ถามใจคนเคยแพ้ ทำไม "เดอ ลา โฮย่า-ฮัตตัน" จึงเห็นพ้อง "ฟลอยด์" จะชนะ "ปาเกียว"?
"ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า" เป็นหนึ่งในห้านักนักมวยที่เคยขึ้นชกกับทั้งฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ และแมนนี่ ปาเกียว ซึ่งปรากฏว่าเขาตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่ยอดนักชกรุ่นน้องทั้งคู่
เดอ ลา โฮยา ขึ้นชกกับฟลอยด์ โดยมีเทรนเนอร์เป็นเฟรดดี้ โรช ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ฝึกสอนของปาเกียว เป็นฝ่าย "เดอะ โกลเด้น บอย" ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในครึ่งทางแรก แต่หลังจากนั้น เมย์เวทเธอร์เริ่มหยุดการใช้หมัดแย็บอันทรงประสิทธิภาพของเขาได้ ก่อนที่ฟลอยด์จะเป็นฝ่ายได้รับการตัดสินให้ชนะคะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์
ขณะที่การพ่ายแพ้แก่ปาเกียวอย่างหมดสภาพด้วยการไม่ยอมออกจากมุมหลังการชกดำเนินไป 8 ยก ส่งผลให้เดอ ลา โฮย่า ตัดสินยุติอาชีพนักชกของตนเอง
ล่าสุด เดอ ลา โฮย่า เขียนบทความเผยแพร่ในแอลเอ ไทม์ส เพื่อวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของผลการชกศึกซูเปอร์ไฟต์ระหว่างเมย์เวทเธอร์กับปาเกียว ที่จะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
อดีตยอดนักชกระบุว่า ความปรารถนาที่จะได้รับชัยชนะของฟลอยด์และปาเกียว ทำให้ทั้งคู่มีความแตกต่างจากนักมวยทั่วไป
สำหรับปาเกียว ความปรารถนาซึ่งชัยชนะของเขา วางฐานอยู่บนแนวคิดเรื่องความแข็งแรง สภาพร่างกายที่พร้อม และหัวจิตหัวใจอันเข้มแข็ง ปาเกียวต้องการพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า เขาดีกว่าคู่ต่อสู้ ในเชิงกายภาพ
แต่สำหรับเมย์เวทเธอร์ ความปรารถนาไขว่คว้าชัยชนะของเขา กลับวางฐานอยู่บนแนวคิดที่ว่า ทำอย่างไร เขาจึงจะสอนมวยคู่แข่งได้อย่างขาดลอย ทำอย่างไร เขาจึงจะฉลาดเฉลียวเหนือกว่าคู่แข่ง ฟลอยด์ไม่ได้หวังจะไล่ยำคู่ต่อสู้ด้วยการใช้กำลัง เขาเพียงแค่จะโชว์ว่าตนเองเหนือกว่านักมวยคนอื่นๆ ในเชิงความคิด
เดอ ลา โฮย่า ย้อนอดีตถึงเกมการชกระหว่างตนเองกับเมย์เวทเธอร์ว่า ผมต้องให้เครดิตกับฟลอยด์ ที่เขาสามารถอ่านเกมการชกใน 8 ยกแรก ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ตอนนั้น ผมเป็นเหมือนพญาราชสีห์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล และเมื่อมันถูกทิ้งไว้กลางป่า มันก็จะหาอาหารกินเองไม่ได้ จนตัวแห้งตายในท้ายที่สุด ฟลอยด์รู้วิธีที่จะทำให้ผมแห้งตายเหมือนพญาราชสีห์ตัวนั้น เมื่อเขาสามารถป้องกันไม่ให้หมัดแย็บ ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของผม ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกอย่างก็เข้าทางเขา
ตอนนั้น ผมอายุ 34 ฟลอยด์ล่อให้ผมออกหมัดจนหมดแรง ผ่านทักษะการป้องกันตัวอันยอดเยี่ยมของเขา คุณอาจต่อยเขาโดน แต่สิ่งที่คุณต่อยโดนมันเป็นเพียงแค่แขนกับนวม และเมื่อคุณแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมา เขาก็จะจัดการเผด็จศึกคุณในยกที่เหลือ
