เมื่อ "ฟาน ฮัล" หมดโควตาเฮง!?

เมื่อ "ฟาน ฮัล" หมดโควตาเฮง!?

เมื่อ "ฟาน ฮัล" หมดโควตาเฮง!?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อไหร่ที่ผมเขียนถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมจะต้อง “เท้าความ” ถึงบทความก่อนหน้านี้ที่ผมได้เคย “แตะถึง” ทีมปีศาจแดงเอาไว้

เพื่อ “ตอกย้ำ” ว่า ผมยังคิดเหมือนเดิม และไม่ได้เขียนตามกระแส

เหนือสิ่งอื่นใด คือ “ยังรอ” ความแตกต่างจาก หลุยส์ ฟาน ฮัล ว่าจะเป็นยอดโค้ชพลิกสถานการณ์ของทีมได้อย่างไร? และเมื่อไหร่?

บทความก่อนหน้านี้ เอาแค่ 3 หนหลัง แบบ “เนื้อๆ” ผมตั้งชื่อว่า 1.ฟาน ฮัล ผิดอะไร, 2.ฟาน ฮัล บ้าไปแล้ว และ 3. “โชคดี” ถึงเวมบลีย์ 30 พ.ค.

เรื่อง 1: ฟาน ฮัล ผิดอะไร?     
ตอบ: ผิดที่ไม่สามารถทำทีมในสไตล์บุก รุก สวยงาม และชนะแบบที่แฟนๆ คุ้นเคย หรือชนะแบบ “แมนฯยูฯ สไตล์”

เรื่อง 2: ฟาน ฮัล บ้าไปแล้ว! บ้ายังไง?
ตอบ: ก็เพราะออกมาอธิบายพร้อมยก “สถิติ” ให้ แซม อัลลาร์ไดซ์ และนักข่าวเรื่อง “โยนยาว” จนเป็นประเด็นครึกโครมหลังแมตช์เสมอ 1-1 ที่อัพตัน ปาร์ค 8 ก.พ. นั่นแหละครับ

เรื่อง 3: “โชคดี” ถึงเวมบลีย์ 30 พ.ค.หมายถึงอะไร?
ตอบ: เล่นไม่ดี และโดน เปรสตัน ออกนำก่อน 1-0 แต่ทั้งจังหวะช่วย และโชคดีจากทั้ง 3 ประตู เช่น รูนี่ย์ “ออฟไซด์” และพุ่งล้มในเขตโทษแต่ได้จุดโทษ หรือ มารูยาน เฟลไลนี่ ไปผลักแต่ไม่ฟาวล์ก่อนโหม่งได้ประตู

แมนฯ ยูไนเต็ด จึงชนะเปรสตัน 3-1 ก่อนทะลุเจอ อาร์เซนอล ในแมตช์ที่ใช้ “โควตาเฮง” หมดพอดี

หรือจอดเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย และไปไม่ถึงนัดไฟนอล 30 พ.ค. พร้อมๆกับ “มือเปล่า” กลับบ้านเป็นซีซั่นที่ 2 ติดต่อกัน

สำหรับแมตช์นี้กับคู่ปรปักษ์อย่าง อาร์เซนอล ที่ 10 เกมหลังปืนใหญ่ชนะผีแดงได้แค่ครั้งเดียว ที่เหลือแพ้ถึง 7 ครั้งนั้น ฟาน ฮัล ยังดู “ไม่นิ่ง” กับนักเตะ และแท็กติกตัวเองเหมือนเดิม

เชื่อไหมครับว่า พอเห็น “ไลน์อัพ” 11 คนแรก : ดาวิด เด เกอา, อันโตนิโอ บาเลนเซีย, คริส สมอลลิ่ง, มาร์กอส โรโฮ, ลุค ชอว์, อันเดร์ เอร์เรร่า, ดาลี่ย์ บลินด์, มารูยาน เฟลไลนี่, อังเคล ดิ มาเรีย, เวย์น รูนี่ย์ และ แอชลี่ย์ ยัง

ผม “มั่นใจ” ว่า ไม่มีใครทราบระบบการเล่น หรือทำนาย “ฟอร์เมชั่น” ของ ฟาน ฮัล ได้!?

จะ 4-4-2 หรือ 4-3-3 !? แต่คงไม่ใช่กองหลัง 3 คนแน่ๆ

กระทั่งยืนเรียงกันในโอลด์ แทรฟฟอร์ด รอให้ ไมเคิล โอลิเวอร์ เป่าปรี๊ด และนั่งมองอีกสักพักนั่นแหละครับ ถึงได้เห็นว่า นัดนี้แมนฯ ยูฯ เล่น 4-3-3

รูนี่ย์ “หน้าเป้า”, ดิ มาเรีย ยืนขวา และอาจารย์ยัง ยืนซ้าย

ส่วนมิดฟิลด์ พอใช้เฟลไลนี่ และเอร์เรร่า ลงสนาม เกมรับจะ “ลำบาก” นิดนึง เพราะถนัดเกมรุก โดยเฉพาะฝั่งขวาที่ ดิ มาเรีย ไม่ค่อยช่วยบาเลนเซีย ขณะที่เอร์เรร่า ก็ไม่โคเวอร์

ครึ่งหลัง ฟาน ฮัล จึงแก้เกมส่ง ไมเคิล คาร์ริค ลงมาแทนเอร์เรร่า และฟิล โจนส์ แทน ลุค ชอว์ โดยโยก โรโฮ ไปยืนแบ็กซ้าย

ครับ ถือเป็นการเปลี่ยนตัวเพื่อ “แก้ไข” เพราะอาร์เซนอล เตรียมตัวมาดี โต้กลับได้เร็ว และนักเตะความสามารถเฉพาะตัวสูง

“ภาพรวม” ครึ่งแรกจึงสนุก ดูมันส์ เพราะแลกกันคนละดอกสองดอกก่อนจะมี 2 ประตู ที่จบด้วยสกอร์ 1-1

แต่ครึ่งหลัง พอแมนฯ ยูฯ “แก้เกม” และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เจ็บแล้ว อารอน แรมซี่ย์ ลงสนามมาแทน เกมจึงไม่ค่อยมันส์นัก และสปีดเกมหายไปทั้งคู่

ความผิดพลาดส่งคืนหลัง “แป้ก” ของบาเลนเซีย มีส่วนมาจากนักเตะถูก “กดดัน” จากความรวดเร็วของนักเตะอาร์เซนอลด้วยเช่นกัน

และก็เหมือน ฟ้าประทาน เมื่อ แดนนี่ เวลเบ็ค ซึ่งได้ลงเป็นตัวจริงแบบเวนเกอร์ “ตั้งใจ” คือ คนฉกบอลไปยิงประตูชัย 2-1 ให้ทีมปืนใหญ่ทะลุเข้าตัดเชือก และอยู่ในเส้นทางการป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ

อีก “ไฮไลต์” ในเกมนี้นอกเหนือจาก “ซูเปอร์เซฟ” ระดับโลก 2 ครั้งในครึ่งหลังจาก ซานติ กาซอร์ล่า และ อเล็กซิส ซานเชซ โดยเด เกอา ก็คือผลงานการตัดสินของ ไมเคิล โอลิเวอร์

ต้องบอกว่า โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินหนุ่มวัยเพิ่งจะ 30 ปี ทำหน้าที่ได้ “เฟิร์สท์คลาส” มากจากความ “สม่ำเสมอ” ในการตัดสิน และมาตรฐานผ่านการทำการบ้าน และการอยู่ใกล้ทุกเหตุการณ์สำคัญจนตัดสินได้ “แม่นยำ”


การกล้าให้ “ใบเหลือง” ใบที่ 2 ดิ มาเรีย จากการพุ่งล้ม และเหตุผลเดียวกันให้ อัดนาน ยานาไซ ต่อหน้าอัฒจันทร์ สเตรทฟอร์ด เอนด์ คือ “ที่สุด” ของฟุตบอลแมตช์นี้เช่นกัน

จับตาเชิ้ตดำหนุ่มรายนี้ให้ดีนะครับ...

เช่นกัน คือ หลัง “มือเปล่า” และสร้างสถิติ “ครั้งแรก” ให้ ฟาน ฮัล ไร้ถ้วยใดๆ ในการคุมทีมใหม่ปีแรก ทุกสายตากำลังเพ่งไปที่เกมพรีเมียร์ลีก 5 นัดนับจากนี้

สเปอร์ส (บ้าน), ลิเวอร์พูล (เยือน), วิลล่า และแมนฯ ซิตี้ (บ้าน), เชลซี (เยือน) ไม่นับนัดรองสุดท้าย อาร์เซนอล (บ้าน)

คือจะบอกว่า หากแพ้ปืนในบ้านใน “เอฟเอ คัพ” ได้ และ “โควตาเฮง” หมดในบอลถ้วยไปแล้ว ในบอลพรีเมียร์ลีก อะไรก็น่าจะเกิดขึ้นได้ หลัง “พกดวง” มาพักใหญ่ๆ ขณะที่ฟาน ฮัล ไม่ได้ “โชว์กึ๋น” อะไรให้เห็นมากนัก

สุดท้ายของบทความวันนี้นำมาซึ่ง “ชื่อเรื่อง” ที่ผมมองว่าหลังจาก “3 ภาค” ข้างต้นแล้ว ชื่อที่เหมาะที่สุดตอนนี้ คือ “ฟาน ฮัล หมด โควตาเฮง” แล้วครับ

ไข่มุกดำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook