แท็กติกของเวนเกอร์.. "หนามยอกเอาหนามบ่ง"
ก่อนเกมจะเน้นการหยิบยก "สถิติ" ไม่เคยชนะของ อาร์เซน เวนเกอร์ เหนือโจเซ่ มูรินโญ่ กว่า 1 ทศวรรษ หรือกินเวลารวม 13 นัดเป็นประเด็น “เสี้ยมเขา” ชนกันระหว่าง 2 กุนซือเพื่อสร้างกระแส “เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2015”
หลังเกม ไม่ว่าจะมอง “เหลี่ยมไหน” ผมเชื่อว่า แฟน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล สามารถใช้เวลานับจากนี้กระทั่งเปิดฤดูกาลวันอาทิตย์หน้ากับ เวสต์แฮม “อมยิ้ม” ด้วยความสุขได้เลยครับ
พิจารณาจากสภาพร่างกาย “ความฟิต” หากไม่นับ อเล็กซิส ซานเชซ ตัวหลักที่ยังพักฟื้นจาก “ชิลี โคปา อเมริกา 2015” หรือแจ็ค วิลเชียร์ ที่ยังเรื้อรังเล็กน้อยกับการบาดเจ็บข้อเท้า
กุนซือ เวนเกอร์ จัดว่ามีกำลังพลในระดับ “พร้อมลุย” แคมเปญใหม่ และดูเหมือนว่าพร้อมกว่าทุกซีซั่นนับจากปีไร้พ่าย 2003-04
ปีนี้ แม้จะตกเป็นข่าวกับหลายนักเตะ เช่น ล่าสุด คาริม เบนเซม่า ทว่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเข้ามา “คนเดียว” ของ ปีเตอร์ เช็ก คือ “จิ๊กซอว์” ชิ้นสำคัญจริง ๆ
เช็ก ทำให้คอบอลทั่วโลก “ยอมรับ” และให้เครดิต อาร์เซนอล สูงกว่าทุกปี เพราะทีมปืนใหญ่ ไม่เคยมีปัญหาในการทำประตูอยู่แล้ว
ทว่า “เกมรับ” พวกเค้าไม่เคยมีนายทวารมาทดแทน เดวิด ซีแมน ได้ ไม่เว้นแม้แต่ เยนส์ เลห์มันน์ ที่ว่าแน่ แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่ใช่
แฟนเชลซี หรือนักเตะเชลซี นำโดย จอห์น เทอร์รี่ รวมทั้งกุนซือโจเซ่ มูรินโญ่ ทราบดีกว่า นี่คือการหยิบยื่นคะแนนเพิ่มให้กับอาร์เซนอลไม่ต่ำกว่า 10 แต้มต่อฤดูกาล!
กับชุดเฉือน เชลซี 1-0 ในเกมคอมมิวฯนี้ นักเตะที่ควรถูกพูดถึงเพิ่มเติมนอกจากนายทวารวัย 33 ปี คือ เอคตอร์ เบเญริน (แบ็คขวา), นาโช่ มอนเรอัล (แบ็คซ้าย), ฟราสชิส ก๊อกเกอแล็ง (กลางรับ), อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (ตัวรุกริมเส้น) และตัวสำรอง โอลิวิเยร์ ชิรูด์
ทั้งหมด “พัฒนา” ฝีเท้าจนน่าตกใจโดยเฉพาะ เบเญริน, มอนเรอัล และก๊อกเกอแล็ง
ในตำแหน่งเดียวกันยังมี มาติเยอ เดอบูชี่, คีแรน กิ๊กบ์ส, มิเกล อาร์เตต้า, แจ็ค วิลเชียร์, มาติเยอ ฟลามินี่ คอยซ้อนอยู่
อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้รับเลือกเป็น “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” คือ game changer ที่สามารถ “เปลี่ยนเกม” ได้อย่างที่ผมได้เรียนไว้เมื่อวานว่า “สำคัญมาก” ในทีมฟุตบอลสมัยใหม่
“อ๊อกซ์” คือคนที่ปืนใหญ่จะขาดไม่ได้แล้ว และการประสานงานกับ เบเญริน คือ ภาพที่สวยงามในเกมรุกจนเกิดประตูเดียวในเกมนี้
ธีโอ วัลคอตต์ ไหลบอลให้ “อ๊อกซ์” ที่จี้หา เซซาร์ อัซปิลิคูเอต้า โดยเบเญริน วิ่งตัดด้านหน้าจน เนมันย่า มาติช ที่ซ้อนอัซปิลิคูเอต้า หลงเหลี่ยมวิ่งตามประกบ และเปิดช่องให้ปีกทีมชาติอังกฤษ เลี้ยงตัดกลางแล้วกดซ้ายทะลุตาข่ายของ ธิโบต์ กูร์กตัวส์
วัลคอตต์ ในครึ่งแรกยังคงจี๊ดจ๊าด ขณะที่ชิรูด์ จัดว่า “หาช่อง” ในกรอบเขตโทษได้ดี และเมื่อคิดว่ามี ซานเชซ อีก 1 คนไม่นับ แดนนี่ เวลเบ็ค
อาร์เซนอล จึงมี 4 กองหน้ามีระดับดีพอลุ้นแชมป์ ไม่ว่าจะได้ เบนเซม่า หรือใครมาเพิ่มหรือเปล่าก็ตาม!?
จุดนี้ นำสู่การพูดถึง เชลซี ในซีซั่น 2015/16 ที่ผมเป็นห่วงเกมรุก และนึกไม่ออกว่า หากไม่มี ดิเอโก้ คอสต้า เพราะเจ็บไปยาวๆ เชลซีจะเป็นเช่นไร?
โลอิค เรมี่ ถนัด “ล้ำหน้า” และเถียงไลน์แมนในครึ่งแรก ขณะที่ ราดาเมล ฟัลเกา ถูกมอนเรอัล วิ่งแซงในกรอบเขตโทษครึ่งหลัง
ผมเกรงว่า ฟัลเกา จะไม่ต่างจาก อังเดร เชฟเชนโก้, เฟอร์นันโด ตอร์เรส ที่มาร่วมทีมตอน “โรย ๆ”
เฉพาะอย่างยิ่ง มูรินโญ่ ชอบใช้หัวหอกตัวเดียว และผมดูแทบไม่ออกว่า เรมี่ หรือฟัลเกา ณ สภาพเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2015 จะมี “น้ำยา” ไปทำอะไรชาวบ้านได้
และ ณ วันที่พ่อมด เอแดง อาซาร์ แผลงฤทธิ์ไม่ออก, เชส ฟาเบรกาส ยังหนืดๆ คนอื่นทรงๆ และทีมเสียประตูก่อน
การทวงประตูคืนจะไม่ใช่ “เรื่องง่าย” เลย!
สิ่งเดียวที่ยังเป็น “เชลซี” ดั้งเดิมอยู่ก็คือ เกมรับ และความ “ทุ่มเท” ของนักเตะทุกคนไม่ว่าจะแนวรุก แนวรับ
แต่เมื่อกองหน้าไม่มี การสร้างสรรค์เกมที่ มูรินโญ่ บ่นว่า อาร์เซนอล ไปเน้นตั้งรับในครึ่งหลังจึงไม่ไปไหน และเจาะไม่ถึง Final Third ของทีมปืนใหญ่
ออสการ์ ฟรีคิกเกือบเสียบคานเสาแรก คือโอกาสเหน่งๆเข้ากรอบครั้งเดียวในเกมนี้ของครึ่งหลัง นอกนั้นดูเหมือนว่า ปีเตอร์ เช็ก จะเก็บกินเรียบครับ
เหนือสิ่งอื่นใด และเป็นประเด็นสำคัญที่สุดของเกมนี้ คือ ท้ายเกมมีจังหวะที่ อาร์เซน เวนเกอร์ ชี้ไปที่ “มุมธง” เป็นนัยว่า ให้ผู้เล่นเลี้ยงไป “ฆ่าเวลา”
ได้เตะมุมก็ไม่ต้องเติมคนเข้าไปในกรอบเขตโทษเชลซี เป็นสัญญาณว่า “พอใจ” กับสกอร์ 1-0
เหมือนที่เชลซี ชอบทำ!!!
ครับ ไม่เฉพาะเชลซีแพ้ในเกมนี้ และฉายภาพ “ไม่พร้อม” ของกองหน้า 3 คนที่มี ทว่าคู่แข่ง อาร์เซนอล กลับทำได้ดี และเอาชนะด้วยวิธีการเล่นแบบที่เชลซีชอบทำกับพวกเค้า และคู่แข่ง “บิ๊กทีม”
นั่นคือ ยิงได้แล้วรักษาสกอร์ เข้าตำรา...หนามยอก เอาหนามบ่ง!
แบบนี้รับประกันได้ว่า ศึกการป้องกันแชมป์ซีซั่นนี้ เหนื่อยหนักแน่สำหรับ “เชลซี” ครับ