หลากหลายสิ่งที่ "ลิโอเนล เมสซี่" เตรียมต้องเจอ ในฐานะแข้งใหม่ อินเตอร์ ไมอามี่ - FEATURE
เป็นเรื่องจริงที่ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ หรือ MLS สหรัฐอเมริกา ห่างหายจากการรับรู้ของเราท่านมาได้พักใหญ่ เมื่อลีกแดนลุงแซมไม่ได้คว้าแข้งดาวดังเข้าประดับลีกสักเท่าไหร่ในช่วงหลายปีหลัง ตัวแรงอย่าง เวย์น รูนี่ย์ ก็กลายเป็นกุนซือเต็มตัวไปแล้ว
แต่ด้วยการมาของ ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ระดับตัวท็อปโลก ก็ทำให้ MLS จะกลับมาอยู่ในสายตาของเราอีกครั้ง
และอะไรเหล่านี้คือหลากหลายสิ่งที่ เมสซี่ เตรียมต้องเจอ ในฐานะสมาชิกใหม่ของ อินเตอร์ ไมอามี่
A Little Barcelona
แม้ไม่ได้พูดออกมาชัดๆ แต่แนวทางที่ เดวิด เบ็คแฮม และเพื่อนผู้ถือหุ้น (ฮอร์เก้ มาส, โฮเซ่ มาส) พยายามติดตั้งให้สโมสรอายุ 5 ปีครึ่งอย่าง Club Internacional de Futbol Miami หรือ อินเตอร์ ไมอามี่ ก็ดูเหมือนจะเป็นการสร้างให้เกิด "ภาพจำลองของ บาร์เซโลน่า" ขึ้นที่นี่
เพราะหลังจากเสียเวลากับโค้ชผู้เข็นไม่ขึ้น (แต่ดันสนิทกับ เบ็คแฮม) อย่าง ฟิล เนวิลล์ อยู่นาน โค้ชใหม่ที่บอร์ดจิ้มเลือกให้มาทำหน้าที่แทน ก็คือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่ กุนซือรุ่นใหญ่ชาวอาร์เจนไตน์ วัย 60 ที่ผ่านงานทำทีมมาแล้วกับนับสิบสโมสร เช่นเดียวกับเข้าคุมทีมชาติ อาร์เจนติน่า (2014-2016) และ เม็กซิโก (2019-2022) ในช่วงทศวรรษหลัง
การมาของ ตาต้า มาร์ติโน่ ยังมาอย่างมี "นัยสำคัญ" เมื่อ 2 ลูกทีมใหม่ที่ตบเท้าก้าวตามหลังเข้ามาสู่ DRV PNK สเตเดี้ยม ก็คือคนที่มี "ดีเอ็นเอของบาร์ซ่า" อย่างแข้มแข็งเต็มเหยียดอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์
เมสซี่ : ก่อนจะโผไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อย่างช็อกวงการ เมสซี่ คือผู้ทำลายและถือครองแทบทุกสถิติของสโมสร บาร์ซ่า (ยกเว้นแค่สถิติทำคลีนชีต) โดยเฉพาะสถิติจำนวนเกมและประตูที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ หลังลงสนาม 778 นัด ซัดไป 672 ประตู ระหว่างปี 2004-2021
บุสเก็ตส์ : หลังก้มหน้าก้มตารับใช้ทีมมา 15 ปีเต็มในชุดใหญ่ บวกกับอีก 2-3 ปีใน ลา มาเซีย และสะสมสถิติลงสนาม 722 นัด สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของ บาร์ซ่า ก็ถึงคราวเปิดประตูรับความท้าทายใหม่ในซัมเมอร์นี้ และมุ่งหน้ามาสวมชุดชมพูดำ เพื่อรียูเนี่ยนกับ เมสซี่
สำคัญคือ ทั้ง มาร์ติโน่ & บุสเก็ตส์ & เมสซี่ ต่างก็เคยร่วมงานกันมาแล้วที่ คัมป์ นู ในซีซั่น 2013/14 ที่ซึ่ง บาร์ซ่า ปีนั้น พลาดแชมป์ ลา ลีกา แค่หวุดหวิดเฉียดฉิว ด้วยการสะดุดเสมอรวดใน 3 เกมสุดท้าย จนโดน แอตเลติโก มาดริด ปาดหน้าคว้าโทรฟี่ไปครองอย่างอุกอาจ มีแต้มเหนือ บาร์ซ่า แค่ 3 คะแนน (ส่วน โกปา เดล เรย์ ก็แพ้ เรอัล มาดริด นัดชิง ด้วยประตูประวัติศาสตร์ของ แกเร็ธ เบล ลูกนั้นแหละ)
ตลกดีเหมือนกันว่า สิบปีต่อมา 1 เจ้านายกับ 2 ลูกน้องแห่ง บาร์ซ่า จะได้มาจอยกันอีกครั้งที่แดนลุงแซม
ยังมีใครพอคุ้นชื่ออีก?
