทำทีมก็ไม่ได้ทำให้อะไรนั้นดีขึ้นเลย

ผลงานในตารางพรีเมียร์ลีก และการเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ นั้นไม่ถือว่าขี้เหร่เท่าไหร่ เพียงแต่เมื่อเทียบกับผลงานในสนามที่ลุ่มๆ ดอนๆจนน่าพิศวงว่าเอาตัวรอดมาได้เช่นไรในหลายต่อหลายนัด

และเมื่อคิดถึงเหล่าซูเปอร์สตาร์มูลค่ามหาศาลที่นำมาร่วมทีมแล้ว ปิศาจแดงในยามนี้นั้นน่าผิดหวังอย่างรุนแรง

ส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้นั้นเกิดจากการที่ ฟาน ฮัล พยายามจะสร้างทีมในรูปแบบของตัวเอง ซึ่งตลอดระยะเวลาเกินครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมานั้นค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าผิด และไม่ต่างอะไรจากการพาตัวเองเข้าสู่เขาวงกตอันคดเคี้ยวเลี้ยวลด

อย่าว่าแต่การหา “ทางออก” เลย

เวลานี้นักเตะยูไนเต็ดเอง ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นเดินหลงทางมาถึงไหน?

หนึ่งในสตาร์ที่มีโชคชะตาที่น่าเศร้ามากที่สุดและกำลังถูกเปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งความล้มเหลวในยุคของ ฟาน ฮัล คือ อังเคล ดิ มาเรีย ที่กลายเป็นเทวดาตกสวรรค์

ความมั่นใจที่เคยมีนั้นสูญไปจนสิ้น และไม่เหลือเค้ารางของหนึ่งในปีกหรือตัวทำเกมที่บนโลกนี้อาจเป็นรองเพียงแค่ ลิโอเนล เมสซี่ เพียงคนเดียวเท่านั้น

แม้ แกรี่ เนวิลล์ อดีตตำนานแห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้วิเคราะห์เกมทาง Sky Sports จะไม่แตะต้องฟาน ฮัล โดยเลือกจะปกป้อง ดิ มาเรีย ว่าผลงานในเวลานี้เกิดจากเหตุผลหลายอย่าง

 เช่น ความรู้สึก “อกหัก” ที่ต้องจาก เรอัล มาดริด, การย้ายมาอยู่ในประเทศใหม่ที่ไม่เคยคุ้น

และเหตุการณ์สำคัญที่เนวิลล์ เชื่อว่ามีส่วนมากคือการที่มีโจรขึ้นบ้านเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่น่าจะกระทบกระเทือนใจมากพอสมควร

แต่ในความเห็นส่วนตัว ความล้มเหลวของ ดิ มาเรีย เกิดจากฝีมือของ ฟาน ฮัล ที่เป็นผู้เด็ดปีกเทวดาออกแล้วโยนลงในหุบเหวลึกด้วยตัวเอง

ฟาน ฮัล ปรับตำแหน่งและวิธีการเล่นของดิ มาเรีย มากมายจนเริ่มหลงทางและสูญเสียตัวตน ทั้งยัง “ขยี้” ซ้ำในระยะหลังด้วยการเปลี่ยนตัวออกจากสนามในช่วงเวลาที่สะท้อนให้เห็นว่าความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันนั้นแทบไม่เหลือ

อย่างไรก็ดี ดิ มาเรีย ไม่ใช่คนเดียวที่ตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ ยังมี เวย์น รูนี่ย์ ที่เคยถูกใช้อย่างเสียของในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง,  ฆวน มาต้า ที่ชะตากรรมรันทดยิ่งกว่าครั้งอยู่เชลซี และ ราดาเมล ฟัลเกา ที่ไม่เหลือลายดาวยิง “หมายเลข 9” ที่เก่งที่สุดในโลก

กระนั้นในผลงานของยูไนเต็ด ยังถือว่าเอาตัวรอดได้ดี และ ฟาน ฮัล ยังมีโอกาสจะตีตราประทับซ้ำในเกมนี้กับอาร์เซนอล ซึ่งเป็นโทรฟี่ที่มีโอกาสลุ้นใบสุดท้ายสำหรับทั้งสองทีม

โดยหาก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะในเกมนี้ จะเป็นเกมที่กุนซือชาวดัตช์สามารถกอบกู้ชื่อเสียงที่เสียหายไปกลับมา

และยูไนเต็ด จะถูกจดจำในฐานะทีมที่ให้เล่นไม่สวย แต่ก็ชนะและมีโอกาสถึงแชมป์ได้

ในขณะที่แชมป์เก่าอาร์เซนอล ถ้าไม่นับเกมพ่ายโมนาโกแบบสุดช็อก พวกเขากลับมาอยู่บนเส้นทางของการควานหาความสำเร็จ นักเตะสตาร์หลายคนเริ่มกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ควรจะเป็นเช่น เมซุต โอซิล (อีกหนึ่งคนที่เรอัล มาดริด เขี่ยทิ้ง) และโอลิวิเยร์ ชิรูด์

แน่นอนว่าเวนเกอร์ ย่อมอยากให้ทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ให้ได้อีกสมัย หลังจากที่ปลดล็อกคว้าแชมป์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ในฤดูกาลที่แล้ว เพื่อสร้างนิสัยในการกระหายความสำเร็จอีกครั้ง

แต่ปราชญ์ชาวเมืองน้ำหอมย่อมรู้ดีว่าโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ใช่สนามเด็กเล่นสำหรับกันเนอร์ส

หากปรารถนาชัยชนะกลับไป พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการเล่นให้ดีที่สุดเพื่อพิชิตคู่ปรับเก่าทีมนี้ให้ได้

ความประมาท โดยเฉพาะต่ออัจฉริยะที่ชื่นชอบการเผชิญหน้ากับเกมยากๆ ที่ต้องคิดหาทางออกให้ได้อย่างฟาน ฮัล นั้นไม่ต่างอะไรจากการเดินเข้าป่าโดยไม่มีฟืนไฟติดมือไปด้วย และบทสรุปสุดท้ายก็คงเหมือนเกมที่พวกเขาพ่ายที่เอมิเรตส์ เมื่อปลายปีที่แล้ว

โดยที่สถานการณ์ยามนั้นกับยามนี้นั้นใกล้เคียงกันด้วย

by ลูกแม่กิ่ง
(lookmaeking@hotmail.com)