จากขุนพลถึง "แฟนบอล" กับภารกิจสุดท้ายในการสร้างประวัติศาสตร์ของทีมชาติอังกฤษ - [FEATURE]
![จากขุนพลถึง "แฟนบอล" กับภารกิจสุดท้ายในการสร้างประวัติศาสตร์ของทีมชาติอังกฤษ - [FEATURE]](http://s.isanook.com/sp/0/ud/310/1552051/sz.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า ตนเอง และพลพรรค "สิงโตคำราม" ได้มอบมอบค่ำคืนที่ดีที่สุดในรอบ 50 ปีให้กับแฟนบอลเลือดผู้ดีทุกคน หลังจากเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ชัยชนะดังกล่าวยังทำให้ อังกฤษ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการนี้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งทีมของ เซาธ์เกต ก็มีลุ้นที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกมาครอง หากเอาชนะคู่แข่งอย่าง สเปน ในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้
เซาธ์เกต กล่าวหลังจบเกมว่า "ผมรับงานเพื่อพยายามพัฒนาฟุตบอลอังกฤษ และตอนนี้เราอยู่ในรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สองแล้ว และผมเชื่อว่าเราได้มอบค่ำคืนที่น่าตื่นเต้นให้แฟนบอลตามที่พวกเขาคาดหวัง""เรามอบค่ำคืนที่ดีที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาให้กับพวกเขา ผมภูมิใจอย่างยิ่งกับสิ่งนั้น ผมดีใจมากถ้าทุกคนที่บ้านรู้สึกแบบที่เราเป็นวันนี้ แต่งานของเรายังไม่จบ เรามีบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมารออยู่ เราต้องเตรียมตัว เรามาที่นี่เพื่อชัยชนะ และนั่นยังคงเป็นเป้าหมายของเรา"
เส้นทางการมาถึงรอบชิงฯของ อังกฤษ ไม่ได้ราบรื่นนัก พวกเขาชนะเกมเดียว และเสมอ 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ สโลวาเกีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะเอาชนะจุดโทษ สวิตเซอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเฉือน เนเธอร์แลนด์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง
เซาธ์เกต กล่าวต่อว่า "เราทุกคนต้องการได้รับการยอมรับใช่ไหม? เมื่อคุณกำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศของคุณ คุณเป็นคนอังกฤษและคุณภาคภูมิใจกับมัน แน่นอนคุณคงไม่รู้สึกว่าอยากมองย้อนกลับไป เพราะก่อนหน้านี้สิ่งที่คุณเจอมีแต่คำวิจารณ์ด้านลบ และมันยากที่จะทำเหมือนไม่สนใจมัน""การได้ฉลองในการเข้าชิงชนะเลิศครั้งที่สองนั้นพิเศษมาก ถ้าผมไม่ได้อยู่ในสนาม ผมคงเฉลิมฉลองเหมือนแฟนบอลคนอื่นๆ แต่ผมเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบทีม ดังนั้น การได้มอบค่ำคืนที่ดีกับแฟนๆ มันพิเศษมาก เรามาที่นี่เพื่อชัยชนะ และแน่นอนเราต้องการเล่นกับทีมที่เก่งที่สุดในทัวร์นาเมนต์ (รอบชิงชนะเลิศ) เพราะเราเองยังอยู่ที่นี่และพร้อมสำหรับภารกิจสุดท้ายที่รอเราอยู่"
ขณะที่ จูด เบลลิงแฮม จอมทัพ เรอัล มาดริด ตั้งเป้าหมายว่า จะพยายามที่จะเป็นทีมชาติอังกฤษชุดแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ที่คว้าถ้วยรางวัลใหญ่ และขอสู้อย่างเต็มที่ในเกมนัดชิงฯ ที่จะต้องเจอกับ สเปน

"ตอนนี้มันเป็นอีกเกมหนึ่งที่ผ่านไปแล้ว เราเหนื่อยมาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นฤดูกาลที่ยาวนาน แต่นี่เป็นแรงผลักดันครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศของเรา และประวัติศาสตร์ชาติ"

แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดเส้นทางตั้งแต่นรอบแบ่งกลุ่มมาจนถึงนัดชิงฯ แต่ เซาธ์เกต และลูกทีมก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขาขอตั้งใจทำผลงานในสนามให้ดีที่สุด ซึ่งก็ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการเหลืออีกเพียงก้าวเดียวที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ "ทัพสิงโตคำราม" กับแชมป์ยุโรปสมัยแรกเสียที