นอกจาก 1 กุนซือใหม่และ 2 สมาชิกใหม่ระดับซุปตาร์อย่าง เมสซี่ & บุสเก็ตส์ แล้ว นี่คือเพื่อนใหม่บางรายที่อยู่มาก่อนใน DRV PNK สเตเดี้ยม
• ดีอันเดร เยดลิน
เซนเตอร์แบ็กทีมชาติสหรัฐอเมริกา วัย 30 เคยถูกคว้าไปอยู่ สเปอร์ส ก่อนไปสร้างชื่อกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยาวนาน 4 ปี กระทั่งย้ายจาก กาลาตาซาราย กลับบ้านเกิดในซีซั่นที่แล้ว 2022
• เซอร์เก คริฟท์ซอฟ
กองหลังยูเครนตัวเก๋าวัย 32 อยู่กับ ชัคตาร์ โดเนทส์ค ยาวนานเกินสิบปี ก่อนย้ายมา อินเตอร์ ไมอามี่ เมื่อต้นปี
• ฟรังโก เนกรี
วิงแบ็กอาร์เจนติน่า อยู่กับหลายทีมในบ้านเกิด ก่อนย้ายจาก โกดอย ครูซ มาที่นี่ ปีนี้
• โรเบิร์ต เทย์เลอร์
โตที่อังกฤษ แต่เป็นตัวทีมชาติฟินแลนด์ และมีเส้นทางพเนจรใช่ย่อย อยู่มาแล้วเป็นสิบทีมในตอนนี้ที่อายุ 28 โดยถูก อินเตอร์ ไมอามี่ คว้ามาจาก เอสเค บรานน์ ในนอร์เวย์
• เลโอนาร์โด้ คัมปาย่า
หอกดาวรุ่งเอกวาดอร์วัย 22 เคยถูกดึงไป วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส แต่ไม่เคยได้เล่นทีมชุดใหญ่ ก่อน อินเตอร์ ไมอามี่ ยืมใช้ ยิงไป 12 ประตูซีซั่นก่อน ทำให้ถูกซื้อขาดในที่สุด
• โจเซฟ มาร์ติเนซ
หัวหอกคนดังของ เวเนซุเอล่า ที่เล่นทีมชาติไปแล้ว 63 นัด สร้างชื่อกับ แอตแลนต้า ยูไนเต็ด อยู่นาน 2017-2022 (111 ประตูใน 6 ปี) ก่อนย้ายมาที่นี่ และยิงไปแล้ว 6 ลูก นำดาวซัลโวของทีมอยู่
อาจน่าเสียดายอยู่เล็กๆ ที่ เมสซี่ & บุสเก็ตส์ มาไม่ทัน กอนซาโล่ อิกวาอิน ตำนานดาวยิงอาร์เจนไตน์ (และ เรอัล มาดริด) ซึ่งตัดใจแขวนสตั๊ดไปเสียก่อนในวัย 35 ภายหลังจบซีซั่นที่แล้ว 2022
เพียงแต่ถ้าตามกระแสข่าว ก็น่าลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะยังมีดาวดังฟรีเอเยนต์ที่ถูกคว้ามายัง อินเตอร์ ไมอามี่ เพิ่มอีก อาทิ เซร์คิโอ รามอส, จอร์ดี้ อัลบา, เอแด็น อาซาร์ หรือกระทั่ง อันเดรส อิเนียสต้า
อมบ๊วยแก้มตุ่ย
อย่างที่ว่า อินเตอร์ ไมอามี่ มัวแต่เสียเวลากับ ฟิล เนวิลล์ อย่างไม่เข้าท่า จนกลายเป็นตลกร้ายของทั้ง มาร์ติโน่ & บุสเก็ตส์ & เมสซี่ ว่าจู่ๆ ก็ได้มายังทีมที่เป็น "บ๊วย" ของ MLS เสียเฉยๆ
