ไม่พลิกโผ! "พาณิภัค-กุลวุฒิ" คว้าสมัครเล่นดีเด่น, "สมเกียรติ-อาฒยา" ซิวอาชีพยอดเยี่ยม

"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2024 และ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันหนุ่มเหรียญเงินโอลิมปิกปารีส คว้ารางวัลนักกีฬาสมัครเล่นดีเด่นหญิงและชาย วันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2567 ไปครองตามคาด ด้านรางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ฝ่ายชายตกเป็นของ ”ก้อง“ สมเกียรติ จันทรา ส่วนฝ่ายหญิง ”โปรจีน“ อาฒยา ฐิติกุล คว้าไปครอง  

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2567  ที่ อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันจันทร์ ที่ 16 ธันวาคม 2567 โดยมี คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล IOC Member รองประธานสหพันธ์แบดมินโลกนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ , ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกีฬา นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย , นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา , นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยรวมถึงผู้บริหารจากสมาคมกีฬาเข้าร่วมจำนวนมาก

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า  ในทุกๆวันที่ 16 ธันวาคมของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญยิ่งของวงการกีฬาไทย เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย และทรงชนะเลิศการแข่งขันกีฬาเรือใบ ประเภท โอ.เค. ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปีพ.ศ.2510 นำมาซึ่งความปลื้มปิติแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งชาติเป็นอย่างยิ่ง ตนทราบดีว่าการที่นักกีฬา บุคลากรทางการกีฬา ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศนั้น ทุกคนต่างเสียสละ ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจในการฝึกซ้อม มีวินัยต่อตนเองอย่างสูง นำมาซึ่งการสร้างผลงาน สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ การจัดงานครั้งนี้ จึงมีขึ้นเพื่อมอบรางวัลและเชิดชูบุคคลเหล่านี้ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่ให้กับนักกีฬาทุกๆคน  

" ในนามของรัฐบาลไทย เราจะเดินหน้านโยบายเพื่อส่งเสริมการกีฬา บุคลาการทางการกีฬาของชาติในทุกมิติ ทั้งมิติด้านกีฬากับเยาวชน และสังคม กีฬากับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือซอฟพาวเวอร์ กีฬาเพื่อความเป็นเลิศและกีฬาอาชีพ อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ซึ่งในรอบปี 2567  ผลงานของนักกีฬาไทยอยู่ระดับแถวหน้าของเอเชีย และของโลก ผมต้องแสดงความยินดี และขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง ที่ท่านได้สร้างชื่อเสียง สร้างเกียรติยศ ด้านการกีฬาให้แก่ประเทศไทยของเรา และขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสุข ความเจริญ และความสำเร็จก้าวหน้าในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ "

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เผยว่า  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรหลักที่รับผิดชอบการจัดงานวันกีฬาแห่งชาติ เริ่มจัดงานเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 จนถึงปัจจุบันปี พ.ศ.2567 นับเป็นครั้งที่ 39 แล้ว การมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่นักกีฬา  ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงบุคลากรกีฬานี้ ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ทุกท่านที่ได้รับรางวัล ความสำเร็จที่ได้รับจากการแข่งขันกีฬา นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ชาวไทยทุกคน และเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน และประชาชนหันมาออกกำลังกายและเล่นกีฬาอันจะเป็นประโยชน์ทางสังคม ทำให้คนในประเทศชาติมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วย

สำหรับการมอบรางวัลในปีนี้ มีทั้งสิ้น 44 รางวัล ซึ่งผลมีดังนี้ นักกีฬาสมัครเล่นชายดีเด่น ได้แก่ ”วิว“ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันเหรียญเงินโอลิมปิก  2024 ในประเภทชายเดี่ยว ได้รับถ้วยพระราชทาน ส่วนรองดีเด่น ธีรพงศ์ ศิลาชัย (ยกน้ำหนัก) กับ บรรจง สินศิริ (มวยสากล), นักกีฬาสมัครเล่นหญิงดีเด่น เรืออากาศโทหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2024 ได้รับถ้วยพระราชทาน ส่วนรองดีเด่น  สุรจนา คำเบ้า (ยกน้ำหนัก) กับเรืออากาศตรีหญิง จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (มวยสากล), นักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นชายดีเด่น วีรพล วิชุมา (ยกน้ำหนัก) ได้รับถ้วยพระราชทาน ส่วนรองดีเด่น ภูริพล บุญสอน (กรีฑา) กับ กฤตยชญ์ พร้อมปัจจุ (เทควันโด), นักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นหญิงดีเด่น  ด.ญ.วารีรยา สุขเกษม (สเก็ตบอร์ด) ได้รับถ้วยพระราชทาน  ส่วนรองดีเด่น  ธนพร แซ่เตีย (ยกน้ำหนัก) กับ สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ (แบดมินตัน)  

นักกีฬาอาชีพชายดีเด่น สมเกียรติ จันทรา (รถจักรยานยนต์) ได้รับถ้วยพระราชทาน ส่วนนักกีฬาอาชีพหญิงดีเด่น อาฒยา ฐิติกุล (กอล์ฟ) ได้รับถ้วยพระราชทาน, นักกีฬามวยไทยอาชีพชายดีเด่น ทิชากร ศรีพรมมา ฉายา "ขุนศึกเล็ก บูมเด็กเซียน" ได้รับถ้วยพระราชทาน ส่วนนักกีฬามวยไทยอาชีพหญิงดีเด่น จันทร์จิรา แสนศรี ฉายา "ปิ่นเพชร ม.ราชภัฎโคราช" ได้รับถ้วยพระราชทาน, นักกีฬาคนพิการชายดีเด่น ชัยวัฒน์ รัตนะ (วีลแชร์เรสซิ่ง) ได้รับถ้วยพระราชทาน ส่วนรองดีเด่น  พงศกร แปยอ (วีลแชร์เรสซิ่ง) กับ วรวุฒิ แสงอำภา (บอคเซีย), นักกีฬาคนพิการหญิงดีเด่น สายสุนีย์ จ๊ะนะ (วีลแชร์ฟันดาบ) ได้รับถ้วยพระราชทาน ส่วนรองดีเด่น สุจิรัตน์ ปุกคำ (แบดมินตันคนพิการ) กับ ขวัญสุดา พวงกิจจา (เทควันโดคนพิการ)

ชนิดกีฬาทีมดีเด่น ได้แก่ ทีมฟุตซอลชายไทย ชุดชิงแชมป์โลกและชิงแชมป์เอเชีย, ประเภททีมกีฬาดีเด่น  ทีมเทเบิลเทนนิสหญิง ชุดโอลิมปิกเกมส์, ชนิดกีฬาทีมคนพิการดีเด่น ทีมฟุตบอลคนตาบอด ทีมชาย, ประเภทกีฬาทีมคนพิการดีเด่น เทเบิลเทนนิสประเภทคู่ชาย MD14, ผู้ฝึกสอนนักกีฬาสมัครเล่นดีเด่น ร้อยตรี นพดล วันหวัง (ยกน้ำหนัก), ผู้ฝึกสอนนักกีฬาชาวต่างประเทศดีเด่น มร.ลุคแมน (ยกน้ำหนัก), ผู้ฝึกสอนนักกีฬาอาชีพดีเด่น ภัททพล เงินศรีสุข (แบดมินตัน), ผู้ฝึกสอนนักกีฬาส่วนภูมิภาคดีเด่น กิตติศักดิ์ พันสี (ยกน้ำหนัก สมาคมกีฬาจังหวัดสุรินทร์), ผู้ฝึกสอนนักกีฬาคนพิการดีเด่น นันทา จันทสุวรรณสิน (วีลแชร์ฟันดาบ), สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยดีเด่น ได้แก่ สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย

สมาคมกีฬาคนพิการดีเด่น สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดดีเด่น สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ,  ผู้บริหารดีเด่น ไมตรี คงเรือง (ส.คนพิการ),   นักวิชาการดีเด่น ผศ.พ.อ.นพ.ณัฏฐา กุลกำม์ธร (แพทย์ด้านศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ สาขาเวชศาสตร์การกีฬา),   ผู้จัดการทีมดีเด่น นาวาโทหญิง อารีย์ วิรัฐถาวร (ส.ยกน้าหนัก),  ผู้ตัดสินดีเด่น ดร.สิริลักษณ์ ทัดมั่น (ส.ยกน้ำหนัก),  นักกีฬาอาวุโสชายดีเด่น สุรศักดิ์ ปานเรือง (เพาะกายและฟิตเนส),  นักกีฬาอาวุโสหญิงดีเด่น สายเนตร ศรีสมพงษ์ (กรีฑา),  รางวัลผู้ทรงคุณค่าทางการกีฬา ได้แก่ รศ.ดร.นพ.วิชัย วนดุรงค์วรรณ กับ รศ.ดร.สุพิตร สมาหิโต, รางวัลนักบริหารกีฬาผู้ทรงคุณค่า ได้แก่ ธนา ไชยประสิทธิ์ และ รางวัลปูชณียบุคคลกีฬา ได้แก่ พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา