"หวยล็อก" ไว้แล้ว.. บิ๊กโฟร์
ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ จาก “บาดแผล” นัดแดงเดือด ที่ยังไม่ทันจางหาย ล่าสุดลิเวอร์พูล บุกพ่ายอาร์เซนอล ย่อยยับ 1-4 จน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยอมยก “ธงขาว” สารภาพบาปจากโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว
ครับ ฟังดู “น่าเศร้า” สำหรับแฟนหงส์แดงซึ่งผมเองก็เป็น 1 ในนั้น และเป็นหนึ่งในคนที่คิดแอบ “ฝันหวาน” กับผลงานสุดยอดในช่วงปีใหม่กระทั่งถึงศึก “แดงดับ” 22 มี.ค. 2558
ลิเวอร์พูล เตะ 10 นัด ชนะ 8 เสมอ 2 ทำผลงานดีที่สุดในตารางก่อนจะโดนเชือด 2-1 ทั้งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คารัง และถูกถลุง 4-1 โดยอาร์เซนอล ถึงเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ไม่นับฟอร์มที่มา “หลุดวง” ในช่วงสำคัญคล้ายๆ ซีซั่นที่ผ่านมา และนักเตะสำคัญ “ติดแบน” พร้อมกัน 3 คน ทั้ง มาร์ติน สเคอร์เทล, เอ็มเร่ ชาน และสตีวี่ เจอร์ราร์ด
หรือจะเป็นข่าวฉาว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง!?
เหลืออีก 7 นัด ตามหลังแมนฯ ซิตี้ แม้จะอยู่อันดับ 5 แต่ก็ไล่ห่างอาร์เซน่อล ในอันดับ 4 ที่เตะน้อยกว่า 1 นัด อยู่ 7 คะแนน และดมตูด แมนฯ ยูไนเต็ด ในอันดับ 3 ถึง 8 คะแนน
ทั้งที่ก่อนเกม “แดงดับ” พลพรรคหงส์แดง มีสิทธิแซงปิศาจแดง ขึ้นอันดับ 4 ด้วยซ้ำ แต่นี่! ห่างมาเพียง 2 เกม
ทุกอย่าง “กลับตาลปัตร” หมดแล้ว!!!
ตรงกันข้าม ทีมที่ผลงานดีที่สุดตอนนี้ (In-form team) ซึ่งชนะมาติดต่อกัน 6 เกมรวด และมีสถิติในบ้านยอดเยี่ยมกระเทียมดอง คือ อาร์เซนอล
ทีมปืนใหญ่ “กระโจน” ขึ้นอันดับ 2 จาก 31 นัดมี 63 คะแนน ตามหลังจ่าฝูง เชลซี ที่เตะน้อยกว่า 1 นัด 7 คะแนน
ฟังดูเหมือน “ห่าง” แต่หากพิจารณาเกมที่เหลือ โดยเฉพาะแมตช์ในบ้าน 26 เม.ย. ที่จะเปิดรังรับมือ เชลซี
ผมมองว่า ชั่วโมงนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะเกมรุกทีมปืนใหญ่กำลัง “เข้าฝัก” โดยเฉพาะ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, อเล็กซิส ซานเชซ และ เมซุต โอซิล
เกมรับที่ได้ ดาวิด ออสปิน่า มาประจำเสายังดูนิ่ง และ “มั่นคง” สร้างความมั่นใจให้เพื่อนร่วมทีมได้ดีเยี่ยม ฉะนั้นอาร์เซนอล จึงน่าจะถือว่ามีซีซั่นที่ได้ “มาตรฐาน” อีกครั้ง
เฉพาะอย่างยิ่งหากป้องกันแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ด้วย!!!
ส่วนประเด็นในส่วน “หัวตาราง” อื่นๆ กลับกลายเป็นว่า แมนฯ ซิตี้ ที่หากบุกชนะคริสตัล พาเลซ ในเกมมันเดย์ไนต์ก็จะแซงกลับอาร์เซนอล ขึ้นรองจ่าฝูง กลับไม่มีใครใส่ใจมากนัก
เพราะแม้มีแต้มมากกว่า หากบวกนัดตกค้าง แต่ความแน่นอนกลับไม่มีเอาเลย ทว่า “ท็อปโฟร์” ยังไงก็ไม่เกินเลย แล้วค่อยไปว่ากันใหม่ซีซั่นหน้า
ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้เป็นรองเพียง อาร์เซนอล กับผลงานที่ดีที่สุดในลีกชั่วโมงนี้ยังคง “ได้เปรียบ” ทีมอื่นๆ ที่มีขุมกำลังที่ดี และกำลังได้ “ระบบการเล่น” ที่ลงตัว
เหมือนลิเวอร์พูลในช่วงก่อนเจอพวกเค้า!
โดยหลังจากแพ้อาร์เซนอล คารัง 1-2 ตกรอบเอฟเอ คัพ และมีความบังเอิญหลายประการเรื่องตัวผู้เล่น เช่น อังเคล ดิ มาเรีย ติดแบนจนต้องหันมาใช้ ฆวน มาต้า
แมนฯ ยูไนเต็ด โดย หลุยส์ ฟาน ฮัล ได้ค้นพบระบบ 4-3-3 ที่หลักๆ แล้วใช้ เวย์น รูนี่ย์ ยืนหัวหอก, ไมเคิล คาร์ริค กลับมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง โยก ดาลี่ย์ บลินด์ ไปเป็นแบ็กซ้าย
ฆวน มาต้า ยืนหน้าฝั่งซ้าย และ มารูยาน เฟลไลนี่ เป็นมิดฟิลด์ตัวรุก
ผลก็คือ ถล่มสเปอร์ส 3-0, เชือดหงส์แดง 2-1 และปราบแอสตัน วิลล่า 3-1 จนผู้คนเลิกพูดเรื่อง “โยนยาว” หากินกับเฟลไลนี่ไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี ระบบการนี้ และตัวผู้เล่น 11 คนแรก ที่ผมเคยเขียนว่า ฟาน ฮัล ได้ค้นพบนักเตะ 11 คนแรก ของตัวเองแล้วจะต้องเจอ แมนฯ ซิตี้ (h), เชลซี (a) และเอฟเวอร์ตัน (a) ติดต่อกันใน 3 ถัดไป
ผมเองไม่คิดว่า แมนฯ ยูฯ จะได้ 9 แต้มเต็ม และอาจมีสิทธิเจอ worst case ไม่ได้สักแต้มเลยก็เป็นไปได้ เพราะเอฟเวอร์ตัน จู่ๆ ก็ฟอร์มกำลังดีขึ้นมา และจะได้เล่นในกูดิสัน ปาร์ค
โดยหาก ลิเวอร์พูล ไม่ไปแพ้อาร์เซนอลแบบหมอไม่รับเย็บ พร้อมปัญหาติดแบน และอื่นๆ ผมยังจะอยากเชื่อว่าปาฏิหาริย์น่าจะมี
เช่นกัน ทีมอันดับ 6 สเปอร์ส ที่ยกตำแหน่งกัปตันทีมให้ แฮร์รี่ เคน กลับได้แค่บุกเจ๊าเบิร์นลี่ย์ 0-0 หรือทีมอันดับ 7 เซาธ์แฮมป์ตันก็บุกพ่ายเอฟเวอร์ตัน 0-1
ดังนั้น คงมองเป็นอื่นยากครับสำหรับ “ท็อป 4” โควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่หวยได้ “ถูกล็อก” ไว้แล้วที่อันดับ 1-4 ในตอนนี้
“ไข่มุกดำ”