จากฟันดาบสู่ไอดอล : "แจ็คสัน หวัง" ศิลปินที่มี "กีฬา" อยู่ในทุกช่วงเวลาชีวิต

จากฟันดาบสู่ไอดอล : "แจ็คสัน หวัง" ศิลปินที่มี "กีฬา" อยู่ในทุกช่วงเวลาชีวิต

จากฟันดาบสู่ไอดอล : "แจ็คสัน หวัง" ศิลปินที่มี "กีฬา" อยู่ในทุกช่วงเวลาชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปี 2022 ชื่อของ แจ็คสัน หวัง ศิลปินหนุ่มจากฮ่องกง ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้งในฐานะเมมเบอร์ของ GOT7 วงบอยแบนด์ K-POP หรืองานโซโล่ที่กำลังไปได้สวย ขณะเดียวกันการเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตก่อนเกมแดงเดือดที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะเรียกความสนใจจากแฟนคลับแต่ยังทำให้แฟนบอลทั้งสองทีมได้มีโอกาสรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขากันทั่วประเทศ

แม้จะเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปิน แต่ชีวิตของ แจ็คสัน หวัง ก็มีความผูกพันกับวงการกีฬาไม่น้อย ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยมีดีกรีเป็นถึงนักกีฬาฟันดาบ ลงแข่งขันรายการโอลิมปิกระดับเยาวชน พร้อมกับได้รับทุนการศึกษาให้ไปร่ำเรียนที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา แต่เขากลับตัดสินใจเบนเข็มเข้าสู่ถนนสายศิลปินอันเป็นความฝันที่แท้จริงของเขา จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ และเป็น แจ็คสัน หวัง อย่างที่ทุกคนรู้จักกันในปัจจุบัน

ช่วงเวลาการเป็นนักกีฬาฟันดาบของ แจ็คสัน หวัง เป็นอย่างไร แล้วทำไมเขาถึงตัดสินใจบอกลากีฬาที่เขาเก่งกาจเข้าสู่เส้นทางดนตรี Main Stand ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเขาในบทความนี้

เกิดในครอบครัวนักกีฬา

หนุ่มน้อย แจ็คสัน หวัง เกิดและเติบโตที่เกาลูนตง เขตปกครองพิเศษฮ่องกง คุณพ่อของเขาคือ หวัง รุยจี นักกีฬาฟันดาบชาวจีน ที่เคยเป็นตัวแทนทีมชาติจีนลงแข่งขันกีฬาฟันดาบ และได้เหรียญทองในศึกเอเชียนเกมส์ 1978 ที่เมืองไทย รวมถึงเข้าแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 1984 ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และปี 1988 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ขณะที่คุณแม่ โซเฟีย โจว ก็เป็นนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติจีนที่เคยรับใช้ชาติในช่วงยุค 80s จนได้มาพบรักกับ หวัง รุยจี แล้วให้กำเนิด แจ็คสัน หวัง ในเวลาต่อมา

การที่เกิดและเติบโตในครอบครัวที่เป็นนักกีฬา คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาจะทำนายว่า แจ็คสัน หวัง น่าจะเป็นนักกีฬาเจริญรอยตามคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งในที่สุดเจ้าตัวก็เลือกเล่นกีฬาฟันดาบเหมือนคุณพ่อ โดยเขาเริ่มฝึกกีฬาฟันดาบตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ผู้รับหน้าที่โค้ชก็ไม่ใช่ใครอื่นนั่นคือ หวัง รุยจี คุณพ่อของเขาเอง ทั้งสองคนฝึกซ้อมด้วยกันทุกวันจนความรักในกีฬาฟันดาบได้ฝังลึกเข้าไปในร่างกายของ แจ็คสัน หวัง เรียบร้อย

ครั้นเมื่ออายุ 16 ปีก็ถึงเวลาที่นักกีฬาฟันดาบดาวรุ่งที่ชื่อ แจ็คสัน หวัง โบยบินออกไปแสดงฝีมือในรายการต่าง ๆ ทั้งในและนอกประเทศ ในนามตัวแทนของฮ่องกงบ้านเกิดของเขา โดยมีคุณพ่อ หวัง รุยจี เป็นโค้ชอยู่เบื้องหลัง เขาแพ้บ้างชนะบ้างและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2010 เขาเคยเดินทางมาแข่งฟันดาบที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ในเมืองไทยด้วย ซึ่งแฟนคลับของ แจ็คสัน หวัง สามารถไปหาวิดีโอการแข่งขันของเจ้าตัวดูได้บนโลกออนไลน์

 

และในปี 2010 นี้เอง การแข่งขัน ยูธ โอลิมปิกเกมส์ ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ แจ็คสัน หวัง ได้เป็นตัวแทนนักกีฬาฟันดาบของฮ่องกงลงแข่งประเภทเซเบอร์เยาวชนชาย เขาโชว์ฟอร์มเก็บคะแนนในรอบแบ่งกลุ่มจนผ่านด่านเข้าไปลุยรอบน็อกเอาต์ก่อนไปแพ้ให้กับคู่ต่อสู้จากรัสเซียในรอบ 16 คนสุดท้ายแบบเฉือนกันแค่คะแนนเดียว ทำให้เจ้าตัวพลาดโอกาสที่จะมีเหรียญรางวัลติดมือแบบน่าเสียดาย ชนิดที่เขายอมรับว่าการแข่งขันวันนั้นมันสูสีกันมาก "ผมอาจจะได้ไปต่อหรือจบอยู่ตรงนั้นก็ได้ มันสูสีมากเลยนะตอนนั้น"

แม้จะไปไม่ถึงเหรียญรางวัล แต่การได้เป็นตัวแทนของฮ่องกงลงแข่งกีฬาฟันดาบใน ยูธ โอลิมปิกเกมส์ ปี 2010 ที่สิงคโปร์ ก็ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ แจ็คสัน หวัง จดจำได้เป็นอย่างดี และประทับใจถึงขั้นสักรอยสักวงแหวนโอลิมปิกทั้ง 5 ไว้ที่แขนซ้ายของตัวเองเพื่อเป็นที่ระลึก

คำสอนจากคุณพ่อดีกรีเหรียญทอง เอเชียนเกมส์

ไม่เพียงแต่สอนทักษะการฟันดาบ หวัง รุยจี คุณพ่อของ แจ็คสัน หวัง ยังให้คำสอนและข้อคิดแก่ลูกชายตนเองเสมอเวลาลงแข่งขันรายการต่าง ๆ อย่างไรก็ตามแม้จะมีดีกรีเป็นถึงนักฟันดาบชาวจีนคนแรกที่ได้เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ แต่เขาก็ให้อิสระแก่ลูกชายในการคิดค้นวิธีการต่อสู้ในแบบของตัวเอง และหากคว้าชัยชนะเขาก็ให้เครดิตว่าเป็นฝีมือของลูกชายเต็ม ๆ

 

"พ่อของผมพูดเสมอว่าถ้าผมแพ้ มันคือความผิดของเขาที่สอนผมไม่ดี" แจ็คสัน หวัง เล่าความหลัง "แต่ถ้าผมชนะ ผมก็จะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองไปเต็ม ๆ ผมได้รับการสนับสนุนจากเขาเป็นอย่างดี และผมดีใจที่คุณพ่อไม่ใช่โค้ชที่เอาแต่สั่งให้ทำแบบนั้นแบบนี้ เขาให้ผมสร้างวิธีต่อสู้ในแบบของตัวเองเวลาลงแข่งขัน"

ทักษะและคำสอนที่คุณพ่อแนะนำทำให้ แจ็คสัน หวัง พัฒนาฝีมือการฟันดาบขึ้นไปเรื่อย ๆ เขาฝึกซ้อมกับคุณพ่อรวมถึงดูวิดีโอการแข่งขันของ อัลโด มอนตาโน่ นักกีฬาฟันดาบระดับตำนานชาวอิตาลี ดีกรีเหรียญทองโอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ เพื่อนำวิธีการต่อสู้ของชายผู้เป็นไอดอลมาปรับประยุกต์ใช้กับตัวเอง จนยกระดับแรงกิ้งขึ้นเป็นนักกีฬาฟันดาบระดับแถวหน้าของฮ่องกง และมือวางอันดับ 11 ของเอเชีย

ชีวิตการเป็นนักกีฬาฟันดาบของ แจ็คสัน หวัง กำลังไปได้สวย เขามีโอกาสที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญของฮ่องกงในการลุ้นเหรียญรางวัลในการแข่งขันกีฬาที่ใหญ่ขึ้นอย่าง เอเชียนเกมส์ หรือ โอลิมปิกเกมส์ ในภายภาคหน้า ถ้าหากเขาไม่ค้นพบตัวเองว่า สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดคือ "การเป็นศิลปิน"

ดนตรี ไอดอล และจุดเปลี่ยนของชีวิต

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 แจ็คสัน หวัง ที่ตอนนั้นยังคงเป็นนักกีฬาฟันดาบ ได้รับการทาบทามจากทีมแมวมองของ JYP ค่ายเพลงชื่อดังจากเกาหลีใต้ ขณะเล่นบาสเกตบอลอยู่กับเพื่อน พร้อมชักชวนให้มาทำการออดิชั่นกับค่าย JYP ที่แวะเวียนมาเฟ้นหาดาวรุ่งดวงใหม่ที่เกาลูนพอดี และด้วยใจลึก ๆ ของเขาที่อยากเป็นศิลปิน ทำให้ แจ็คสัน หวัง ตัดสินใจไปออดิชั่น เพื่อทดสอบความสามารถกับทาง JYP ว่าเขามีดีพอที่จะเป็นศิลปินหรือเปล่า

เหมือนโชคชะตาลิขิตไว้ แจ็คสัน หวัง ผ่านการออดิชั่นกับ JYP ท่ามกลางผู้ท้าชิงกว่า 2,000 คนที่มาไล่ล่าความฝันเหมือนกับเขา แจ็คสัน หวัง ได้รับข้อเสนอให้เข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดของ JYP ทว่าด้วยความที่ตอนนั้นเขากำลังมุ่งมั่นกับการเป็นนักกีฬาฟันดาบของฮ่องกง เพื่อเป้าหมายลงแข่งขันในโอลิมปิกครั้งแรกในชีวิตที่กรุงลอนดอน 2012 แถมได้ทุนการศึกษาด้านกีฬาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ให้เข้าไปร่ำเรียนในปี 2011 ทำให้เจ้าตัวถึงกับคิดหนัก

"ผมใฝ่ฝันที่จะเป็นศิลปินมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำเพลงหรือการเต้น แล้วตอนนั้นผมกำลังเตรียมตัวเพื่อโอกาสลงแข่งขันโอลิมปิกที่ลอนดอน แถมได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ" แจ็คสัน หวัง เล่าถึงวันที่ต้องตัดสินใจขีดเส้นทางชีวิต "ผมถามตัวเองว่า ผมจะผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ในอนาคตหรือเปล่า เหมือนกับว่าถ้าผมอายุ 70 ผมจะมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เลือกไหม"

"ผมรู้ว่าทุกอย่างมันมีความเสี่ยง แต่บางทีผมก็คิดว่าที่สุดแล้วต่อให้มันล้มเหลวหรือโชคดีประสบความสำเร็จขึ้นมา อย่างน้อยผมก็ได้ลองทำ" แจ็คสัน หวัง เปิดใจ

 

และเมื่อตัดสินใจชัดเจนว่าอยากจะเป็นศิลปิน เขาจึงเดินไปบอก หวัง รุยจี กับ โซเฟีย โจว คุณพ่อ-คุณแม่ ว่าจะขอเป็นไปฝึกเป็นศิลปิน K-POP ที่เกาหลีใต้ แน่นอนว่าทีแรก หวัง รุยจี คัดค้านเพราะเส้นทางการเป็นนักกีฬาฟันดาบของลูกชายกำลังรุ่งโรจน์ หากทิ้งดาบไว้ตรงนี้ทุกสิ่งที่ทำมาก็จะสูญเปล่า แต่สุดท้าย แจ็คสัน หวัง ก็โน้มน้าวพ่อแม่ของเขาสำเร็จ และเก็บกระเป๋าเดินทางไปที่เกาหลีใต้ เพื่อเข้าร่วมการฝึกทักษะกับทาง JYP ในฐานะศิลปินฝึกหัด

