แบบนี้โอเคมั้ย? "ฮุน เซน" ผุดแนวคิดรวม "กุน แขมร์" กับ "มวยไทย" ขึ้นทะเบียนร่วมกัน (ภาพ)
ยังคงเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 ซึ่งทางประเทศกัมพูชา เจ้าภาพยังแสดงจุดยืนว่าจะจัดการแข่งขัน "กุน แขมร์" ที่ถือเป็นกีฬาประจำชาติของพวกเขาแทนการใช้ชื่อ "มวยไทย" ที่ทั่วโลกให้การยอมรับในการแข่งขันครั้งนี้
ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนมวยชาวไทย รวมทั้ง สหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (IFMA) ที่ก็ออกมาขัดค้าน และประกาศสั่งแบนทุกชาติหากเข้าร่วมในการแข่งขันเนื่องจากผิดกฎของสหพันธ์
โดย สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองชาติยุติความขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่าน พร้อมชี้ว่ามันเป็นปัญหาที่กีฬาดังกล่าวมีต้นกำเนิดจากวัฒนธรรมเขมร ขณะที่ทางไทยก็อ้างว่าเป็นของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ผู้นำกัมพูชา ชี้ว่าเพื่อนบ้านทั้งสองไม่ควรเสียเลือดเนื้อกับเรื่องแบนนี้ "พวกเราควรมีความสามัคคี ถ้าซีเกมส์จัดที่กัมพูชา คิกบ็อกซิ่ง ก็ต้องเรียกว่า กุน แขมร์ และถ้าจัดที่ไทยก็ต้องเรียกว่า มวยไทย" ฮุน เซน กล่าว Khmer Times สื่อในบ้านเกิด
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังเสนอแผนในอนาคตว่าทั้งสองประเทศควรที่หันมาพูดคุยกันเพื่อรวมกีฬาทั้งสองเข้าด้วยกัน และเสนอให้ ยูเนสโก (Unesco) รับรองกีฬาคิกบ็อกซิ่ง ให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ร่วมกันมากกว่า
"ผมอยากเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ มันจะเป็นความขัดแย้งที่ไม่จบสิ้น แน่นอนเรารู้ว่ามีภาพศิลปะป้องกันตัวจริงๆ ในนครวัดของเรา แต่ในจุดนี้เราอยากเจรจากับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางจดทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกัน และเพื่อขึ้นทะเบียนแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก"
"แต่แน่นอนบางประเด็นเราไม่สามารถยอมได้เช่น ระบำอัปสรา, รำยาว และโบกาตอร์ ซึ่งเราได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปแล้ว และไม่สามารถขึ้นทะเบียนร่วมกันได้ แต่ในส่วนของประเด็นศิลปะการต่อสู้ เราต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ดังนั้นหวังว่า กัมพูชา, ไทย, ลาว และเมียนมา จะพิจารณาเรื่องนี้ด้วยกัน"
"อย่างไรก็ตามหากแข่งขันที่ประเทศของใครก็เรียกชื่อตามประเทศนั้น เราสามารถหาทางประนีประนอมได้ ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นจะต้องต่อสู้เพื่อกรรมสิทธิ์เพียงชาติเดียว นี่เป็นเพียงแนวคิดของผมที่อยากจะไกล่เกลี่ยไม่ให้เกิดความขัดแย้ง" สมเด็จ ฮุน เซน กล่าว
สำหรับ กัมพูชา เตรียมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 64 ปี ที่พวกเขาได้จัดการแข่งขันใหญ่ในระดับนานาชาติ และจะมีการแข่งขันกันทั้งหมด 36 ชนิดกีฬา ชิงชัยกัน 608 เหรียญทอง ถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาอาเซียน
อัลบั้มภาพ 26 ภาพ