เมื่อ "โคดี กัคโป" อาจไม่ใช่คำตอบที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการ? - [OPINION]
หลังการตกรอบของ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่พ่ายให้กับ ทีมชาติอาร์เจนตินา ในการดวลจุดโทษในรอบควอเตอร์ไฟนอล ศึกฟุตบอลโลก 2022 เมื่อคืนนี้ หนึ่งในผู้เล่นที่จะได้รับความสนใจในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมคงหนีไม่พ้น โคดี กัคโป แนวรุกสารพัดประโยชน์ของ พีเอสวี ไอด์โฮเฟน
จริงอยู่ที่แข้งวัย 23 ปีอาจจะไม่ได้โดดเด่นหรือทำประตูไม่ได้ในเกมล่าสุด แต่กับผลงานที่เขาได้ฝากเอาไว้ใน 4 นัดแรกน่าจะพอเป็นเครื่องการันตีได้ว่าเจ้าตัวจะกลายเป็นผู้เล่นที่เนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งในตลาดปีใหม่อย่างแน่นอน
กัคโป โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น โดยยิงไปทั้งหมด 3 ประตูจาก 5 เกมที่กาตาร์ และเมื่อพูดถึงผลงานกับต้นสังกัดก่อนจะมาบอลโลกเขาก็สร้างชื่อด้วยการยิงไปทั้งหมด 13 ประตูกับ 17 แอสซิสต์ในทุกรายการ ซึ่งมันย่อมทำให้เขากลายเป็นที่หมายปองของหลายๆสโมสร โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีก ที่มีข่าวกันมาตั้งแต่ช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ แต่ก็ยังไม่สบโอกาสในการคว้าตัวมาร่วมทีมได้เสียที
ดังนั้น ในตลาดหน้าหนาวที่กำลังจะเปิดทำการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า พีเอสวี ก็รู้ดีว่าพวกเขาคงไม่สามารถรั้งตัวแนวรุกรายนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป การทำกำไรจากการขายออกไปจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในขณะเดียวกัน ทีมปีศาจแดงก็กำลังต้องการกองหน้าคนใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ คริสเตียโน โรนัลโด ที่เพิ่งยกเลิกสัญญากันไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนอยู่พอดี
เมื่อความต้องการตรงกัน การค้าขายมันจึงย่อมจะเกิดขึ้น แฟนบอล แมนฯ ยูฯ ส่วนใหญ่เชียร์ให้ทีมรักรีบปิดดีลเซ็น กัคโป โดยด่วน เพราะนี่คือกองหน้าที่พวกเขาต้องการเพื่อต่อยอดในสิ่งที่ เอริค เทน ฮาก กำลังทำอยู่ในขณะนี้ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
หากแต่ก็มีคำถามตามมาว่า เมื่อดูจากสไตล์และแนวทางการเล่นของแข้ง พีเอสวี แล้ว เขาเหมาะสมที่จะถูกจับมายืนเป็นกองหน้าตัวเป้าในระบบ 4-2-3-1 เพื่อแทนที่ โรนัลโด จริงหรือ?
เราไม่ปฏิเสธเรื่องพรสวรรค์ในการยิงประตูของ กัคโป แต่ตำแหน่งที่เจ้าตัวถนัดนั้นจริงๆแล้วคือการเล่นเป็น "ริมเส้นฝั่งซ้าย" เพราะมันทำให้เขาได้รับอิสระในการไปกับบอลและลากตัดเข้ามายิงด้วยเท้าขวาที่เฉียบขาดมากกว่าการไปยืนค้ำในกรอบเขตโทษรอเพื่อนร่วมทีมป้อนบอลมาให้และเข้าฮอร์สผลิตสกอร์
สถิติที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ Transfermarkt บอกเอาไว้ว่า 159 เกมที่ลงเล่นให้กับ พีเอสวี นั้น ดาวเตะดัตช์ลงเล่นในฝั่งซ้ายมากที่สุดถึง 118 นัด ยิงได้ 47 ประตู และทำ 42 แอสซิสต์ ในขณะที่เคยถูกจับโยกมายืนเป็นกองหน้าตัวเป้า 15 นัด ทำได้ 6 ประตู กับ 2 แอสซิสต์
นี่คือความโดดเด่นของ กัคโป ที่ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามอง แต่ตำแหน่งปีกซ้ายที่ว่านี้ ที่ แมนฯ ยูฯ มีเจ้าของเดิมจับจองอยู่แล้ว นั่นคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กำลังฟอร์มเข้าฝัก ไหนจะไอ้หนู อเลฮานโดร การ์นาโช ก็เริ่มฉายแววความเก่งขึ้นมาด้วยเช่นกัน
กลายเป็นว่า หาก เทน ฮาก ทุ่มเงินมหาศาลตามที่ พีเอสวี ตั้งเอาไว้จริง จะทำให้ กัคโป ต้องมาแย่งตำแหน่งกับเจ้าของเดิม 2 รายแรกอย่างนั้นหรือ?
อันที่จริงเรื่องนี้เคยมีคนออกมาเตือนไว้ก่อนหน้านี้เหมือนกัน โดย โรบิน ฟาน เพอร์ซี อดีตกองหน้าตีนระเบิดของ อาร์เซนอล และ แมนฯ ยูไนเต็ด พูดถึงสไตล์การเล่นของแข้ง พีเอสวี ไว้อย่างน่าสนใจตอนที่กำลังมีข่าวจะย้ายมายังถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อช่วงต้นฤดูกาลว่า
"เขาไม่ใช่กองหน้าแท้ๆ เขาสามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง ทั้งหมายเลข 10, ปีกซ้าย, กองหน้าตัวหลอก แม้กระทั่งปีกขวา เขาเล่นได้ถึง 4 ตำแหน่งในแดนหน้า เขามีสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม แข็งแกร่ง มีความเร็ว ไปกับบอลได้ดี เขาคือนักเตะที่เล่นได้หลากหลายสไตล์"
ยิ่งเมื่อมองมายังแผนการเล่นของ เทน ฮาก เขามักใช้งาน อ็องโตนี มาร์กซิยาล เป็นกองหน้าตัวเป้าแบบดั้งเดิมที่รอโอกาสในกรอบเขตโทษ หรือถ้าจะมองให้เห็นภาพก็คือกองหน้าหมายเลข 9 เช่นเดียวกับ คริสเตียโน โรนัลโด
ดังนั้น เมื่อสตาร์เฟรนช์แมนได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งการยกเลิกสัญญากับแข้งจอมเก๋าวัย 37 ปี สิ่งที่กุนซือชาวดัตช์ต้องการจริงๆก็คือ กองหน้าคนใหม่ที่มีพลังในการถล่มตาข่ายและสร้างความอันตรายในกรอบเขตโทษ ไม่ใช่ริมเส้นฝั่งซ้ายอย่างที่ กัคโป ถนัด
จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่เหมือนกันว่า หาก แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจทุ่มเงินมหาศาลดึงดาวยิงวัย 23 ปีมาร่วมทีม และให้ลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า แล้วผลงานจะออกมาอย่างไร ไหนจะความกดดันก้อนมหึมาในฐานะความหวังใหม่ในการพังประตูที่เจ้าตัวต้องรับมืออีกต่างหาก
หากมันเวิร์กก็ดีไป แต่หากไม่เป็นอย่างที่คิด มันอาจไม่ใช่แค่สโมสรที่เสียหาย แต่ตัวนักเตะเองก็เสี่ยงที่จะเสียอนาคตไปเลยก็ได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้จัดการทีมเป็นสำคัญว่าต้องการนักเตะจริงหรือไม่ มีแผนที่จะใช้งานอย่างไร และต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง
แฟนบอลปีศาจแดงคงต้องรอลุ้นกันต่อไปและก็หวังว่าทุกอย่างจะลงตัว พวกเขาจะได้กลับมาสัมผัสกับความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมเสียที