"บาเยิร์น-บาร์ซ่า" เกมวัดใจของเป๊ปและเสือใต้
ในสถานการณ์ ณ เข็มนาฬิกาเดินไป สำหรับแฟนบอลทีมบาเยิร์น มิวนิค พวกเขาอาจตั้งคำถามกับตัวเองด้วยความงุนงงอยู่บ้าง
ทีมอย่างบาเยิร์น มิวนิค ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?
การพ่ายแพ้ 4 นัดติดต่อกันทำให้บรรยากาศในทีม “เสือใต้” ระอุเดือดอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน พวกเขาเพิ่งจะได้ฉลองแชมป์บุนเดสลีกาสมัยที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ภายใต้การนำของโจเซป “เป๊ป” กวาร์ดิโอล่า กุนซือผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุค
เวลานี้เป๊ป กลับตกเป็นข่าวว่า ไม่ได้รับการศรัทธาจากนักเตะในทีมอีกต่อไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้กุนซือเลือดคาตาลันแตกหักกับบุคคลสำคัญของสโมสร “หมอเทวดา” ดร.ฮันส์ มุลเลอร์-โวลฟาร์ท ในเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในทีมอยู่เสมอ ซึ่งกุนซือชาวสเปนมองว่าเป็นปัญหาที่ทำให้ทีมไม่พร้อมสำหรับการสู้ศึกในช่วงปลายฤดูกาล
เสียงวิจารณ์เป๊ปหนักและดังขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนว่ากุนซือผู้นี้กลายเป็นบุคคลที่บาเยิร์นไม่ต้องการไปแล้ว พร้อมกับเริ่มเกิดกระแสข่าวลือสะพัดว่า อาจจะโยกย้ายไปคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทนในฤดูกาลหน้า โดยที่บาเยิร์น อาจได้เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดกุนซือของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มากุมบังเหียนแทน
แต่ก่อนจะไปไกลกว่านี้ทั้งเป๊ป และบาเยิร์น มีภารกิจที่ต้องทำอยู่
จริงอยู่ที่ “ความหวัง” ของพวกเขาแทบไม่เหลือ หลังปราชัยสิ้นสภาพต่อบาร์เซโลน่า ที่คัมป์ นู มาถึง 3-0 โดยที่ทีมของเป๊ป ต้องยอมศิโรราบต่อ “ราชาลูกหนัง” ลิโอเนล เมสซี่ ผู้สร้างความแตกต่างให้กับเกมด้วยพรสวรรค์ที่มหัศจรรย์
อีกทั้งสภาพทีมเวลานี้ก็เต็มไปด้วยปัญหา การขาด “Rob-Bery” อาร์เยน ร็อบเบน และฟรองก์ ริเบรี่ สองสุดยอดปีกของโลก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทีมไม่ต่างอะไรจากเปลี่ยนสภาพ “พยัคฆ์ติดปีก” ให้กลายเป็น “แมวน้อย”
เลวร้ายกว่านั้นคือการที่บาเยิร์น ไม่มีขุมกำลังที่ดีพอจะทดแทนได้ ซึ่งเรื่องนี้ “แดร์ ไกเซอร์” ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ ถึงกับทนไม่ไหวเปิดฉากวิจารณ์ด้วยตัวเอง
แม้กระทั่งไกเซอร์ยังไม่เชื่อว่า ทีมของเขาจะมีความสามารถมากพอที่จะพลิกกลับมาเพื่อเข้าชิงชนะเลิศที่เบอร์ลินได้ เพราะทีมเวลานี้ย่ำแย่ตั้งแต่ขุมกำลัง ฟอร์มการเล่น ไปจนถึงสภาพจิตใจ
แต่ไม่ใช่บาเยิร์น จะลงสนามโดยไม่คิดจะต่อสู้
อย่างน้อยก็เพื่อ “ศักดิ์ศรี” ของตัวเอง ของทีม และของแฟนบอล
ดังนั้นเกมที่อลิอันซ์ อารีน่า คืนนี้ จะเป็นเกมที่บาเยิร์น ลงสนามด้วยความรู้สึกดังกล่าวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองด้วยความคิดที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเข้าชิงได้ แม้พวกเขาจะเคยพลิกสถานการณ์มาได้ในรอบก่อนหน้าเมื่อพลิกกลับมาถล่มปอร์โต้ได้ในบ้านตัวเองจนได้เข้ารอบตัดเชือกมาก็ตาม
เพราะเงื่อนไขนั้นแตกต่าง และระดับของปอร์โต้กับบาร์เซโลน่าก็แตกต่างด้วยเช่นกัน
บาร์เซโลน่า ยามนี้นั้นแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะ 3 ประสานมหัศจรรย์ “MSN” เมสซี่-ซัวเรซ-เนย์มาร์ ที่พร้อมจะบันดาลทุกสิ่งให้เกิดขึ้นได้ในสนาม และไม่น่าจะมีปราการหลังทีมใดในโลกที่สามารถหยุดพวกเขาได้ง่ายๆในเวลานี้
แต่ไม่ใช่บาร์ซ่า ของ “ลูโช่” หลุยส์ เอ็นริเก้ จะไร้ซึ่งจุดอ่อน เกมรับที่เปราะบางและไม่สามารถทานต่อแรงกดดันได้ดีนักอาจเป็นจุดที่บาเยิร์น และเป๊ป จะเล่นงานคืนได้เช่นกันเหมือนที่เคยโดนมาในเกมแรกที่คัมป์ นู บ้านเก่า
ในเกมระดับสูงเช่นนี้ หากจังหวะเป็นใจ ด้วยศักยภาพทีมและผู้เล่น รวมถึงบรรยากาศในอลิอันซ์ อารีน่า
ก็เป็นไปได้ที่จะเกิด “ปาฏิหารย์” ให้เห็น
แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น เป๊ป จำเป็นต้องหาทางออก คิดค้นกลยุทธ์การเล่น หาทางเจาะจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ และปกปิดรอยแผลของทีมที่เผยให้คู่แข่งเห็นในเกมแรก
และสำคัญกว่านั้นคือการที่ต้องพยายามเรียก “ศรัทธา” กลับมาจากลูกทีมให้ได้ก่อน
ดังนั้นไม่ว่าผลการแข่งขันจะจบลงเช่นไร “ภาษากาย” ของนักเตะเสือใต้ในเกมนี้สามารถช่วยเรา “ทำนาย” ได้ว่าอนาคตของพวกเขาในฤดูกาลหน้าจะยังมีนายใหญ่ชาวสเปนคุมทัพอยู่หรือไม่
หากนักเตะเสือใต้ลงสนามด้วยความมุ่งมั่น ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ นั่นหมายถึงพวกเขายัง “มีใจ” ให้นายของเขาคนนี้
แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น จบฤดูกาลนี้ก็คงได้กล่าวคำล่ำลา Adios กัน
ลูกแม่กิ่ง