การบ้านของ "บีร็อด"
เป็นอันแน่นอนแล้วว่า แฟนบอลลิเวอร์พูลจะได้ดูฝีมือการคุมทีมของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต่อไปอีกอย่างน้อยหนึ่งฤดูกาล หลังจากเจ้าของทีมยังคงยืนยันให้การสนับสนุนเขาอยู่ แม้ว่าผลงานในปีที่ผ่านมาจะถือว่าล้มเหลวก็ตาม
ถึงตรงนี้แล้วแฟนหงส์แดงก็คงต้องถือคติว่าไหนๆ ก็ไหนๆ เพราะยังไงก็คงต้องตามเชียร์ทีมกันต่อไป และภาวนาว่าร็อดเจอร์สคนที่เคยพาทีมไปเกือบถึงแชมป์เมื่อสองปีก่อนจะกลับมาได้
ส่วนตัวของบีร็อดเอง ก็มีการบ้านอีกมากมายที่จะต้องทำ หากหวังกอบกู้ชื่อเสียงผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2013/14 กลับมา และรักษาเก้าอี้ตัวนี้ต่อไปได้นานๆ โดยหนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนท์ ได้วิเคราะห์ไว้ว่ามีประเด็นไหนบ้างที่กุนซือหงส์แดงจะต้องสะสางและจัดการกันบ้าง
จบปัญหาราฮีม สเตอร์ลิ่ง
สเตอร์ลิ่งเชิดใส่ค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 100,000 ปอนด์ที่ลิเวอร์พูลเสนอให้ในสัญญาใหม่ โดยประกาศชัดเจนว่าต้องการย้าย ยิ่งรวมกับการหย่อนระเบิดทิ้งไว้ของเอเย่นต์ของเขาด้วยแล้ว คงยากที่ดาวรุ่งรายนี้จะเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ต่อไป และตอนนี้เขาก็มีข่าวกับหลายทีมใหญ่อยู่
หน้าที่ของร็อดเจอร์สคือต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจนโดยเร็วที่สุด หากต้องปล่อยสเตอร์ลิ่งไปก็ต้องทำให้เรียบร้อยก่อนถึงช่วงปรีซีซั่น เพราะไม่งั้นอาจส่งผลกระทบต่อการเตรียมทีมได้ ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการที่เขาต้องทำให้แน่ใจว่าจะได้ค่าตัวที่คุ้มค่าในการขายสเตอร์ลิ่ง เพื่อนำมาใช้ในการเสริมทีมต่อไป
หาที่ลงให้มาริโอ บาโลเตลลี่
กองหน้าสุดเกรียนรายนี้เป็นการซื้อตัวที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าของร็อดเจอร์สเมื่อซัมเมอร์ก่อน เขาดูเหมือนจะเล่นเข้ากับระบบเกมเร็วของหงส์แดงไม่ได้ และถ้าจะขายทิ้งตอนนี้ก็มีหวังขาดทุนป่นปี้จากที่จ่ายไป 16 ล้านปอนด์เมื่อปีก่อน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่บีร็อดต้องทำก็คือหาวิธีที่จะใช้งานบาโลเตลลี่ให้ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพราะเกรียนโอ้มีดีพอที่จะทำประตูได้ แม้จะติดลูกขี้เกียจอยู่ก็ตาม แต่ถ้าใช้งานเขาได้ถูกจุด ก็ยังน่าจะพอมีประโยชน์บ้าง
ก้าวข้ามผ่านสตีเว่น เจอร์ราร์ด
แม้เจอร์ราร์ดจะต้องโบกมือลาถิ่นแอนฟิลด์ไปในเวลาที่หลายคนเชื่อว่าเขายังสมควรได้อยู่กับทีมต่อ แต่ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ทางเดียวที่ทำได้ก็คือ ลิเวอร์พูลต้องก้าวข้ามผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ก้าวข้ามผ่านการเคยมีเจอร์ราร์ดเป็นกัปตันทีมคนเก่งไปให้ได้
จอร์แดน เฮนเดอร์สันก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในแดนกลางของทีมแทนที่เจอร์ราร์ดในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ไม่น่าประทับใจเลยของสตีวี่ จี และสิ่งที่ร็อดเจอร์สต้องทำก็คือ การหามิดฟิลด์ตัวกลางฝีเท้าดีๆอีกซักคนมาเสริม เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
มีบทบาทมากขึ้นในการซื้อนักเตะ
เป็นที่รู้กันว่าบอร์ดซื้อขายนักเตะของลิเวอร์พูล มีบทบาทสำคัญในการชี้ขาดว่านักเตะคนไหนจะย้ายเข้าย้ายออกบ้าง ซึ่งการทำงานของพวกเขาใช่ช่วงสองปีที่ผ่านมาก็ถูกสับเละ เพราะหงส์แดงไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการหานักเตะดีๆมาเสริมทีม และที่ได้มาก็มักจะไม่ค่อยดีอย่างที่หวัง
ร็อดเจอร์สเองก็คงไมอยากทำงานภายใต้ระบบนี้ซักเท่าไหร่ และเขาจะต้องพยายามมีบทบาทมากขึ้น ด้วยการชี้เป้านักเตะให้เร็วเพื่อให้มีการขยับให้ไวกว่าคู่แข่งทีมอื่นๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้เชลซีประสบความสำเร็จมาแล้ว เพราะการมัวแต่ยึกยักหรือเงื้อง่าราคาแพง มักจะลงเอยด้วยการรับประทานแห้วเสมอ
ทำอะไรซักอย่างกับนักเตะที่ถูกลืม
นักเตะหลายคนที่ถูกดึงตัวเข้าสู่แอนฟิลด์ไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวแม้ว่าจะมีศักยภาพพอ ทั้ง ยาโก้ อัสปาส, หลุยส์ อัลเบร์โต้, ฟาบิโอ บอรินี่, เซบาสเตียน โคอาเคส และติอาโก้ อิลอรี่ ซึ่งส่วนใหญ่อายุยังน้อย มีเพียงอัสปาสคนเดียวที่อายุเกิน 25 ไปแล้ว และตอนนี้หลายคนก็ทำท่าจะไม่มีอนาคตกับหงส์แดงอีก
ร็อดเจอร์สต้องพยายามดึงศักยภาพของนักเตะที่ยังมีแววจะประสบความสำเร็จกับทีมอยู่ อย่าง อัลเบร์โต้ หรือ อิลอรี่ ออกมาให้ได้ รวมถึงการให้โอกาสพวกเขามากขึ้น การปรับตัวเข้ากับการเล่นในอังกฤษ น่าจะช่วยพวกเขาได้มากกว่าการถูกยืมตัวไปเล่นในยุโรปไปเรื่อยๆ
แก้ปัญหาเกมรับให้ได้
ในสองฤดูกาลหลังสุด เกมรับของลิเวอร์พูลเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมาตลอด ฤดูกาลนี้หงส์แดงอาจจะรักษาคลีนชีตได้ 14 นัดในพรีเมียร์ลีก เป็นรองแค่เชลซีเท่านั้น แต่คุณภาพของแนวรับของทีมถือว่าไม่ได้สูงเลย โดยเฉพาะในเกมใหญ่ๆ
เดยัน ลอฟเรนนั้นถือเป็นกองหลังที่น่าผิดหวังที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมา หลังถูกตั้งความหวังไว้สูงว่าจะเข้ามาเสริมแนวรับของทีมให้แกร่งขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟอร์มโดยรวมของทั้งแนวรับหงส์แดงถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน และร็อดเจอร์สยังไม่สามารถหาตัวแทนที่ดีพอของนักเตะที่จากไปอย่างเปเป้ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์ และแดเนี่ยล แอ็กเกอร์ได้ และเขาต้องทำให้ดีกว่าเดิมในการหากองหลังมาเสริมทัพในซัมเมอร์นี้
คว้าแชมป์ให้ได้ซักรายการ
ลิเวอร์พูลเข้าถึงรอบตัดเชือกของทั้งลีก คัพ และเอฟเอ คัพ ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ร็อดเจอร์สยังไม่เคยนำทีมเข้าถึงชิงแชมป์รายการใดๆได้เลยใน 3 ปีที่เข้ามาคุมทีม และโอกาสใกล้เคียงที่สุดคงเป็นการได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อสองปีก่อน
โอกาสที่บีร็อดจะนำหงส์แดงลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าคงยาก และคงต้องลุ้นเหนื่อยกับการแย่งโควตาท็อปโฟร์อีกเช่นเคย นั่นทำให้เขาอาจต้องตั้งเป้าไปที่การคว้าแชมป์บอลถ้วยรายการใดรายการหนึ่งมาครองให้ได้ด้วย เพื่อเติมเต็มความสำเร็จให้กับทีม และจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ทีมได้ก้าวเดินต่อไปจากจุดนั้น หากมีโอกาสได้ลิ้มรสความสำเร็จจริงๆซักครั้ง
Babybear