ชำแหละ 3 ประเด็นร้อน! หลังจบโคตรเกม กระทิงดุ เจ๊า อินทรีเหล็ก 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม
คืนวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2022
สเปน 1-1 เยอรมนี
สนาม: อัล เบย์ท สเตเดี้ยม
1. เกมสุดมันส์มาตรฐานเต็มบาร์แม้ว่าประเมินด้วยสายตา สเปน จะมีรูปเกมที่เหลื่อมกว่าอยู่บ้างจากโอกาสในการครอบครองบอลที่มีมากกว่า แต่ เยอรมนี ของ ฮันซี ฟลิค ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวทัพ กระทิงดุ แต่อย่างใดจากแนวทางในการเล่นบีบพื้นที่สูง รวมทั้งจัดทัพด้วยตัวผู้เล่นเชิงเทคนิคออกสตาร์ทราวกับจะประกาศกร้าวว่าพวกเขาพร้อมท้าชนเพื่อ 3 คะแนนเต็มในเกมนี้
จังหวะของเกมถูกช่วงชิวด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไล่เรียงตั้งแต่จากทะยานโหม่งบอลสู่ก้นตาข่ายของ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่ถูก วีเออาร์ ริบก่อนที่ อัลบาโร โมราต้า จะอาศัยเหลี่ยมเพียงน้อยนิดสะกิดบอลเป็นประตูเบิกร่อง ตามด้วยประตูตีเสมอของทัพ อินทรีเหล็ก จากจังหวะถูก จามาล มูเซียลา กับ นิคลาส ฟัลครุก รุมกินโต๊ะเผาเครื่อง โรดรี
2. โมราต้า-ฟัลครุก สำรองเปลี่ยนเกมสเปน ได้ประตูขึ้นนำจาก โมราต้า ชนิดที่มาจากช็อตที่เจ้าตัวเคลื่อนที่เข้าไปตัดหน้าแนวรับ เยอรมนี ชาร์จบอลด้วยข้างเท้าด้านนอกตามสัญชาตญาณกองหน้าแบบที่มีเขาเพียงรายเดียวในทีมชาติ สเปน ชุดนี้ที่โดดเด่นในการจบสกอร์ลักษณะดังกล่าว
ให้หลังจากที่ เยอรมนี เสียประตูไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็ตอบโต้ด้วยการส่ง เลรอย ซาเน ที่ยังไม่ฟิตเต็มถังนักลงกระชากลากเลื้อยทลายโซนแนวรับของ สเปน โดยมี นิคลาส ฟัลครุก กองหน้าตัวเป้าประเภทเดียวกับ โมราต้า ลงมาเป็นความหวังในการจบสกอร์ ก่อนที่ดาวยิงจาก แวร์เดอร์ เบรเมน จะตอบแทนความไว้วางใจด้วยการซัดประตูตีเสมอสำเร็จ
3. ลุ้นหนักนัดสุดท้ายกลุ่มอี
ผลจากการเสมอในเกมนี้ทำให้ เยอรมนี (ประตูได้เสีย -1) ยังคงมีโอกาสลุ้นเข้ารอบโดยเกมสุดท้ายของพวกเขาคือการวัดกับ คอสตาริกา (-6) ชัยชนะในเกมสุดท้ายของทัพ อินทรีเหล็ก จะทำให้พวกเขามี 4 แต้ม ก่อนจะไปลุ้นผลของอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน
ขณะที่ สเปน (+7) จ่าฝูงของกลุ่มอีจะดวลกับ ญี่ปุ่น (0) โดยผลเสมอในเกมนี้เพียงพอจะทำให้ทัพ กระทิงดุ ผ่านเข้ารอบทันทีโดยไม่ต้องสนผลการแข่งขันของอีกคู่ ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นแชมป์ หรือรองแชมป์กลุ่มเท่านั้น