บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ : การต่อสู้ด้วยตัวเองบนเส้นทางนักแบดมินตันอิสระ

บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ : การต่อสู้ด้วยตัวเองบนเส้นทางนักแบดมินตันอิสระ

บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ : การต่อสู้ด้วยตัวเองบนเส้นทางนักแบดมินตันอิสระ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชื่อของ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ เป็นที่รู้จักสำหรับแฟนกีฬาชาวไทยเป็นอย่างดี เธอนับเป็นลูกหม้อของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ที่ทำผลงานสร้างชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศมานานเกือบสิบปี

วันนี้ในวัย 26 ปี เธอได้ตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการเลือกออกมาเป็นนักกีฬาอิสระเต็มตัว ซึ่งแน่นอนว่าหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะแม้จะสามารถดูแลจัดการทุกอย่างเองได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องแลกกับความสะดวกสบายต่าง ๆ ที่เคยได้รับจากทางสมาคม

เหตุใดเธอจึงตัดสินใจเลือกเดินออกจากชายคาที่อยู่มานานนับสิบปีแล้วมาต่อสู้ด้วยตัวของตัวเอง … และเส้นทางใหม่ที่เธอเลือกเดินครั้งนี้จะเป็นเช่นไร ติดตามได้ที่ Main Stand

การตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต

กีฬาแบดมินตันแม้จะเป็นกีฬาอาชีพที่มีการแข่งขันไล่ล่าเงินรางวัลตลอดทั้งปี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลตอบแทนด้านเม็ดเงินนั้นอาจไม่ได้ถือว่าสูงมากนัก ยิ่งหากเทียบกับกีฬาที่แมสกว่าอย่างเทนนิสหรือกอล์ฟด้วยแล้วนักกีฬาหลายคนจึงเลือกที่จะอยู่ภายใต้ต้นสังกัด ทั้งกับสมาคมแบดมินตันของชาตินั้น ๆ หรือสังกัดเอกชนในประเทศ อันเปรียบเสมือนเซฟโซนที่คอยช่วยซัปพอร์ตในทุกด้าน ๆ 

อย่างไรก็ตามยังมีนักกีฬาบางรายที่เลือกตัดสินใจออกมาเป็นนักกีฬาอิสระที่ดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง อาทิ ไถ้ ซื่อหยิง อดีตมือ 1 โลกชาวไต้หวัน, วิคเตอร์ แอ็กเซลเซ่น เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกจากเดนมาร์ก หรือ ลี ซีเจี๋ย ที่เพิ่งขอลาออกจากสมาคมแบดมินตันมาเลเซีย 

พวกเขาและเธอเหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่บนเส้นทางกีฬาลูกขนไก่ที่ตัวเองรัก เช่นเดียวกับ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ นักแบดมินตันสาวไทยมือ 11 ของโลก ที่ตัดสินใจเลือกออกจากสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย แล้วมาเป็นนักกีฬาอิสระที่คอยดูแลและจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง

 

ครีมถือเป็นลูกหม้อของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยเต็มตัวก็ว่าได้ เธอมีโอกาสได้เข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับทางสมาคมและรุ่นพี่ทีมชาติตั้งแต่สมัยยังผูกคอซองเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี จนพัฒนาฝีมือได้รับการเซ็นสัญญาเป็นนักกีฬาของสมาคมในเวลาต่อมา

ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่อยู่ภายใต้ชายคาของทางสมาคมลูกขนไก่ไทย ครีมได้ทำผลงานและสร้างชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เหรียญทองซีเกมส์ในประเภทเดี่ยวและทีมรวม 4 เหรียญ, เหรียญทองแดงประเภททีมเอเชียนเกมส์, แชมป์ระดับอาชีพอย่าง มาเลเซีย โอเพ่น กรังด์ปรีซ์ โกลด์ 2012, ออร์เลอ็อง มาสเตอร์ 2021, ไฮโล โอเพ่น 2021, อินเดีย โอเพ่น 2022 รวมถึงการคว้าตั๋วไปลุยศึกโอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรกของตัวเอง

กระทั่งเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2565 สัญญาฉบับสุดท้ายที่เธอทำไว้กับทางสมาคมก็ได้หมดลง … เธอมี 2 ทางเลือกให้ตัดสินใจ นั่นก็คือการจรดปากกาต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป หรือแยกทางออกมาเป็นนักกีฬาอิสระหรือหาต้นสังกัดใหม่ด้วยตัวเอง

“ครีมตัดสินใจออกมาเพราะมีเหตุผลบางอย่าง ไม่ได้มีปัญหากับสมาคมกับโค้ชหรือกับใครเลย” เธอกล่าวเริ่ม

 

ครีมในวัย 26 ปีในวันนี้ต่างจากเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นดาวรุ่งวัยใสอย่างเห็นได้ชัด แววตาของเธอมีความมุ่งมั่นจริงจังแฝงให้เห็นถึงการที่ต้องแบกรับอะไรบางอย่างในชีวิต ก่อนที่เธอจะเปิดใจถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกออกจากสมาคมมาเป็นนักกีฬาอิสระเต็มตัว

“ที่ผ่านมาครีมเซ็นสัญญากับทางสมาคมรวม 2 ฉบับ จนสัญญาล่าสุดหมดลง ซึ่ง 7-8 ปีที่ผ่านมาก็ถือเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน ครีมยอมรับและระลึกถึงบุญคุณของสมาคมเสมอ เพราะถ้าไม่มีสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย คอยซัปพอร์ต สนับสนุน และเมตตาเอ็นดู ก็คงไม่มีทางที่จะมาถึงจุดนี้ได้แน่นอน”

“แต่จากจุดนั้นมาถึงวันนี้ จากวันที่ไม่มีอะไรเลยจนมาถึงวันนี้ที่เป็นอันดับ 11 ของโลก เราก็ได้มองเห็นว่าในระดับนานาชาติมืออาชีพเขามีการพัฒนาอย่างไรบ้าง เขาดูแลตัวเองกันยังไง การฝึกซ้อมที่ผ่านมาแบบไหนดีกับเราแบบไหนไม่ดีกับเรา จึงมาสู่จุดที่คิดว่าถ้าเราได้ลองทำอะไรที่คิดว่ามันดีกับตัวเราจริง ๆ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่สนับสนุนเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้” 

“พอเราได้เห็นวิธีการทำงานของนักกีฬาเก่ง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ไถ้ ซื่อ หยิง ที่เขามีทีมโค้ช มีนักวิทยาศาสตร์การกีฬา นักกายภาพ และทีมงานคอยประกบเขาคนเดียว เพื่อที่จะทำให้เขาไปสู่จุดที่ตั้งเป้าหมายไว้ พอเราย้อนกลับมาเลยคิดว่าเราจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อที่จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เราสามารถไปสู้กับเขาได้ดียิ่งขึ้น”

 

“ครีมเลยรู้สึกว่าการที่เราออกมาซ้อมเป็นนักกีฬาอิสระเราก็จะได้มีการฝึกซ้อมที่เข้มข้นมากขึ้น มีแผนการซ้อมที่เฉพาะเจาะจงกับเรามากขึ้น น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้เราไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้ดียิ่งขึ้น” ครีม เปิดใจ

แม้จะตัดสินใจชัดเจนแต่การออกมาเป็นนักกีฬาอิสระนั้นไม่ได้มีเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะความสะดวกสบายที่เคยได้รับการดูแลจากสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยก็ย่อมหายไปด้วย และนำมาซึ่งอุปสรรคมากมายที่รออยู่ข้างหน้า

อุปสรรคบนเส้นทางอิสระ

เมื่อก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอิสระเต็มตัวย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งนักกีฬาส่วนใหญ่ที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินใหม่ในชีวิตเช่นนี้ล้วนแต่ต้องมีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว … ทว่าไม่ใช่กับครีม เพราะเธอเลือกที่จะออกจากสมาคมแบดมินตันโดยไม่มีการเตรียมแผนรองรับไว้ล่วงหน้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงสปิริตและเป็นการขอบคุณที่สมาคมดูแลเธออย่างดีมาโดยตลอด

 

“ตอนออกมานี่ตัวเปล่าเลย ครีมตัดสินใจออกมาโดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้า หลายคนอาจจะดูเป็นเรื่องที่โง่เง่าแล้วไม่น่าเกิดขึ้นได้ เพราะมันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนทุกอย่างในชีวิต แต่ที่เราเลือกตัดสินใจทำแบบนี้ก็เพราะว่าทางสมาคมและคุณหญิงปัทมา (ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย) มีบุญคุณกับครีมมาก ๆ”

“ครีมอยากจะแสดงความจริงใจว่าตลอดระยะเวลาที่ครีมอยู่ ครีมร้อยเปอร์เซ็นต์กับที่นี่จริง ๆ ไม่ใช่ว่าครีมไปหาลู่ทางที่ดีกว่าที่นี่แล้วพอได้จังหวะก็ถีบหัวที่เก่าส่ง ครีมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นจึงทำทุกอย่างด้วยความจริงใจมากที่สุด” เธอกล่าวอย่างหนักแน่น

แน่นอนว่าการเดินออกมาโดยไร้แผนล่วงหน้าแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเธอไม่น้อย ไม่ต่างจากการต้องเริ่มทุกอย่างจากศูนย์ ทั้งการหาสถานที่ฝึกซ้อม ที่ฟิตเนส การจ้างโค้ช การวางแผนการแข่งขัน ตลอดจนการจองตั๋วเครื่องบิน ทำวีซ่า โรงแรมที่พัก ฯลฯ เพราะเมื่อออกมาเป็นนักกีฬาอิสระก็ต้องดำเนินการทุกอย่างเองทั้งหมด ซึ่งทุกอย่างหมายถึงเงินที่ต้องควักจ่ายด้วยตัวเองเช่นกัน

“ข้อดีก็คือเราสามารถเลือกโค้ชเองได้ เลือกทุกอย่างที่เหมาะสมกับเราได้ เราสามารถมีทีมงานที่คอยดูแลเราโดยเฉพาะ ได้ซ้อมในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่คิดว่าเราน่าจะได้พัฒนาศักยภาพมากขึ้น เราจะได้การฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้น อาจจะไม่ได้ต้องซ้อมให้นานขึ้นแต่เน้นซ้อมเรื่องคุณภาพมากขึ้น เช่น วันนี้เราต้องการซ้อมให้ได้ฮาร์ทเรต หรือร่างกายตรงนี้เรายังไม่แข็งแรงเราก็บอกนักวิทย์ฯ ให้ช่วยสร้างได้โดยตรง”

 

“แต่สิ่งที่ต้องแลกคือเราต้องทำทุกอย่างเองทั้งหมด เช่น ปกติจะซ้อมที่คอร์ทของสมาคมตลอด กินนอนอยู่ที่นั่น สมาคมคอยเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง พอออกมาเป็นนักกีฬาอิสระก็กลับมานอนบ้านและต้องหาที่ซ้อมเอง ซึ่งปัญหาหลัก ๆ เลยก็เป็นเรื่องของเงินทุน”

“เราต้องเตรียมเงินทุนมาซัปพอร์ตตัวเองในการไปแข่ง ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก โรงเแรม ค่าโค้ช ค่าทีมงาน นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ค่ารักษาพยาบาลตอนเราบาดเจ็บ นักจิตวิทยา เป็นจำนวนค่อนข้างเยอะ ค่าใช้จ่ายเดือน ๆ นึงไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินกับที่พักในการไปแข่งแต่ละทัวร์นาเมนท์ก็ไม่ต่ำกว่าแสนบาทแล้ว” ครีม เผย

แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วเธอจึงต้องก้าวไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว

ออกเดินทางก้าวแรก

หลังจากตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินใหม่ ครีมไม่รอช้าที่จะเดินหน้าต่อทันที โดยเลือกดึง “โค้ชไอซ์” สิทธิชัย วิบูลย์สิน ที่รู้มือกันมาตั้งแต่ฝึกสอนในช่วงลุยโอลิมปิก เกมส์ 2020 มาเป็นโค้ชส่วนตัว พร้อมวางตัวให้เป็นผู้ช่วยดูแลเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทุกด้าน 

ขณะที่สถานที่ฝึกซ้อมเธอได้รับความช่วยเหลือจากสโมสรแบดมินตันบางโพ ซึ่งเป็นที่ ๆ เธอเคยมาฝึกซ้อมตั้งแต่อายุ 11 ขวบจนเหมือนเป็นคนในครอบครัว ที่เปิดให้เธอได้เข้ามาใช้สถานที่ในช่วงที่ยังไม่มีที่ไปในครั้งนี้ พร้อมยังได้ยิม On Track ย่านพระราม 3 ของ สายลับ เลิศรัตนชัย นักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยดีกรีเหรียญเงินซีเกมส์ เป็นผู้สนับสนุนคอยซัปพอร์ตด้านการดูแลร่างกายให้อย่างดี

