"ลูกระเบิด"
แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ พูดถึงกรณีของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้น่าสนใจครับว่าเด็กคนนี้ไม่รู้ตัวว่าเขานั้นโชคดีแค่ไหนที่ได้อยู่กับทีมอย่างลิเวอร์พูล
สำหรับเร้ดแนปป์ คนรุ่นเก่าแก่ของวงการฟุตบอล เขาย่อมให้ “คุณค่า” ของวัฒนธรรมเก่าๆ เรื่องของประวัติศาสตร์ เรื่องของความสำเร็จ และเหนืออื่นใดคือเรื่องของแฟนบอลเดอะ ค็อป ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแฟนฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
แต่สำหรับสเตอร์ลิ่ง เด็กที่เกิดและเติบโตในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ สิ่งที่เขาให้คุณค่ากับมันนั้นแตกต่าง
หากเป็นไปตามที่เอดี วอร์ด เอเยนต์ส่วนตัวอ้างไว้ สำหรับสเตอร์ลิ่ง ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ไม่มีอนาคต ไม่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ และอาจไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
โดยที่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้กล่าวถึงแม้แต่น้อยคือเรื่องของเงินรายได้ ซึ่งถ้าเป็นตามกระแสข่าวจริง ก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่ของสเตอร์ลิ่งกับลิเวอร์พูล ไม่ลุล่วงอย่างที่ควรจะเป็น
ความจริงเรื่องของสเตอร์ลิงนั้นควรจะ “จบ” ตั้งแต่ครั้งที่มีทสัมภาษณ์ของ เอดี วอร์ด ในหนังสือพิมพ์ London Evening Standard ตอบโต้คำพูดของเจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำนานลูกหนังที่แฟนรักไม่แพ้สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด
นอกเหนือจากการเรียกคาร์ราเกอร์ว่า knob หรือ...หัวไอ้นั่นของผู้ชาย
คำบางคำของวอร์ด นั้นไม่สามารถ “ฟังได้” และเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีและประวัติศาสตร์อันยาวนานของลิเวอร์พูล
บทสัมภาษณ์ดังกล่าวนำไปสู่การสั่ง “ล้มโต๊ะ” การเจรจาทันทีจากผู้บริหารระดับสูงของแอนฟิลด์ และทำให้ถูกเชื่อว่าสเตอร์ลิง ย่อมหมดอนาคตในแอนฟิลด์อย่างแน่นอน สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือจะถูกขายออกเร็วแค่ไหน
แต่ท่าทีล่าสุดของ เบร็นแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ผู้ซึ่งประคบประหงมสเตอร์ลิ่งมาโดยตลอดยืนยันว่าอาจจะส่งสเตอร์ลิ่ง ลงสนามในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลกับสโต๊ค ซิตี้ ซึ่งเป็นเกมสำคัญที่อาจหมายถึงการได้เล่นฟุตบอลยุโรปหรือไม่ในฤดูกาลหน้า
การพูดจาเช่นนั้นของร็อดเจอร์ส กำลังนำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
ร็อดเจอร์ส ยังคงรักษาบทบาท “พ่อบุญธรรม” ที่พร้อมกางปีกปกป้องสเตอร์ลิ่งเสมอไม่ว่าเด็กคนนี้จะทำผิดขนาดไหนก็ตาม
แต่การปกป้องสเตอร์ลิ่งในครั้งนี้ ทำให้ผมเริ่มไม่มั่นใจในอนาคตของกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ
ร็อดเจอร์ส กำลังเดินเกมเสี่ยงที่อาจไม่คุ้มค่าการลงทุนแม้แต่น้อย
ในเรื่องฝีเท้าและศักยภาพอนาคต เป็นที่เข้าใจและยอมรับได้ว่าสเตอร์ลิ่ง เป็นหนึ่งในดาวรุ่งพรสวรรค์ที่ติดระดับท็อปของยุโรป เป็นนักเตะในระดับที่ไม่สามารถหาได้ง่ายนัก
บวกกับเรื่องของความผูกพันที่ประคบประหงมมาดุจไข่ในหิน ดุด่าว่าตีจนได้ดีทุกวันนี้ ไม่แปลกที่ร็อดเจอร์ส จะ “เอ็นดู” เจ้าหนูเชื้อสายจาไมกันมากเป็นพิเศษ
แต่ความรักที่ร็อดเจอร์ส มอบให้แก่สเตอร์ลิ่งนั้นอาจกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย เพราะเวลานี้เจ้าหนูวัย 20 ปี มีสภาพไม่ต่างอะไรจากระเบิดลูกเกลี้ยงที่ถูกปลดชนวนออกเรียบร้อยแล้ว
การสร้างปัญหาในเรื่องการต่อสัญญาใหม่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่เลวร้ายเท่ากับการที่สเตอร์ลิ่ง กลายเป็นคนที่เดอะ ค็อป “ไม่เอา” อีกต่อไป
ดังนั้นหากร็อดเจอร์สเลือกที่จะถือระเบิดลูกนี้ไว้ในมือ ช้าหรือเร็วมันย่อมระเบิด
ประเมินแล้วมีโอกาสนั้นน้อยมากครับที่ระเบิดลูกนี้จะเกิด “ด้าน” ขึ้นมา
ท่าทีของร็อดเจอร์สในครั้งนี้เองยังเป็นการสุ่มเสี่ยงว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งกับผู้บริหารของสโมสรด้วย เพราะการที่ออกมาบอกว่ายังมีโอกาสที่จะกลับมาทำการเจรจากันอีก (ในเบื้องต้นสโมสรแจ้งว่าขอ “เลื่อน” แต่ในความหมายที่รู้กันคือล้มการเจรจาครับ) ทำให้ภาพลักษณ์ของลิเวอร์พูล กลายเป็น “ตัวตลก”
เป็นตัวตลกที่ถูกเด็กอายุ 20 ปี กับเอเยนต์ฟุตบอลหน้าเลือดปั่นหัวอย่างสนุกสนาน
ทั้งๆที่ความจริงแล้วสถานการณ์นั้นเป็นฝ่ายสเตอร์ลิ่ง และวอร์ด ที่เพลี่ยงพล้ำแล้วแท้ๆในสงคราม PR ช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ย้ำอีกครั้งครับว่าการเดินหมากตานี้ของร็อดเจอร์สนั้นเสี่ยงมาก และดูไม่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกลับมาเลย
อย่าลืมว่าแม้ “บุญเก่า” จะทำมาดีจากผลงานในฤดูกาลที่แล้ว แต่ตัวเขาเองยังเตรียมเข้าพบกับจอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ และทอม เวอร์เนอร์ สองผู้นำสโมสร รวมถึงบอร์ดบริหารทั้งหมดเพื่อชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้
นั่นหมายความว่าเก้าอี้ในแอนฟิลด์ของเขาไม่ได้ปลอดภัยทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์
และหากจับยามสามตาดู จะเห็นว่าอัตราต่อรองการตั้งเจอร์เกน คล็อปป์ เป็นนายใหญ่แห่งแอนฟิลด์คนใหม่นั้นเริ่มถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ
หากยอดกุนซือผู้เป็นขวัญใจอันดับ 1 ตลอดกาล และพาทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ ได้อย่างเคนนี่ ดัลกลิช ยังถูกบอร์ดบริหารปลดเพราะเชื่อว่าพวกเขามีตัวเลือกที่ดีกว่าในระยะยาวอย่างร็อดเจอร์ส
ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ที่ FSG จะปลดเขา และแต่งตั้งคนใหม่ที่ดูดีกว่าอย่างคล็อปป์เข้ามาทำงานแทนครับ
ลูกแม่กิ่ง