สำหรับเดอ ลา โฮย่า ฟลอยด์เป็นคนที่มีพลังแฝงเร้นบางอย่าง พลังที่ว่าไม่สามารถน็อคคุณได้ ไม่สามารถแม้กระทั่งทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวด แต่มันสามารถทำให้คุณคาดการณ์ไม่ถึง มันสามารถลอบทำร้ายคุณได้โดยไม่รู้ตัว เห็นได้จากการชนะน็อคครั้งหลังสุดของฟลอยด์ ที่มีต่อ วิคเตอร์ ออร์ทิซ เมื่อปี ค.ศ.2011 หมัดน็อคของฟลอยด์เป็นหมัดที่วิคเตอร์คาดไม่ถึง วิคเตอร์ไม่คาดคิดว่าหมัดนั้นจะถูกฟลอยด์ปล่อยออกมา แล้วทำให้เขาพลาดท่าพ่ายน็อคในท้ายที่สุด
เดอะ โกลเด้น บอย วิเคราะห์ต่อว่า ฟลอยด์ชอบที่จะปล่อยหมัดแย็บใส่บริเวณลำตัวของคู่ต่อสู้ เพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องลดแขนขวาลงมาป้องกันลำตัว ก่อนที่เขาจะโจมตีใส่ปลายคางของคุณ
หมัดชุดของฟลอยด์จะเริ่มต้นด้วยการแย็บใส่ลำตัวเพื่อหลอกคุณจากนั้น เขาจึงจะปล่อยหมัดฮุคซ้ายตามออกมา แม้แต่เดอ ลา โฮย่า เอง ก็เคยถูกสอนให้ใช้หมัดชุดเช่นนี้จากอดีตเทรนเนอร์ของเขา ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ซีเนียร์ ซึ่งเป็นพ่อและโค้ชของฟลอยด์นั่นเอง
คำถามต่อมาก็คือ พิษสงเช่นนั้นของฟลอยด์ เพียงพอหรือยังที่จะเอาชนะปาเกียว ผู้มีจุดเด่นอยู่ที่การปล่อยหมัดรัวจนนับไม่ถ้วน?
เดอ ลา โฮย่า เปรียบเทียบว่าปาเกียวเป็นเหมือนแมลงวันที่คุณไม่สามารถปัดไล่ออกไปได้ ดูเหมือนว่าเขาจะปล่อยหมัดใส่ผมเป็นหลักพันหมัดได้ แล้วผมก็ไม่สามารถปัดป้องขับไล่ให้เขาถอยหนีออกไปได้ หมัดของปาเกียวไม่สามารถทำให้ผมเจ็บปวด คางของผมหินพอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกพะวงก็คือ คำถามในใจที่ว่า เมื่อไหร่นาย (ปาเกียว) จะหยุดออกหมัดซะทีวะ?
อย่างไรก็ตาม เดอ ลา โฮย่า เผยเบื้องหลังว่า ก่อนหน้าจะขึ้นชกกับปาเกียวนั้น เขามีสภาพเหมือนคนตายที่เดินได้ เนื่องจากต้องลดน้ำหนักอย่างหนักให้สามารถชกในพิกัด 147 ปอนด์ ก่อนหน้าการชก 1 เดือน น้ำหนักของเขาลดลงไปเหลือ 140 ปอนด์ ซึ่งเป็นน้ำหนักที่น้อยมากสำหรับคนวัย 35 ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้เดอ ลา โฮย่า ไม่สามารถต่อกรกับปาเกียวบนเวทีได้เลย เพราะเขาหมดสภาพไปตั้งแต่ก่อนขึ้นชกแล้ว
เมื่อให้คาดการณ์ถึงผลการชกของซูเปอร์ไฟต์คู่นี้เดอ ลา โฮย่า เห็นว่า หากปาเกียวอยู่ในสภาพที่ดีพร้อม เกมการชกจะน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้ายอดนักชกฟิลิปปินส์สามารถปล่อยหมัดออกมาได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก็เท่ากับว่าฟลอยด์จะต้องพยายามปัดไล่ป้องกันตัวจากแมลงวันที่น่ารำคาญเป็นเวลายาวนานถึง 12 ยก ถ้ารูปเกมเป็นเช่นนั้น ปาเกียวอาจสร้างความประหลาดใจให้แก่ฟลอยด์ได้
เดอ ลา โฮย่า เป็นอีกหนึ่งคน ที่เทใจเชียร์ปาเกียว แต่คำถามที่เขามีก็คือ ปาเกียวจะสามารถเข้าคลุกวงในเพื่อปล่อยหมัดชุดใส่ฟลอยด์ แล้วหลอกล่อฟลอยด์ให้เลิกชกเกมรับได้หรือไม่?
เพราะถ้าเมย์เวทเธอร์สามารถชกในเกมรับที่ถนัดไปได้เรื่อยๆ มันก็จะกลายเป็นงานง่ายสำหรับเขา ส่งผลให้ซูเปอร์ไฟต์ดังกล่าวกลายเป็นเกมการชกที่สุดแสนจะน่าเบื่อ และก็มีแนวโน้มว่าเมย์เวทเธอร์จะเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย
แต่ถ้าปาเกียวสามารถปล่อยหมัดเด็ดหรือสร้างความหนักใจให้ฟลอยด์ได้ตั้งแต่ 2-3 ยกแรก จนทำให้ยอดนักชกอเมริกันจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เมื่อนั้น เกมการชกก็จะดำเนินไปอย่างสนุกตื่นเต้น
ทั้งหมดนี้ จึงขึ้นอยู่กับแผนการชกของปาเกียวและโรช เพราะถ้าคุณปล่อยให้เมย์เวทเธอร์ชกเกมรับ และฟุตเวิร์คถอยหลังตลอดเวลา เพื่อหลอกล่อให้คุณเดินหน้าเข้าไปหา แล้วค่อยๆ เปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมา ก็จะเป็นฝ่ายปาเกียวเองที่ต้องเจอกับปัญหาใหญ่
เดอ ลา โฮย่า วิเคราะห์ต่อว่า หมัดหนักๆ นั้นทำอะไรเมย์เวทเธอร์ไม่ได้ ซึ่งต้องชื่นชมในการทำงานหนักของฟลอยด์ ดังนั้น จึงเป็นงานยากหากใครคิดจะเอาชนะน็อคเขา แต่ก็ใช่ว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เดอะ โกลเด้น บอย ทิ้งท้ายจากมุมมองของคนทำธุรกิจมวยเอาไว้ว่า สำหรับเหล่านักพนันแล้ว พวกเขาอาจต้องถือหางฟลอยด์ เพราะต้องไม่ลืมว่า ซูเปอร์ไฟต์ครั้งนี้จะมีขึ้นที่ลาสเวกัส บ้านเกิดของฟลอยด์ มีภาพขนาดใหญ่ของฟลอยด์ถูกติดตั้งอยู่ที่โรงแรมเอ็มจีเอ็ม ซึ่งเป็นสังเวียนการชก ดังนั้น ถ้ารูปเกมดำเนินไปอย่างคู่คี่สูสี เมย์เวทเธอร์อาจเป็นฝ่ายได้รับการชูมือ เพราะทุกคนต่างรับรู้กันดีไม่มีปิดลับว่า เกมกีฬาครั้งนี้ มีสถานะเป็นมหกรรมทางธุรกิจขนาดมหึมามหาศาล
ทางด้านสำนักข่าวบีบีซีก็ได้ทำการสัมภาษณ์ "ริคกี้ ฮัตตัน" อดีตนักมวยชื่อดังจากอังกฤษ ที่เคยขึ้นสังเวียนปะหมัดกับทั้งเมย์เวทเธอร์และปาเกียวมาแล้วเช่นกัน
เมื่อปี ค.ศ.2007 ฮัตตัน พร้อมกองเชียร์ชาวสหราชอาณาจักรร่วม 3 หมื่นคน เดินทางไปยังเอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ลาสเวกัส ด้วยความมุ่งมั่น ก่อนที่นักชกอังกฤษจะถูกเมย์เวทเธอร์พิชิตชัยในยกที่ 10
สองปีต่อมา ฮัตตันขึ้นสังเวียนเอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ที่เดิม ก่อนจะตกเป็นฝ่ายพ่ายน็อคแก่ปาเกียวอย่างหมดท่า แค่เพียงยกที่ 2
ซึ่งฮัตตันก็สามารถวิเคราะห์คาดการณ์เกมการชกระหว่างเมย์เวทเธอร์กับปาเกียว ออกมาได้เป็นฉากๆ
ฮัตตันบอกว่า เฟรดดี้ โรช โค้ชของปาเกียว เป็นหนึ่งในเทรนเนอร์บนโลกนี้เพียงไม่กี่คน ที่สามารถวางแผนรับมือเมย์เวทเธอร์ได้ และโรชย่อมรู้ดีว่า ปาเกียวไม่ควรมุ่งมั่นเอาชนะน็อคเมย์เวทเธอร์
อดีตนักมวยอังกฤษขยายความว่า คู่ต่อสู้ทุกคน รวมทั้งตนเอง มักพยายามบุกตะลุยเข้าใส่ฟลอยด์ แต่กลยุทธเช่นนั้นกลับทำให้งานของยอดมวยอเมริกันง่ายขึ้น เพราะยิ่งคุณเดินเข้าหาเขาอย่างทื่อๆ เมย์เวทเธอร์ก็จะยิ่งสามารถเปล่งประกายฟอร์มการชกระดับสุดยอดออกมา
แต่ฮัตตันเชื่อว่า ปาเกียวจะมีความแตกต่างจากคู่ชกที่แล้วๆ มาของเมย์เวทเธอร์ เขาวิเคราะห์ว่านักมวยที่จะเอาชนะฟลอยด์ได้ต้องมีสปีดหมัดและเท้าอันรวดเร็ว และถ้าเราจะหานักชกเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ ที่มีสปีดหมัดทัดเทียมกับเมย์เวทเธอร์ นักมวยคนนั้น ก็คือ ปาเกียว
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงวิเคราะห์ว่า ปาเกียวไม่น่าจะเดินเข้าคลุกวงในกับเมย์เวทเธอร์ ตรงกันข้าม นักชกฟิลิปปินส์น่าจะใช้ความเร็วของตนเองให้เป็นประโยชน์ ผ่านการเคลื่อนที่เข้าใน-ออกนอกอย่างรวดเร็ว, การต่อยแล้วถอยอย่างแคล่วคล่อง และการเน้นออกหมัดตรงมากกว่าใช้หมัดฮุค
ฮัตตันเสนอว่า ปาเกียวควรสู้กับเมย์เวทเธอร์ด้วยแท็คติกเดียวกับที่ยอดมวยฟิลิปปินส์เคยใช้พิชิตเดอ ลา โฮย่า มาแล้ว ซึ่งวิธีการเช่นนั้นต้องอาศัยการทำงานหนักและการขยันออกหมัดเป็นอย่างยิ่ง ทว่า ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ ปาเกียวจะยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ แต่ต้องเคลื่อนไหวตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ทางด้านเมย์เวทเธอร์ที่ได้รับการติวเข้มจากฟลอยด์ซีเนียร์ ผู้เป็นพ่อ มาตั้งแต่เด็ก ก็มีสไตล์การชกเป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน โดยเฉพาะการโชว์ทักษะป้องกันตัวอันยอดเยี่ยม
ฟลอยด์มักปล่อยแขนซ้ายลงสบายๆ แล้วใช้ไหล่บิดโยกไปมาเพื่อป้องกันหมัดของคู่ต่อสู้ เมื่อหมัดคู่ชกกระเด็นกระดอนออกไป เมย์เวทเธอร์ก็จัดการสวนกลับด้วยหมัดขวาของตนเอง
อย่างไรก็ดี ฮัตตันตั้งข้อสังเกตว่ากลยุทธการตั้งรับด้วยการบิดโยกไหล่ของมวยขวาเช่นฟลอยด์อาจประสบปัญหาได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมวยซ้ายอย่างปาเกียว
ฮัตตันเปรียบเทียบประสบการณ์การขึ้นชกกับเมย์เวทเธอร์และปาเกียวให้ฟังว่าเมื่อครั้งเผชิญหน้ากับฟลอยด์ เขาพยายามบุกตะลุยเข้าหาตั้งแต่ยกแรกๆ แต่แล้วกลับพบว่าคู่ต่อสู้สามารถชกวงในได้ดีมากๆ และสามารถใช้ท่อนแขนกับหัวไหล่ป้องกันตัวได้อย่างดีเยี่ยม
พอเริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาในยกท้ายๆเมย์เวทเธอร์ก็จัดการเผด็จศึกฮัตตันลงอย่างราบคาบ ถึงแม้ฟลอยด์จะไม่ใช่มวยหมัดหนัก แต่เขาก็มีทักษะการออกหมัดที่แม่นยำและรู้จังหวะเวลาที่จะโค่นคู่ต่อสู้
เขาน็อคฮัตตันด้วยหมัดที่นักชกอังกฤษมองไม่เห็นว่ามันถูกปล่อยออกมาอย่างไรและเมื่อไหร่
ในทางตรงกันข้ามปาเกียวเป็นมวยหมัดหนักมีประสิทธิภาพทำลายล้างสูงกว่าเมย์เวทเธอร์ การออกอาวุธของเขาเต็มไปด้วยพิษสงอันร้ายกาจ
แม้ในช่วงหลังๆ เราจะไม่ได้เห็นนักชกฟิลิปปินส์น็อคคู่ต่อสู้บ่อยครั้งนัก แต่ฮัตตันแย้งว่า เราต้องพิจารณาผลการแข่งขันดังกล่าวจากสไตล์การชกของคู่ต่อสู้ของปาเกียวด้วย
แน่นอนว่าปาเกียวไม่สามารถไล่ถลุงนักมวยที่มีไหวพริบเฉลียวฉลาดอย่างฮวนมานูเอล มาร์เกซ และ ทิโมธี แบรดลีย์ ลงไปกองกับพื้นเวทีอย่างหมดสภาพได้ แต่ในไฟต์หลังสุด เขาก็สามารถไล่จ้วงคริส อัลจีรี่ ลงไปให้กรรมการนับได้ถึง 6 ครั้ง ก่อนเอาชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย
จากรสนิยมส่วนตัว อดีตนักมวยอังกฤษก็เป็นอีกคนพร้อมจะเทใจเชียร์ปาเกียว ที่เป็นนักมวยขวัญใจมหาชน มีบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตน และมีอารมณ์ขัน ผิดกับเมย์เวทเธอร์ที่ไม่ได้เป็นที่รักใคร่ของสาธารณชนมากนัก เพราะมัวคิดถึงแต่เรื่องชัยชนะและเงินรางวัลส่วนตัว
แต่เมื่อให้คาดการณ์ถึงรูปเกมการชกฮัตตันกลับไม่มั่นใจนักว่า ซูเปอร์ไฟต์คู่นี้จะต่อยกันอย่างเมามันสะใจแฟนมวย
เขามองว่า หากปาเกียวใช้กลยุทธเข้าทำแล้วชิ่งออกอย่างรวดเร็ว ฟลอยด์ก็คงรอเวลาหรือจังหวะฉกฉวยที่จะช่วงชิงความได้เปรียบเช่นกัน ส่งผลให้การต่อสู้ด้วยสองหมัดพลิกผันกลายเป็น "เกมหมากรุก" หักเหลี่ยมเฉือนคมอันซับซ้อน
ปาเกียวมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเอาชนะเมย์เวทเธอร์ทั้งจากองค์ประกอบเรื่องสปีดหมัดและการเป็นนักมวยถนัดซ้าย จึงเป็นที่แน่นอนว่านักชกฟิลิปปินส์จะสร้างปัญหาหนักอกหนักใจให้แก่ฟลอยด์ อย่างที่ยอดมวยอเมริกันไม่เคยพานพบมาก่อน
แต่เมื่อการชกดำเนินไปเรื่อยๆ ฟลอยด์น่าจะอ่านเกมทะลุและเปล่งสุดยอดฟอร์มออกมา ดังเช่นที่เขาสามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การชกของตนเองได้อยู่เสมอ โดยแปรผันตามลักษณะของคู่ชกบนเวทีที่เปลี่ยนแปลงไป กระทั่งพบพานชัยชนะในตลอดชีวิตการชกมวยอาชีพ
นี่เป็นเหตุผลซึ่งทำให้ในท้ายที่สุดแล้ว ฮัตตันเลือกพยากรณ์ว่า เมย์เวทเธอร์น่าจะเป็นฝ่ายเอาชนะปาเกียวไปได้อย่างสูสี