เมื่อการเตรียมพร้อมเบื้องต้นแล้วเสร็จครีมจึงประเดิมลงแข่งขันในฐานะนักแบดมินตันอิสระเต็มตัวครั้งแรกในศึกโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โอเพ่น 2022 แต่ต้องยุติเส้นทางในรอบแรกด้วยการแพ้ต่อ อากาเนะ ยามากูชิ มืออันดับ 1 ของโลกจากญี่ปุ่น ก่อนจะเดินทางไปแข่งต่างแดนครั้งแรกในศึกอินโดนีเซีย โอเพ่น พร้อมทำผลงานทะลุเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้าย

“มันเหนื่อยทั้งใจเหนื่อยทั้งกาย วันเหล่านั้นมันก็ค่อย ๆ ผ่านมาได้ อาจไม่ได้สมบูรณ์เพอร์เฟ็กต์แต่ครีมก็เตรียมใจไว้แล้ว เมื่อเลือกแล้วก็ทำมันอย่างเต็มที่ และสิ่งสำคัญคือครีมรายล้อมด้วยผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวเรา เห็นคุณค่าในตัวเรา และพร้อมที่จะสนับสนุนเรา”

“สิ่งสำคัญเหล่านี้มันทำให้เรารู้สึกว่าการที่เรามีคนรอบตัวที่เขาเชื่อมั่นในตัวเราและพร้อมที่จะสนับสนุนเรามันทำให้วันร้าย ๆ หรือวันที่ยาก ๆ เราสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้ ในวันที่เราลำบากก็ยังมีคนที่ยื่นมือมาช่วย”

“ซึ่งแมตช์อินโดนีเซียที่ผ่านมายอมรับว่ามีเรื่องราวมากมายที่ต้องคิดและมีเรื่องที่ต้องเครียด เพราะเป็นการไปแข่งต่างประเทศครั้งแรกตั้งแต่ออกมาดูแลตัวเอง แต่ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ฟีดแบ็กจากที่ซ้อมไปในระยะเวลาอันสั้น มันรู้สึกว่ามีบางส่วนกำลังที่จะดีขึ้น มันเป็นเหมือนพลังใจที่ช่วยให้เชื่อมั่นในตัวเองและก้าวต่อไปข้างหน้า” ครีม เผย

ความเหนื่อยและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เธอพูดถึงยังตอกย้ำได้อย่างชัดเจนด้วยภาพที่เธอลงแข่งขันด้วยเสื้อแข่งที่ประดับเพียงธงชาติไทยบนหน้าอกข้างซ้ายเท่านั้นโดยปราศจากโลโก้แบรนด์สินค้าใด ๆ … นั่นหมายความว่าทั้ง 2 รายการที่เธอลงชิงชัยในฐานะนักกีฬาอิสระล้วนแต่ใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวที่เก็บหอมรอมริบมาโดยยังไม่มีสปอนเซอร์เข้ามาให้การสนับสนุน 

เธอเดินออกมาโดยไร้แผนและไร้ผู้สนับสนุน แม้จะมีผู้ใหญ่ใจดีคอยซัปพอร์ตด้านการฝึกซ้อม แต่การจะออกเดินทางไปไล่ล่าความสำเร็จต่างแดนในระยะยาวได้นั้นก็ต้องมีเงินทุนที่หนาพอด้วย ซึ่งเงินทุนสำหรับนักกีฬาอิสระนั้นส่วนใหญ่จะมาจากสปอนเซอร์ เช่น แบรนด์สินค้าต่าง ๆ ที่แลกการสนับสนุนกับการได้โปรโมตแบรนด์ยามที่นักกีฬาลงแข่งขันและมีการถ่ายทอดสดไปนานาประเทศ … ครีมเองก็เช่นกัน

“ตั้งแต่ออกมาเป็นนักกีฬาอิสระครีมลงไปแข่งแบบไม่มีสปอนเซอร์เลย เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เราต้องไปแข่งตลอดเวลาด้วย ซึ่งสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนเป็นสิ่งที่สำคัญกับเราจริง ๆ เพราะมันต้องใช้เงินเยอะมาก อย่างที่บอกไปว่าแค่ค่าฝึกซ้อม ค่าจ้างโค้ช นักจิตวิทยา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา และทีมงานอื่น ๆ เดือนนึงก็เป็นแสนแล้ว ตอนนี้ก็กำลังหาอยู่ว่าสปอนเซอร์ต่าง ๆ จะเข้ามาช่วยตรงไหนได้บ้าง”

“ตอนนี้เราเป็นนักกีฬาอิสระแล้วจึงสามารถรับได้ทุกแบรนด์ ปกติเสื้อกีฬาจะใส่ได้ 4 โลโก้ บริเวณหน้าอกอันใหญ่ บ่า 2 ข้าง และข้าง ๆ เวลาไปแข่งต่างประเทศแล้วมีการถ่ายทอดสดคนก็จะเห็น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดีที่เห็นในความสามารถแล้วยังอยากที่จะสนับสนุนหนูที่เป็นนักกีฬาคนหนึ่งที่มีความฝัน การซัปพอร์ตมันมีความสำคัญมากจริง ๆ ที่จะช่วยสร้างโอกาส เพราะมันอีกแค่นิดเดียวจริง ๆ ที่เราจะไปยืนอยู่บนจุดสูง ๆ ของโลก” ครีม เผย

เพื่อเป้าหมายที่ฝันไว้

แม้จะยังคงเฝ้าคอยผู้สนับสนุนที่จะช่วยผลักดันตัวเองให้พุ่งไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ยังมีอุปสรรคต่าง ๆ อีกมากมายที่ต้องเผชิญในการออกมาเป็นนักแบดมินตันอิสระในครั้งนี้ แต่ครีมยืนยันว่าเธอยังคงมั่นใจในเส้นทางที่เลือกเดิน ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม

ทั้งหมดที่เธอตัดสินใจลงมือทำในวันนี้ก็เพื่อความต้องการที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง โดยมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่คือการคว้าเหรียญรางวัลในศึกโอลิมปิก เกมส์ 2024 หลังจากที่เคยได้ไปสัมผัสประสบการณ์ถึงรอบ 16 คนสุดท้ายมาแล้วในโตเกียวเกมส์ 2020 จนเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ลุกขึ้นมาขีดเส้นอนาคตด้วยตัวเอง

“ในช่วงนี้เรายังเหนื่อยยังจัดสรรอะไรได้ไม่ลงตัว แต่ก็มองว่าเป็นช่วงเวลาที่ถูกต้องแล้วล่ะ เพราะโอลิมปิก เกมส์ ปี 2024 จะต้องเก็บคะแนนกันในปี 2023 ซึ่งวันนี้จนถึงวันนั้นก็อีกเกือบครึ่งปี เรายังมีระยะเวลาที่จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ลงตัวได้มากที่สุด เพื่อเดินหน้าลุยเก็บคะแนนได้อย่างเต็มที่”

“การออกมาเป็นนักแบดมินตันอิสระแบบครีมเป็นเรื่องใหม่ในบ้านเรา แต่เราก็อยากแสดงให้เห็นว่าแบดมินตันมันเป็นอาชีพได้จริง ๆ และเป็นกรณีศึกษาให้กับน้อง ๆ ได้ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วมันอาจจะดีขึ้นหรืออาจจะไม่ดีขึ้นก็ตาม”

“ถ้ามันดีขึ้นเราก็จะได้รู้สึกขอบคุณตัวเองที่วันนี้เรากล้าเปลี่ยนแปลงมาทำอะไรสักอย่างแล้วมันดีขึ้น แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่ดีขึ้น ไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้ อย่างน้อยครีมก็สามารถตอบตัวเองได้ว่า สำหรับความฝันของเรา สำหรับกีฬาแบดมินตันที่เรารักที่เรามีความสุขกับมัน เราได้ลองทุกวิธีแล้วที่จะผลักดันตัวเองให้ไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะได้ไม่รู้สึกเสียดายเมื่อวันที่เราเลิกไปแล้ว” ครีม ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม

อัลบั้มภาพ 20 ภาพ

อัลบั้มภาพ 20 ภาพ ของ บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ : การต่อสู้ด้วยตัวเองบนเส้นทางนักแบดมินตันอิสระ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook