ผี "สุดยอด" หรือน้องไก่ "ห่วย" !?

ผี "สุดยอด" หรือน้องไก่ "ห่วย" !?

ผี "สุดยอด" หรือน้องไก่ "ห่วย" !?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ต้อง “แปลกใจ” นะครับหากชัยชนะเหนือสเปอร์ส 3-0 เมื่อคืนวันซูเปอร์ซันเดย์ที่ผ่านมาของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้รับการ “กล่าวขวัญ” และจับตามองอย่างมาก

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ “ผลแข่งขัน” เพราะเรื่องผล+สกอร์ไม่ได้แปลกประหลาดใดๆ เนื่องจาก 19 นัดหลังพรีเมียร์ลีก ลูกทีมหลุยส์ ฟาน ฮัล เก็บชัยชนะได้ถึง 13 แมตช์ และแพ้เพียง 2 เกมเท่านั้น

การจะชนะเพิ่มอีก 1 นัดเหนือทีมตราไก่ จึงเป็นเรื่อง “ชิวๆ” และสิวๆ แต่ที่ทำให้ “ฮอตสกอร์” ของเราพาดหัวข่าวว่า “เหมือนฝัน: ผีแซ่บถลุงไก่3-0” มันมีที่มาที่ไปอยู่ที่ “สไตล์” ครับ

โดยหากจะกล่าวได้ว่า นัดนี้เป็นนัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้ดีที่สุดในยุค ฟาน ฮัล ก็อาจจะไม่เกินเลย

หรือจะว่าไปแล้ว มันอาจจะ “ดีที่สุด” ในยุค Post-Ferguson หรือยุคหลังท่านเซอร์ อเล็กซ์ ก็อาจจะว่าได้

สิ่งนี้ “สะท้อน” ให้จาก “รอยยิ้ม” บนใบหน้าผู้เล่น เช่น เดลีย์ บลินด์ ในครึ่งแรก หรือหลายจังหวะที่ “ทำพลาด” แต่นักเตะปีศาจแดงกลับยิ้มอย่างมีความสุข

เสมือนกำลัง “เอนจอย” อยู่กับเกม!

บรรยากาศใน “โอลด์ แทรฟฟอร์ด” ไม่เฉพาะตอนยืนปรบมือ standing ovation ให้ ฮวน มาตา และมารูยาน เฟลไลนี ตอนเปลี่ยนตัวก็ดูสนุกสนานเหมือนอยู่ท่ามกลางงาน “คาร์นิวัล” ยังไงยังงั้น

ได้แอบเห็นแก้มเปื้อนรอยยิ้ม ฟาน ฮัล เช่นกันตอนกล้องจับภาพไป

ทั้งหมดนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับทีมแมนฯ ยูไนเต็ด มานานแค่ไหนแล้ว? ผมจำไม่ได้เลย!!!

โดย “มูลเหตุ” ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่กำลังกลายเป็น “ปรากฎการณ์” นี้ ผมวิเคราะห์ว่ามี 3 ประการด้วยกัน :

1. การปรับจังหวะการเล่นของทีมให้เร็วขึ้น (Higher tempo)
2. การจัดตัวที่ “ลงล็อค” และมีสมดุลที่เหมาะสม
3. การจัดตัว และวางแผนที่ผิดพลาดเองของทีมตราไก่ สเปอร์ส


ทั้ง 3 ข้อนี้ล้วนเป็น “ปัจจัย” แต่หากถามผม ข้อใดมีความสำคัญที่สุด?

ตอบ: ข้อ 1 ครับ เพราะการเล่นบอลเร็ว โดยอาจจะเสริมเพิ่มว่า เน้นรุก และกล้าเสี่ยง อาทิ รับสูง คือ “ธรรมชาติ” ที่กลายเป็นวัฒนธรรมของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด มาช้านาน

เสมือนมวยถอยหลังหกล้ม!

ทว่าในยุค กุนซือดัตช์ ฟาน ฮัล ทีมปิศาจแดงเล่นตามแท็คติกที่บางครั้งดู “ซับซ้อน” และปรับเปลี่ยนบ่อย

ประกอบกับบอลสไตล์ “คอนติเนนตัล” หรือภาคพื้นยุโรปนั้นต่างจากบอลอังกฤษ เราจึงเห็นแมนฯ ยูไนเต็ด เล่นบอลค่อนข้างช้า, ไม่เสี่ยงให้แพ้ง่ายๆ ไม่นับการปรับแท็คติกกันเกมต่อเกม หรือหลายครั้งเปลี่ยนระหว่างเกม เกมละหลายๆหน

แต่ “โชคดี” เหมือนที่ผมเขียนถึงเสมอว่า แมนฯ ยูฯ และฟาน ฮัล ยังดวงแข็ง และมีพื้นฐานดีที่ตัวผู้เล่น การเอาตัวรอดจึงทำได้มาโดยตลอดทั้งที่เล่นไม่ดี

หรือใช้แท็คติกที่ไม่ “โดนใจ” เช่น โยนยาว

ทว่าที่สุดแล้ว เมื่อมีโอกาส กับคู่ต่อสู้ที่เปิดช่องให้เล่นเข้าทาง ฟาน ฮัล และลูกทีมก็ประกาศศักดาอัดทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ทันที

ที่ผมพูดว่า ไก่เดือยทอง เล่นบอล “เข้าทาง” ปืนทีมปีศาจแดงมีเหตุผลหลักๆ อยู่ที่เกมรุกที่มี แฮร์รี เคน เป็นกองหน้า “ตัวเป้า” คนเดียวเป็นบอลประเภท “ดร็อปต่ำ” ลงมารับบอล

ไม่ใช่สไตล์ทะลุทะลวงวิ่งตัดหลังแบ็คไปรับบอลแนวลึกระหว่างไลน์เกมรับกับผู้รักษาประตู ดาวิด เด เกอา

ด้วยเหตุนี้ นักเตะอย่าง คริส สมอลลิ่ง และฟิล โจนส์ จึงดันสูงจิ้มตัดบอลเพื่อทำลายการเชื่อมเกมของสเปอร์สได้ไม่ยาก

แดนกลางก็เช่นกันที่ ไมเคิล คาร์ริค, อังเดร เอร์เรร่า, ฮวน มาตา และแอชลีย์ ยัง ประสานงานได้เป็น “หนึ่งเดียว” มากๆ โดย มารูยาน เฟลไลนี่ ยืนหน้าต่ำ สนับสนุน และเป็นอีกทางเลือกในการรับบอลร่วมกับ เวย์น รูนีย์

เหลือเชื่อนะครับ ชัยชนะนัดนี้ได้มาซึ่งการปราศจากดาวดังอย่าง มาร์กอส โรโฮ, อังเคล ดิ มาเรีย, โรบิน ฟาน เปอร์ซี, ราดาเมล ฟัลเกา (สำรอง)

มากกว่า “เหตุผล” ข้างต้น ชัยชนะนัดนี้หากพิจารณาทั้ง 3 ประตูสามารถมองได้ว่า “ผิดพลาด” จากสเปอร์ส มากกว่า “สุดยอด” จากแมนฯ ยูฯ

ฟังแบบนี้แล้ว แฟนผีอย่าเพิ่งโมโหโกรธาผมนะครับ

ความหมายของผม คือ มันเป็นการเสียประตูที่สามารถ “ป้องกัน” ได้ หาใช่ประตูลักษณะที่ต้องอุทาน “โอ้...แม่เจ้า! นายสุดยอดจริงๆ”

ประตู 1-0 : เฟลไลนี ยิงดี และคาร์ริค เปิดเยี่ยมก็จริง ทว่า “บ่อน้ำมัน” เป็นช่องโหว่ใหญ่ระหว่าง ไคล์ วอล์คเกอร์ กับเอริค ไดเออร์ เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ประตู 2-0 : สเปอร์ส เสียจากลูกเตะมุม และ ประตู 3-0 : เบนทาเล็บ ตาลายส่งให้รูนีย์ ลากผ่านเกมรับ 3 คนเข้าไปยิง!

เอาเป็นว่า “โดยสรุป” ฟาน ฮัล และลูกทีม ผ่านบททดสอบขั้นต้น และมีประเด็น “แง่บวก” มากมายจากเกมนี้

ทว่าบททดสอบด่านต่อ ๆ ไปยังรออยู่ เริ่มจาก “แดงเดือด” สุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook