หนักได้เท่าไหร่?... ใส่มา : เบื้องหลัง ริชาร์ลิซอน เดอะแบกจอมซาดิสม์ของ เอฟเวอร์ตัน
ริชาร์ลิซอน คือนักเตะที่ถูกพูดถึงในแง่ตัวแสบที่แฟนบอลทีมอื่น ๆ เกลียดมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021-22 เนื่องจากวิธีการเล่นที่ยั่วยวนกวนประสาท และคำพูดคำจาที่ไม่เคยไว้หน้าพร้อมประกาศสงครามกับทุกคนทุกดีกรี
ทำไมนักเตะคนหนึ่งจึงแข็งกร้าวและทนแรงเสียดทานต่อการโดนรุมโห่ได้ขนาดนี้ ทำไมการปากดีและโดนซ้ำในวันที่เป็นผู้แพ้จึงไม่ทำให้เขาเข็ดและยืนยันจะทำหน้าที่ "ไอ้ตัวแสบ" ต่อไป
นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังของ ริชาร์ลิซอน ที่จะบอกให้คุณรู้ว่าถ้าคุณเกลียดเขา ... ด่าเข้ามาได้เลย เขาชอบที่มันเป็นแบบนี้ที่สุดแล้ว
ติดตามพร้อมกันได้ที่ Main Stand
ยิ่งด่า ยิ่งทะเยอทะยาน
ย้อนกลับไปที่ปี 2017 ชื่อของ ริชาร์ลิซอน นั้นถือว่าเป็นชื่อที่ใหม่มากสำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหรือกับแฟนบอลที่ไม่ได้ติดตามฟุตบอลบราซิลมาก่อน เพราะ ณ เวลานั้น ริชาร์ลิซอน ไม่ได้อยู่ในสถานะดาวรุ่งตัวท็อปเหมือนที่ โรบินโญ่, เนย์มาร์ หรือ วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นในช่วงที่เขาเล่นในลีกบราซิล
โดยปกติแล้วนักเตะบราซิลจะต้องได้รับฉายาว่า "นิว โรนัลโด้" หรือนิวอื่น ๆ มากมาย แต่ ริชาร์ลิซอน นั้นไม่ได้มีฉายาอะไรแบบนั้นเลยตอนที่เขาเล่นให้ ฟลูมิเนนเซ่ เหตุผลง่าย ๆ คือกว่าที่เขาจะได้ฝึกเล่นฟุตบอลจริง ๆ จัง ๆ อายุก็ปาไปแล้ว 16 ปีซึ่งถือว่าช้ามากหากเทียบกับดาวรุ่งพรสวรรค์สูงคนอื่น ๆ ในบราซิล
ดังนั้นลักษณะการเล่นของ ริชาร์ลิซอน จึงออกแนวสมบุกสมบันมากกว่าสไตล์แซมบ้าที่เอวอ่อน พริ้วไหว สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ ริชาร์ลิซอน เป็นตัวรุกประเภทที่มีความแข็งแรง มีความห้าวหาญในการท้าชนกับฝั่งตรงข้าม เรียกภาษาบ้าน ๆ ก็คือเป็นประเภทเล่นไม่กลัวตีนมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำเป็นแบบนั้นเพราะพื้นฐานของ ริชาร์ลิซอน เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าใครอยู่แล้ว ... และเรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่เขายัง 7 ขวบเลยทีเดียว
ริชาร์ลิซอน เกิดในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทาง เขาต้องติดสอยห้อยตามพ่อที่มีอาชีพเป็นคนงานรับจ้างตามเมืองต่าง ๆ พออายุได้ 11 ปีก็เริ่มจะมีเรี่ยวมีแรง ริชาร์ลิซอน จึงช่วยพ่อหาเงินเข้ามาด้วยการทำงานรับจ้างทั่วประเทศ
เขาเล่าว่าตั้งแต่อายุ 11-16 ปีเขาทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 อาชีพ ทั้งเด็กรับรถ, คนงานในฟาร์มเมล็ดกาแฟ, ทำงานในร้านล้างรถ, เดินขายลูกอมตามสนามฟุตบอล, ตระเวนขายไอศกรีมด้วยรถตู้ไปยังเมืองต่าง ๆ, รับจ้างทาสี, กรรมกรก่อสร้าง และอีกหลาย ๆ งานที่ใช้แรงมากกว่าอายุ
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะต้องผ่านประสบการณ์ทำงานหนักแต่เด็ก ทว่าความฝันของ ริชาร์ลิซอน ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขาอยากจะเป็นนักฟุตบอลด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวคืออยากจะพาพ่อหนีจากความจนและกลายเป็นคนที่มีเงินเยอะ ๆ คนรอบข้างจะได้ให้เกียรติเขากับพ่อ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเจอประสบการณ์ฝังใจมาก่อน
"ตอนเด็ก ๆ ผมอยู่ในหมู่บ้านคนงานที่เป็นเหมือนสลัมกับพ่อ วันหนึ่งผมพาเพื่อน ๆ ไปเล่นที่บ่อน้ำของคนที่มีอันจะกิน ที่นี่มีกฎอยู่ว่าเราสามารถลงไปเล่นน้ำได้ แต่ถ้าจะตกปลาสามารถตกได้แค่บ่อที่ 1 กับบ่อที่ 2 เท่านั้น ... บ่อที่ 3 คือที่ต้องห้ามเด็ดขาด" ริชาร์ลิซอน เริ่มเล่า
"ดังนั้นเราจึงใช้เวลาทั้งวันตกปลาในสระน้ำทั้งสองแห่ง และเราไม่ได้อะไรเลย ... พูดจริง ๆ ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกนะเพราะก็ตกเอาสนุกกันเท่านั้น แต่พอขากลับเราเดินผ่านบ่อที่ 3 ที่เป็นบ่อต้องห้าม ... อะไรบางอย่างดลใจให้ผมลองเกี่ยวเหยื่อและโยนเบ็ดลงไปในบ่อนั้น จากนั้นไม่เกิน 2 วินาทีเราก็ได้ปลาตัวแรก"
"เราได้ปลามากมาย แต่จากนั้นเจ้าของบ้านก็รู้เรื่องนี้ เขาไปหาพ่อของผมและด่าทอใส่พ่อผมต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน เขาขู่พ่อผมว่าจะไล่พ่อกับผมออกไปจากสลัมแห่งนี้เมื่อไหร่ก็ได้ถ้าเขาอยากจะทำ เขาบอกให้พ่อผมสั่งสอนลูกชายให้ดี ... ผมคือคนที่รู้จักพ่อดี นี่คือสิ่งสุดท้ายที่พ่อต้องการบนโลกนี้ พ่อไม่ชอบขายหน้าแต่เขาได้รับมันในวันนั้น ผมโดนพ่อด่าตามระเบียบและลุงผมก็มาปลอบใจผม วินาทีนั้นคือครั้งแรกที่ผมสัญญากับตัวเองว่าผมจะต้องได้สัญญานักเตะอาชีพกับ อเมริกา มิไนโร่ (สโมสรประจำเมือง) และผมจะพาพ่อออกไปจากสลัมแห่งนี้เอง" ริชาร์ลิซอน กล่าวกับ The Players' Tribune
แค่เรื่องการตกปลาในวัยเด็กคุณก็สามารถเห็นถึงปูมหลังของชีวิตที่อยากโบยบินไปสู่สิ่งที่ดีกว่าของ ริชาร์ลิซอน ได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนจากวัยเด็กของเขาคือเขาและพ่ออยู่ในสถานะ "คนพร้อมโดน" มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ความผิดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ครอบครัวของเขาพร้อมโดนด่าทอ และมันสอนให้เขารู้ว่าการทำงานหนักเพื่อให้ไปถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จเท่านั้นจึงจะหยุดฝีปากของคนรอบข้างที่โจมตีพวกเขาด้วยคำพูดได้ดีที่สุด
การตั้งปณิธานเป็นนักเตะอาชีพของเขาเริ่มต้นหลังจากนั้น และ ริชาร์ลิซอน ไม่เคยถอยกลับ ไม่ลังเลที่ใช้ทางลัดเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
รับทุกแรงปะทะทั้งในและนอกสนาม
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น แม้อุดมการณ์จะแรงกล้าแต่ ริชาร์ลิซอน กว่าจะได้เข้าสู่ระบบอคาเดมีฝึกฟุตบอลตามมาตรฐานก็ปาเข้าไปอายุ 16 ปี ณ ตอนนั้นมีเรื่องเล่าว่า ริชาร์ลิซอน ที่ตั้งโจทย์ว่า "ทำทุกทางเพื่อให้ได้สัญญา" หนึ่งในนั้นคือการลงเล่นแบบแบกอายุด้วยการลงสนามดวลกับเหล่านักเตะที่อายุมากกว่าตัวเองถึง 4 ปี เพื่อให้เหล่าแมวมองได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของเขา
ตอนนั้น ริชาร์ลิซอน เล่นให้กับทีม เรอัล โนโรเอสเต รุ่นยู-20 นักข่าวของ BBC บราซิล เขียนลงในบทความว่า "ความแข็งแกร่งของริชาร์ลิซอนคือสิ่งที่เหลือเชื่อ แม้แต่คนที่อายุมากกว่า 3-4 ปีก็เอาเขาไม่ลง" จนทำให้มีนักธุรกิจด้านแมวมองที่ชื่อว่า เรนาโต้ เวลาสโก เห็นฟอร์ม และเข้ามาซื้อสัญญาของริชาร์ลิซอน ก่อนจะส่งมอบให้กับ อเมริกา มิไนโร่ ที่อยู่ในลีก 2 ของประเทศ
"เรนาโต้เป็นคนแรกที่ให้โอกาสผมเลย เขาซื้อรองเท้าสตั๊ดคู่แรกให้กับผม และบอกกับผมอย่างตรงไปตรงมาว่านี่ไม่ใช่เรื่องเสน่หา ที่เขาซื้อสตั๊ดให้ผมก็เพราะเห็นว่าผมมีศักยภาพที่จะไปต่อได้ จากนั้นผมก็ได้ไปอยู่กับมิไนโร่ และได้เล่นในทีมยู-17" ริชาร์ลิซอน เล่า
ความแข็งแรงและหัวจิตหัวใจที่ไม่กลัวใครคือจุดเด่น ริชาร์ลิซอนเล่นนัดแรกกับทีมยู-17 ด้วยการยิงไป 4 ประตู จากนั้นเขาก็ถูกเลื่อนชั้นไปเล่นชุดยู-20 โค้ชที่ดูแลทีมในตอนนั้นอย่าง อัลเมดา อาเราโฮ ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า เขาประทับใจกับความแข็งแรงที่โดดเด่นกว่าเด็กคนอื่น ๆ
"ผมจับเขาไปเล่นปีกในช่วงแรก ภาพจำของผมคือเขาโดนไล่เตะกระจายจนแทบไม่ได้ครองบอลเลย กองหลังชนเขาแล้วเขาก็ล้ม คุณคิดว่าเขาต้องลงไปนอนกุมเข่าเล่นต่อไม่ไหวแน่ แต่เขาลุกขึ้นมาและตั้งหน้าตั้งตาเล่นต่อ เขาไม่เคยยอมแพ้" อาเราโฮ กล่าว ก่อนจะบอกว่าแม้สกิลและพรสวรรค์ของริชาร์ลิซอนจะไม่มากเท่า โรนัลโด้ R9 แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเขาไม่กลัวที่จะโดนเตะ นี่คือคุณสมบัติสำคัญมากของนักเตะหนุ่มอย่างเขา
ริชาร์ลิซอน ขยับขึ้นชุดใหญ่ของทีมหลังจากนั้นไม่นานนัก 1 ปีในทีมชุดใหญ่ก็มากพอที่เขาจะเปล่งประกาย เขาถูก ฟลูมิเนนเซ่ ทีมดังของลีกบราซิลซื้อตัวไปร่วมทีม ก่อนที่ มาร์โก ซิลวา กุนซือของ วัตฟอร์ด จะโทรหาเขาเพื่อติดต่อให้เขามาร่วมทีมในปี 2017 ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์
"ผมเคยดูถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก ผมคิดว่ามันเหมาะกับผมนะ ผมหลงรักสไตล์ของพรีเมียร์ลีก ความเร็วของเกมไม่เคยหยุดนิ่ง ผมบอกตัวเองมาตั้งแต่อายุ 20 ปีว่าผมจะต้องมาเล่นที่พรีเมียร์ลีกในสักวันหนึ่ง" ริชาร์ลิซอน ย้อนความก่อนฝันจะเป็นจริง
ตอนที่เขาเล่นที่วัตฟอร์ด แค่ปีแรกทุกคนก็พูดถึงเขา นักเตะบราซิลอายุน้อยที่เล่นได้ทั้งศูนย์หน้าและตัวริมเส้น มีอารมณ์ร่วมกับเกม และมีสายเลือดผู้ชนะที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมเหนือกว่า ยิ่งกว่าเรื่องในสนามคือเรื่องของนอกสนามที่ริชาร์ลิซอนเล่าว่าเขาพยายามปรับตัวทุกวัน เพื่อไม่ให้ตนเองเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเหมือนกับนักเตะบราซิลหลายคนที่ไปไม่รอดในพรีเมียร์ลีก
"ภาษานั้นสำคัญมาก ผมพูดอังกฤษไม่ได้ อากาศก็แปลกไปไม่คุ้นเคย แรก ๆ ก็ร้อนมีแดดเหมือนกับที่บราซิล แต่พอถึงเดือนพฤศจิกายนก็หนาวจนเอาเท้าแตะพื้นแทบไม่ได้ อาหารยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมแทบไม่กินอาหารเช้าเลย 2 สัปดาห์แรกที่อังกฤษน้ำหนักผมลดไปสัก 5 กิโลกรัม" เจ้าตัวกล่าว
การพยายามปรับตัวเกิดขึ้นจากรุ่นพี่ร่วมชาติในทีมวัตฟอร์ดอย่าง เอเรลโญ่ โกเมส ... โกเมสบอกให้ ริชาร์ลิซอน ใช้ภาษาอังกฤษทุกวันกับทุกคน ใช้งานล่ามให้น้อยที่สุด และมันจะทำให้เขาปรับตัวได้เร็วขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องของอาหารที่ตอนแรกกินอะไรไม่ได้จนต้องกินแต่แมคโดนัลด์ ริชาร์ลิซอนก็เริ่มปรับตัวกินของที่มีประโยชน์ตามโปรแกรมที่นักโภชนาการของสโมสรจัดให้ได้
ซึ่งจากนั้นก็อย่างที่เรารู้กัน ริชาร์ลิซอน กลายเป็นแข้งเบอร์ 1 ของสโมสรวัตฟอร์ด ก่อนที่เขาได้กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของ เอฟเวอร์ตัน ด้วยราคา 35 ล้านปอนด์ จากการย้ายทีมในปี 2018
อยู่ที่ไหน ทุ่มสุดใจให้ที่นั่น
ด้วยค่าตัวขนาดนั้นที่เอฟเวอร์ตันยอมทุ่มซื้อเขามา ริชาร์ลิซอน ไม่ใช่ดาวรุ่งที่ต้องให้คนอื่นแบกอีกแล้ว เขาต้องก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีม เป็นนักเตะที่ชี้ขาดผลการแข่งขันได้ เขารู้ว่านี่คือก้าวสำคัญ เอฟเวอร์ตันคือทีมที่ใหญ่กว่า และที่นี่เขาจะเป็นนักเตะที่ดีกว่าเก่า
เรื่องของฝีเท้าเราคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เพราะหากใครติดตามเอฟเวอร์ตันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ริชาร์ลิซอน แทบจะแบกเกมรุกทีมไว้บนบ่าเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาที่ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ได้รับบาดเจ็บบ่อย ๆ เขาก็ต้องขยับมาเป็นตัวความหวังแทน จนหลาย ๆ เกมทีมได้แต้มสำคัญจากประตูของเขา
ความลับของ ริชาร์ลิซอน คือเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์ โค้ชแต่ละคนสำคัญกับเขามากที่เอฟเวอร์ตัน ... มาร์โก ซิลวา ทำให้เขาปรับตัวกับทีมได้ดีมากขึ้น แต่เมื่อเปลี่ยนยุคเขามีโอกาสได้เรียนรู้จากยอดกุนซือระดับโลกอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ และริชาร์ลิซอนก็ยกระดับขึ้นมาอีกขั้น กลายเป็นกองหน้าที่จบสกอร์ได้ทุกจังหวะ หากใครได้ชมเกมบ่อย ๆ คุณจะเห็นได้ว่าเอฟเวอร์ตันมักจะเล่นบอลไดเร็กต์มาที่ริชาร์ลิซอน และจากนั้นคือหน้าที่ของเขาที่ต้องจัดการ เลี้ยงกินตัว เรียกฟาวล์ เก็บบอลเอาไว้กับตัว หรือทำประตูด้วยตัวเอง ... ริชาร์ลิซอนทำได้หมด แม้อาจจะพูดได้ว่ามันอาจจะยังไม่ดีเท่ากับคุณภาพนักเตะระดับโลก แต่ถ้าวัดกันในพรีเมียร์ลีกเขาก็ไม่แพ้กองหน้าคนไหนเหมือนกัน
"อันเชล็อตติคือคนที่ผมรู้สึกขอบคุณมาก ผมตั้งใจเรียนรู้และทำงานกับเขาในทุก ๆ วัน เขาให้คำแนะนำมากมายกับผมทั้งในและนอกสนาม ทุกคำแนะนำมีคุณค่ามาก ผมแทบจะเอาคำแนะนำของอันเชล็อตติมาใช้ได้ตลอดทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่ได้เห็นการทำงานของคนที่ฉลาดและมีแนวคิดที่ชัดเจนอย่างที่สุด" ริชาร์ลิซอน กล่าว
ริชาร์ลิซอน กลายเป็นนักเตะที่ดีขึ้นตามที่ผลงานในสนามเป็นตัวบ่งบอก แต่เหนือสิ่งอื่นใดเงาสะท้อนในวัยเด็กของเด็กชายริชาร์ลิซอนยอดนักสู้ยังคงแสดงออกมาให้เห็นเหมือนเดิม การได้เรียนรู้ สัมผัสความเจ็บปวด และอยู่ในจุดต่ำสุดของสังคมทำให้ความฝันของเขาชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง ช่วงเวลากับเอฟเวอร์ตันนอกจากเรื่องฝีเท้าที่หลายคนพูดถึงแล้วยังมีเรื่องของการเป็นนักเตะ "ตัวแสบ" ที่เรียกแขกเรียกทัวร์ลงประจำ
ริชาร์ลิซอน มักเป็นประเด็นบนพาดหัวข่าวตลอด การให้สัมภาษณ์ของเขามักจะพาดพิงถึงนักเตะคนอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่นการที่เขาบอกว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค เป็นแค่กองหลังธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงแล้วเราไม่รู้เลยว่าเขาคิดแบบนั้นจริงหรือไม่ หรือทั้งหมดอาจจะเป็นเพียงวาทกรรมของเขาที่ต้องการเล่นเกมจิตวิทยาที่จะทำให้อุณหภูมิความเดือดในสนามทั้งกับนักเตะคู่แข่งและแฟนบอลฝั่งตรงข้ามพุ่งสูงขึ้น เพราะความกดดันและเกมที่มีอารมณ์ร่วมแบบนี้คือสิ่งที่เขาชื่นชอบมาแต่ไหนแต่ไร
การแสดงออกบนหน้าสื่อทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่สื่อเรียกว่า "Sh*thouse" ที่มีความหมายในทางลบเชิง ๆ ว่า "ตัวแสบจอมเรียกแขก" แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาเป็นนักเตะอาชีพ ผลงานของเขาในสนามสะท้อนให้เห็นถึงความยอดเยี่ยม และต่อให้แฟนทีมอื่นจะเกลียดเขาแค่ไหนแฟนบอลของเอฟเวอร์ตันยังคงยกย่องให้เขาเป็น "ดาวร้ายในใจคุณ" อย่างแท้จริง
"แปรงฟันเสียหน่อยนะพี่ก่อนที่จะพูดถึงผมและเอฟเวอร์ตัน ... ผมไม่ได้เคารพคุณนะบอกไว้เลย" นี่ข้อความที่ ริชาร์ลิซอน พูดถึง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่วิจารณ์เอฟเวอร์ตันถึงความตกต่ำจนต้องมาหนีตกชั้น รวมถึงการพูดถึง ริชาร์ลิซอน ที่ คาร์ราเกอร์ บอกว่าเป็นนักเตะที่ชอบพุ่งล้มเอาฟาวล์เสแสร้งทำเป็นเจ็บเพื่อเรียกผลประโยชน์ให้กับทีมตัวเอง
หาก ริชาร์ลิซอน ตอบกลับ คาร์ราเกอร์ ทันทีมันคงไม่เป็นประเด็นใหญ่ขนาดนี้ แต่เขาเลือกจะตอบกลับในวันที่เอฟเวอร์ตันรอดตกชั้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งในเกมนั้นพวกเขาโดน คริสตัล พาเลซ บุกมานำ 2-0 ก่อนที่ ริชาร์ลิซอน จะยิง 1 ประตูช่วยให้ทีมพลิกกลับมาชนะ 3-2 และทำให้แฟน ๆ ของเอฟเวอร์ตันมีความสุขกับฤดูกาลที่แสนจะเข้มข้นในแบบของพวกเขา
ไม่ต้องสนว่าใครจะพูดอย่างไร แนวทางของ ริชาร์ลิซอน ยังอยู่ในประเภทตัวแสบที่หลายคนเกลียดเสมอ ... เขายินดีจะรับสิ่งนั้นเพราะมันทำให้การเล่นฟุตบอลของเขายังคงมีรสชาติ และมันทำให้เขาอยากจะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อยกระดับการเป็นไอ้แสบที่แสบยิ่งกว่าที่ทุกคนเคยเห็น
"แรงบันดาลใจของผมไม่เคยเปลี่ยนไป เรื่องราวการตกปลาในวันนั้นได้ขับเคลื่อนชีวิตและอาชีพของผมมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ผมกำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กระตุ้นที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ตั้งแต่ยังเด็ก"
ด่ามาเถอะ ไม่ได้โกรธแต่ชอบด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้ผมเก่งขึ้น ... นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดาวยิงเอฟเวอร์ตันอยากบอกกับทุกคนที่เกลียดเขาในตอนนี้