ซีซั่น 2023 นี้ที่ดำเนินมาแล้วเกินครึ่งทาง อันที่จริง "เดอะ แบล็คพิงค์" (ที่โรมรัน MLS เป็นปีที่ 4) ก็เริ่มต้นได้สวยเลย ชนะ ซีเอฟ มอนทรีอัล 2-0 ต่อด้วยชนะ ฟิลาเดลเฟีย ยูเนียน 2-0
แต่หลังจากนั้น เหมือนกินยาผิดสำแดง แพ้รวด 6 นัดติดต่อกันแบบยิงใครไม่ได้ถึง 5 เกม
ช่วง เม.ย. - พ.ค. ฮึดขึ้นชนะ 3 เกมรวด แต่นั่นก็กลายเป็นเสียงเฮสุดท้ายจนวันนี้ ที่แพ้ถึง 8 เกม และเสมอ 3 นัด
- แพ้ แนชวิลล์ เอสซี 1-2
แพ้ ออร์แลนโด้ ซิตี้ 1-3
แพ้ ซีเอฟ มอนทรีอัล 0-1
แพ้ นิวยอร์ก เร้ดบูลล์ส 0-1
แพ้ ดี.ซี. ยูไนเต็ด 1-2
แพ้ นิว อิงแลนด์ เรฟโวลูชั่น 1-3
แพ้ ฟิลาเดลเฟีย ยูเนียน 1-4
เสมอ ออสติน เอฟซี 1-1
เสมอ โคลัมบัส ครูว์ 2-2
เสมอ ดี.ซี. ยูไนเต็ด 2-2
แพ้ เซนต์ หลุยส์ ซิตี้ เอสซี 0-3
ทั้งที่ผลงานแย่ขนาดนี้ หลุดลงมารั้งบ๊วยของโซนตะวันออก MLS Eastern Conference (เช่นเดียวกับเป็นบ๊วยในตารางรวม Overall table) แบบนี้ แต่เสี่ยเบ็คส์เพิ่งจะทำใจสั่งเด้ง ฟิล เนวิลล์ พ้นเก้าอี้ได้เมื่อ 1 มิ.ย. เท่านั้น และดันโค้ชทีมเยาวชน ฮาเวียร์ โมราเลส ขึ้นรักษาการคุมทีม
และกว่าที่จะได้ตัว เคราร์โด้ มาร์ติโน่ มาเริ่มทำหน้าที่ในฐานะกุนซือถาวรคนใหม่ ก็เพิ่งเมื่อ 10 ก.ค. ที่ผ่านมานี่เอง
อย่างไรก็ตาม โชคยังเป็นของ อินเตอร์ ไมอามี่ (และคงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงนิ่งนอนใจกับ ฟิล เนวิลล์ แบบไม่ทุกข์ร้อน) ว่าที่นี่ MLS "ไม่มีตกชั้น" ไม่มีการคัดเอาบ๊วยหรือรองบ๊วยหรือใครทั้งสิ้น ตกไปอยู่ดิวิชั่นรอง การเพิ่มหรือลดจำนวนทีมใน MLS จำกัดอยู่ที่เพียงการซื้อแฟรนไชส์และเข้าคิวใช้สิทธิ์เท่านั้น
ต่อให้จะแพ้รวดอีกตลอด 12 เกมสุดท้ายที่ยังเหลือ โดนยิงนัดละ 10 ลูก และดิ้นไม่พ้นการจบอันดับ 15 โซนตะวันออก ก็ไม่ได้มีส่งผลเสียอะไรทั้งสิ้น -- ซีซั่นหน้า 2024 อินเตอร์ ไมอามี่ ก็จะยังลงเล่นใน MLS อยู่ต่อไปตามปกติ
ข้อเสียอย่างเดียวของการจบอันดับต่ำ คือการไม่ได้ไปต่อในรอบชิงแชมป์ MLS Cup Playoffs หรือพลาดโควตา CONCACAF Champions Cup เท่านั้นเอง
(สำหรับนาทีนี้ เอฟซี ซินซินเนติ นำโด่งเป็นจ่าฝูงโซนตะวันออก ชนิดไม่น่าพลาดจบที่ 1 แต่เมื่อไปต่อรอบชิงแชมป์แล้ว ก็ค่อยว่ากันอีกที)
ประเดิมที่บอลถ้วย
อินเตอร์ ไมอามี่ ยืนยันไว้เองในการเผยข่าวเปิดตัว เมสซี่ วันก่อนว่า แมตช์แรกที่ยอดแข้งวัย 36 มีโอกาสจะได้ประเดิมสนามกับพวกเขา คือเกม ลีกส์ คัพ รอบแบ่งกลุ่ม ที่จะพบกับ ครูซ อาซูล ของเม็กซิโก ศุกร์นี้ 21 ก.ค. หรือนัดถัดไปในถ้วยเดียวกันนี้กับ แอตแลนต้า ยูไนเต็ด 25 ก.ค.
สำหรับ ลีกส์ คัพ (Leagues Cup) คือถ้วยใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นแข่งขันกันมาเป็นปีที่ 3 เท่านั้น เป็นการจับมือกันระหว่าง MLS กับสหพันธ์ฟุตบอลเม็กซิโก จัดเป็นบอลถ้วยในลักษณะคล้ายๆ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขึ้น ระหว่างทีม MLS กับ Liga MX เม็กซิโก สองชาติเท่านั้น
ลีกส์ คัพ 2023 มีทีมเข้าร่วมมากถึง 47 ราย (29 สหรัฐฯ 18 เม็กซิโก) แบ่งออกเป็น 15 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม คัดเอา 2 อันดับแรกเข้ารอบน็อกเอาต์ 32 ทีม (แอลเอ เอฟซี กับ ปาชูก้า ได้บายเข้ารอบ 32 ทีม) จากนั้นก็คัดออกคัดเข้ากันไปตามสเต็ปฟุตบอลน็อกเอาต์สากล
ทีมแชมป์ นอกจากจะได้เงินรางวัลก้อนย่อมๆ แล้ว ก็จะได้ตีตั๋วเข้าเล่นศึกชิงแชมป์สโมสรคอนคาเคฟ CONCACAF Champions Cup โดยได้ไปทั้งแชมป์, รองแชมป์ และอันดับ 3
ในส่วนของ อินเตอร์ ไมอามี่ อยู่ร่วมกลุ่มกับ ครูซ อาซูล และ แอตแลนต้า ยูไนเต็ด อย่างที่ว่าไป ซึ่งจะเล่นในระบบเจอกันนัดเดียว ไม่มีเหย้าเยือนเหมือนถ้วยอื่น
การมาของ ลีกส์ คัพ ทำให้ MLS สั่งเบรคเว้นช่วงกลางซีซั่นเพื่อให้ทุกทีมไปลงเล่นรายการที่ว่านี้ เกือบๆ 1 เดือนเต็ม เช่นในราย อินเตอร์ ไมอามี่ ลงเล่นนัดล่าสุดแพ้ เซนต์ หลุยส์ ซิตี้ เอสซี 0-3 เมื่อ 15 ก.ค. และจะกลับมาเตะอีกทีพบ ชาร์ล็อตต์ เอฟซี 20 ส.ค. เลย
นอกจากนั้น อินเตอร์ ไมอามี่ ยังอยู่ในรายการ ยูเอส โอเพ่น คัพ (U.S. Open Cup) ซึ่งเป็นบอลน็อกเอาต์เก่าแก่ในประเทศ ลักษณะเดียวกับ เอฟเอ คัพ โดยที่ทีมของเสี่ยเบ็คส์ไปไกลทีเดียวในปีนี้ เข้าถึงรอบตัดเชือกแล้ว ซึ่งจะพบกับ เอฟซี ซินซินเนติ 23 ส.ค.
ถ้ายังผ่านได้ จะนับเป็นหนแรกสุดที่ อินเตอร์ ไมอามี่ ได้เล่นบอลถ้วยนัดชิง โดยจะชิงแชมป์กับผู้ชนะของคู่ระหว่าง ฮูสตัน ไดนาโม กับ รีล ซอลท์ เลค
ที่นี่ไม่มี "เจ้าที่เจ้าทาง"
แง่หนึ่งคือ MLS ไม่มีการคัดทิ้งทีมตกชั้น และแง่หนึ่งก็คือ หากตั้งหลักปักฐานได้ดี หาจุดเปลี่ยนฟอร์มการเล่นที่ดีเจอ อินเตอร์ ไมอามี่ ก็ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคตได้
นั่นเพราะที่ลีกแห่งนี้ไม่ได้มี "เจ้าที่เจ้าทาง" ผู้ที่จะครองความยิ่งใหญ่เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว เป็นลีกที่หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันเชยชมความสำเร็จอย่างแท้จริง และยังพบว่า ในตลอดระยะ 1 ทศวรรษหลัง ไม่มีสโมสรใดทั้งสิ้นที่สามารถป้องกันแชมป์ MLS Cup ได้ -- ล่าสุดคือ แอลเอ แกแล็กซี่ ช่วงปี 2011 และ 2012 ยุค เดวิด เบ็คแฮม ยังโลดแล่นพร้อมเพื่อนอย่าง ร็อบบี้ คีน & แลนดอน โดโนแวน โน่นเลย (เธียร์รี่ อองรี ก็ยังอยู่ที่ นิวยอร์ก เร้ดบูลล์ส)
- 2013 สปอร์ติ้ง แคนซัส ซิตี้ (สมัย 2)
2014 แอลเอ แกแล็กซี่ (5)
2015 พอร์ทแลนด์ ทิมเบอร์ส (1)
2016 ซีแอตเทิล ซาวน์เดอร์ส (1)
2017 โตรอนโต้ เอฟซี (1)
2018 แอตแลนต้า ยูไนเต็ด (1)
2019 ซีแอตเทิล ซาวน์เดอร์ส (2)
2020 โคลัมบัส ครูว์ (2)
2021 นิวยอร์ก ซิตี้ (1)
2022 แอลเอ เอฟซี (1)
ภาพที่เกิดขึ้นเหล่านี้ หมายความว่า ทุกทีมมีสิทธิลุ้นความสำเร็จด้วยกันทั้งหมด อยู่ที่ว่าจะทำได้ดีขนาดไหนในซีซั่นนั้นๆ
สำหรับปีนี้ เมสซี่ ที่มาเอาในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของซีซั่น มีหน้าที่แค่ทำความรู้จักกับ อเมริกัน ซอคเกอร์ ให้มากที่สุด และลุ้นความสำเร็จเอาในเกมฉาบฉวยอย่างบอลถ้วย
แต่ปีหน้าและถัดไป เมื่อได้เริ่มกระชากลากเลื้อยและล่าตาข่ายตั้งแต่แรก (พร้อมกับมีแข้งดาวดังถูกเสริมเพิ่มเติมอีก) ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า อินเตอร์ ไมอามี่ ของ เมสซี่ อาจได้เป็นอีกทีมที่ลุ้นแทรกตัวเข้าสู่ทำเนียบแชมป์ MLS