แม้ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในวงการบันเทิงที่เกาหลีใต้ แต่ แจ็คสัน หวัง ก็พร้อมเดิมพันกับความฝันและเส้นทางที่หัวใจเขาเรียกร้อง

นักฟันดาบ สู่ไอดอลแห่งวง GOT7

ถึงจะใช้เวลาฝึกฝนทักษะการเป็นศิลปิน K-POP กับทาง JYP อยู่ 3 ปี แต่ดูเหมือนการเบนเข็มมาสู่วงการบันเทิงของ แจ็คสัน หวัง จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะเมื่อได้รับการบ่มเพาะทักษะจนสุกงอม เด็กหนุ่มจากฮ่องกงและเพื่อน ๆ ที่ฝึกมาด้วยกันอย่าง มาร์ค, ยูคยอม, แบมแบม เด็กหนุ่มชาวไทย รวมถึงเพื่อนร่วมเส้นทางแห่งฝันอย่าง เจบี, จินยอง, ยองแจ พวกเขาก็มารวมตัวกันเป็น GOT7 วงบอยแบนด์ K-POP น้องใหม่แกะกล่องของ JYP พร้อมกับปล่อย EP เดบิวต์แรกในชีวิตชื่อ Got It? ในปี 2014 โดยมี "Girls Girls Girls" เป็นซิงเกิลเปิดตัวที่ชักชวนให้ทุกคนมาทำความรู้จักกับเด็กหนุ่มทั้ง 7 คนนี้

 

ตั้งแต่นั้นมากราฟแห่งความสำเร็จของ GOT7 และ แจ็คสัน หวัง ก็ค่อย ๆ ไต่ขึ้นสูงอย่างไม่หยุดยั้ง ซิงเกิลเพลงต่าง ๆ ประสบความสำเร็จแบบถล่มทลาย ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิลอย่าง Just Right, You Calling My Name, Not By The Moon, If You Do, Stop Stop it, Never Ever รวมถึง Girls Girls Girls ที่มียอดสตรีมมิ่งบน Youtube และแอปพลิเคชั่นดนตรีต่าง ๆ มหาศาล สตูดิโออัลบั้มทั้ง 5 ชุดก็ประสบความสำเร็จจนมียอดขายระดับหลักแสนชุดทั้งในและนอกประเทศ

ขณะที่ตัวของ แจ็คสัน หวัง ก็เป็นเมมเบอร์ที่ได้รับความนิยมในหมู่สาวก "อากาเซ่" (ชื่อแฟนคลับของ GOT7) ด้วยทักษะการร้อง การเต้นที่โดดเด่น และบุคลิกที่เฟรนด์ลี่เป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานทุกคน ขณะเดียวกันการเป็นเมมเบอร์ของ GOT7 ก็ได้ช่วยให้ แจ็คสัน หวัง มีโอกาสฝึกฝน ทำเพลง เขียนเพลงด้วยตัวเอง จนได้โอกาสออกผลงานโซโล่เดี่ยว และมีเพลงฮิตที่แฟน ๆ ร้องตามกันได้อย่าง 100 Ways, Blow, LMLY และ Cruel

ไม่เพียงเท่านั้น แจ็คสัน หวัง ยังถือเป็นศิลปินที่ชาวฮ่องกงต่างภาคภูมิใจ ในฐานะที่เขาเป็นลูกหลานชาวฮ่องกงที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลออกไปไล่ล่าตามความฝันจนประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตประจำการท่องเที่ยวของฮ่องกง มีหุ่นขี้ผึ้งเป็นของตัวเองตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ สาขาฮ่องกง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาวที่อยากเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จเหมือนกับเขา

ความสำเร็จในฐานะศิลปินกลุ่มอย่าง GOT7 และบทบาทศิลปินเดี่ยวนาม แจ็คสัน หวัง ทำให้ศิลปินหนุ่มชาวฮ่องกงมีชื่อเสียงโด่งดังระดับแถวหน้าของเอเชีย และวันหนึ่งของปี 2022 เขาก็มีโอกาสเพิ่มฐานแฟนเพลงของตัวเองมากขึ้นไปอีกจากการเดินทางมาแสดงสดที่เมืองไทย

โชว์คอนเสิร์ตในศึกแดงเดือดที่เมืองไทย

วันที่ 12 กรกฎาคม 2022 เกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อสองทีมฟุตบอลระดับโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล เดินทางมาเปิด "ศึกแดงเดือด" ครั้งแรกในเมืองไทย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในชื่อ "The Match Bangkok Century Cup 2022" โดยมี "บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด" ที่มี วินิจ เลิศรัตนชัย ผู้จัดงานอีเวนต์รายใหญ่ของเมืองไทย เป็นโต้โผอยู่เบื้องหลัง

นอกจากการฟาดแข้งของสองทีมคู่ปรับแห่งพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ทางผู้จัดได้เชิญ แจ็คสัน หวัง ศิลปินหนุ่มชาวฮ่องกงที่กำลังโด่งดังและไปได้สวยกับงานโซโล่ของตัวเองมาเปิดคอนเสิร์ตช่วงก่อนเกม ซึ่งตอนนั้นก็มีทั้งกระแสบวกจากแฟนคลับชาวอากาเซ่ที่พร้อมใจกันยกพลไปดูโชว์ของเขาถึงขอบสนาม ส่วนกระแสลบก็เกิดจากฝั่งแฟนบอลทั้งสองทีมที่มองว่าการเชิญ แจ็คสัน หวัง มาแสดงโชว์ก็เพื่อกระตุ้นยอดขายบัตรที่ยังขายไม่หมด และเรียกแฟนคลับ K-POP ให้หันมาซื้อตั๋วดูไอดอลที่รักของพวกเขามากกว่าที่พอจบโชว์ก็แยกย้ายกลับบ้านไม่อยู่ดูบอลกันต่อทั้งที่เป็นไฮไลท์ของงาน

ถึงจะมีกระแสลบที่ผู้จัดเชิญศิลปิน K-POP มาแสดงสดก่อนแข่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ชื่อของ แจ็คสัน หวัง กลายเป็นที่รู้จักของคนไทยมากกว่าเดิม นอกเหนือจากแฟนคลับที่ติดตามกันมาช้านาน โดยเฉพาะฝั่งของคนดูบอลที่อาจจะไม่ได้ชอบฟังเพลง K-POP หรือรู้จักวง GOT7 มาก่อน แต่พอมีข่าวการเปิดคอนเสิร์ตของ แจ็คสัน หวัง ในศึกแดงเดือดก็ทำให้ชื่อของเขาได้รับความสนใจอย่างมาก อย่างน้อย ๆ แฟนบอล "ปีศาจแดง" และ "หงส์แดง" ก็ต้องจำชื่อของเขาได้แน่นอนจากอีเวนต์นี้ ต่อให้ไม่เคยฟังเพลงของเขามาก่อนก็ตาม

ตัดภาพไปวันงานจริง แจ็คสัน หวัง และเหล่าแดนเซอร์นับ 10 ชีวิตยกพลขึ้นไปแสดงสดกลางสนามราชมังคลากีฬาสถาน แบบจัดเต็ม 1 ชั่วโมง ซึ่งด้วยเพอร์ฟอร์มการร้องการเต้นที่แข็งแรง และด้วยเพลงฮิตที่ขนมาเล่นอย่าง Come Alive, Blow, Go Ghost, Just Like Magic ฯลฯ ก็ทำให้มีแฟนบอลที่ซื้อตั๋วมาดูทีมรักในสนามชื่นชมฝีมือการแสดงของเขา และได้แฟนคลับทั้งชายหญิงเพิ่มไปพอสมควรจากการขึ้นโชว์ครั้งนี้

เมื่อโชว์วันแดงเดือดจบกระแสของ แจ็คสัน หวัง ในเมืองไทยกลับยังไม่จบ เพราะหลังจากนั้น แจ็คสัน หรือที่แฟนคลับเมืองไทยเรียกเขาว่า "พี่แจ็ค" ก็เดินสายไปร่วมงานอีเวนต์ ออกรายการทีวีต่าง ๆ มากมาย และกลายเป็นบุคคลดังที่สร้างกระแสฟีเวอร์ในเมืองไทยแบบถล่มทลาย เรียกได้ว่าหันซ้าย หันขวา เปิดโซเชียลมีเดีย ตัวไหนก็จะเห็นหน้าและข่าวของ แจ็คสัน หวัง ปรากฏให้เห็นกันตลอดแทบจะ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

มี "กีฬา" อยู่ในทุกช่วงเวลาชีวิต

เห็นทำงานเป็นศิลปินทั้งในนาม GOT7 และศิลปินเดี่ยวแบบนี้ แต่อันที่จริงชีวิตของ แจ็คสัน หวัง ก็ยังผูกพันกับการเล่นกีฬา เพราะอย่างที่รู้กันว่านอกจากเคยเป็นนักกีฬาฟันดาบและมาเปิดคอนเสิร์ตในศึกแดงเดือดที่เมืองไทยแล้ว ชีวิตประจำวันของ แจ็คสัน หวัง ก็ยังเล่นกีฬาเพื่อการออกกำลังกายอยู่เสมอ

ยกตัวอย่างสมัยอยู่ที่ฮ่องกง นอกจากเล่นกีฬาฟันดาบเขายังเคยจับกลุ่มกับเพื่อนสมัยเรียนเล่นบาสเกตบอลยามว่าง ซึ่งก็เพราะบาสเกตบอลด้วยที่ทำให้เขาได้พบกับทีมแมวมองของ JYP ที่มาชวนไปออดิชั่นเป็นศิลปิน ขณะที่พอย้ายไปเป็นศิลปินอยู่เกาหลีใต้เขาก็เคยลงแข่งยิงธนูระหว่างไปออกรายการวาไรตี้ของแดนกิมจิ แม้จะยิงไม่เข้าเป้าแต่ก็เรียกเสียงฮาจากคนดูได้เป็นอย่างมาก

ไม่ใช่แค่นั้น ช่วงที่ แจ็คสัน หวัง มาปฏิบัติภารกิจร่วมงานอีเวนต์ที่เมืองไทย เขายังไปจับกลุ่มเตะฟุตบอลร่วมกับศิลปินชาวไทยยามพักผ่อนจากการทำงาน ซึ่งก็มีทั้งภาพและคลิปที่เจ้าตัวไล่หวดฟุตบอลอย่างเต็มที่จนเป็นไวรัลบนโลกอินเทอร์เน็ตกันเลยทีเดียว

ทำในสิ่งที่อยากทำโดยไม่ต้องกลัวล้มเหลว

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าชีวิตของ แจ็คสัน หวัง บรรลุเป้าหมายมาแล้วทุกสิ่งทั้งในฐานะตัวแทนนักกีฬาฟันดาบของฮ่องกง ศิลปิน K-POP กับวง GOT7 หรืองานเดี่ยวในนาม "Jackson Wang" ที่กำลังไปได้สวย กับค่ายเพลงที่เขาสร้างขึ้นมาเองอย่าง "Team Wang" อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เขาเชื่อมั่นและอยากบอกต่อกับคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นเหมือนเขาก็คือ "จงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเลือก" และทำให้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าอนาคตข้างหน้าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬาหรือความฝันใด ๆ ที่ตัวเองมี

"ผมรู้ว่ามีหลายคนที่อยากจะมายืนอยู่จุดเดียวกับที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การศึกษา กีฬา หรือโอกาสอะไรต่าง ๆ ทุกสิ่งคืออนาคตอันสดใสที่รอเราอยู่ ซึ่งส่วนตัวผมที่สุดแล้วก็อยากก้าวข้ามความรู้สึกที่อยู่ในใจแล้วบอกตัวเองว่า ผมอยากจะทำมัน"

"จะสำเร็จหรือล้มเหลว อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้ลองทำ" นั่นคือสิ่งที่ แจ็คสัน หวัง อยากบอกทุกคนที่กำลังมีความฝัน ไม่ว่าคุณจะอยากทำหรืออยากเป็นอะไรก็ตาม

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook