"สิ้นบุญคาร์เล็ตโต้?!"
"ลา เดซิม่า" ไม่มีความหมายอีกต่อไป เช่นกันกับเวลาของ คาร์โล อันเชล็อตติ ในซานติอาโก เบอร์นาบิว ที่คงจะยุติลงหลังจบฤดูกาลนี้
คาร์เล็ตโต้ เดินออกจากเทคนิคัล แอเรีย พร้อมภาษากายที่บ่งบอกได้อย่างค่อนข้างชัดเจนว่า เขาเองก็พยายามเต็มที่แล้วเช่นกัน
เมื่อมันได้เท่านี้ - ก็เท่านี้
เรอัล มาดริด ไม่อาจเก็บชัยชนะเหนือยูเวนตุส ทีมเก่าของเขาได้ ด้วยเหตุผลที่เรียบง่าย เพราะเหล่าขุนพลดวงดาวในชุดขาวสะอาดตานั้น เล่นได้ไม่ดีพอที่จะสยบอาคันตุกะจากอิตาลี ทีมที่วางปรัชญาการทำทีมทุกอย่างตรงข้ามกับพวกเขาได้
สำหรับ "โลส บลังโกส" พวกเขายึดมั่นในแสงดาว ขณะที่ "เบียงโคเนรี่" พวกเขาเชื่อใจในผืนดิน
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ลึกซึ้ง ศาสตร์ของมันนั้นซับซ้อนและยากจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ดังนั้นต่อให้มีทีมที่มีมูลค่ามหาศาลมากกว่าเกือบ 4 เท่า ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเหนือกว่าเมื่อลงสนามจริง
ในทางตรงกันข้าม การเล่นของยูเวนตุส มีประสิทธิภาพมากกว่าเรอัล มาดริด ด้วยซ้ำไป
ทีมของอันเชล็อตติ หรือในความเป็นจริงคือทีมของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไม่เพียงแต่ขาดความเฉียบขาด ไร้ประสิทธิภาพ หากแต่ยังไม่มีกระทั่งแรงขับเคลื่อนที่จะทำให้พวกเขาพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายเอาชนะได้ในเกมนี้
ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า, ฮาเมส โรดริเกซ รวมถึง โทนี่ โครส เล่นได้อย่างน่าอดสู
เล่นราวกับไม่ต้องการชัยชนะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องดังกล่าวคือ อันเชล็อตติ ในฐานะนายใหญ่ ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่ายอดกุนซือชาวอิตาเลียนเองก็ทำใจยอมรับสภาพ ว่าตัวเองไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่เรอัล มาดริด ตามหา
ทั้งที่ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ทั้งหมด
ปัญหานั้นอยู่ที่ซินญอร์เปเรซ และบอร์ดบริหารภายใต้ร่มเงาของเขานั้นไม่เคยให้ความสำคัญกับโค้ชคนใดอยู่แล้ว
และต้นตอของปัญหานั้นไม่ได้เกิดจากทัศนคติของเปเรซเสียทีเดียว ความจริงที่แท้มันคือสิ่งที่เรอัล มาดริด ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องยาวนานแล้ว
ในห้องแถลงข่าวหลังจบ 94 นาที ที่ดับฝันของเรอัล มาดริด คาร์โล อันเชล็อตติ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบคำถามต่างๆมากมาย รวมถึงเรื่องอนาคตของตัวเอง
เสียงจากโค้ชผู้เงียบขรึมที่เคยได้รับการยกย่องอย่างสูงหลังพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 มาครองได้เมื่อ 1 ปีก่อนนั้น เป็นน้ำเสียงของคนที่ยอมรับความจริงได้ แต่ไม่ใช่จะไม่รู้สึกรวดร้าว
"ผมเองก็อยากอยู่ต่อ แต่ผมรู้ถึงวิถีในเกมฟุตบอลเป็นอย่างดี ผมไม่อยากพูดเรื่องอนาคต ถ้าสโมสรยินดีให้ผมทำงานผมก็จะทำงานต่อ แต่ถ้าพวกเขาไม่ยินดี พวกเขาก็ต้องตัดสินใจ พวกเขามีสิทธิที่จะเปลี่ยนโค้ชได้ถ้าไม่พอใจ"
ขณะที่อีกมุมของห้อง Director’s box "พญาแร้ง" เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ หนึ่งในผู้บริหารสโมสรถูกสถานี Canal+ ต้อนติดมุมและยิงคำถามเกี่ยวกับอนาคตของกุนซือของพวกเขา แต่ไม่มีคำตอบที่นักข่าวต้องการออกจากปากของตำนานสโมสรแต่อย่างใด โดยเฉพาะชื่อของ "ซิซู" ซีเนอดีน ซีดาน ที่ถูกคาดหมายว่าจะเป็นกุนซือคนต่อไป แต่ดูเหมือนจะเร็วเกินไปในเวลานี้
อย่างไรก็ดี การจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะการพลาดหวังจากแชมป์ลีกเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน ทั้งที่ทีมลงทุนอย่างมากมายมหาศาลในการสร้าง "กลาคติกอสใหม่" เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นสำหรับทีมอย่างเรอัล มาดริด ที่จะเคาะระฆังแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่
เหมือนทุกครั้งตั้งแต่ปี 1983 เป็นต้นมา ที่ไม่เคยมีโค้ชคนใดอยู่รอดได้ทำงานต่อสักคนเมื่อจบฤดูกาลด้วยมือเปล่าเล่าเปลือย
ลูกแม่กิ่ง