ชีวิตเลือกได้ ระหว่าง "กองเชียร์ที่น่าชื่นชม VS กองเชียร์ที่น่ารังเกียจ"

ชีวิตเลือกได้ ระหว่าง "กองเชียร์ที่น่าชื่นชม VS กองเชียร์ที่น่ารังเกียจ"

ชีวิตเลือกได้ ระหว่าง "กองเชียร์ที่น่าชื่นชม VS กองเชียร์ที่น่ารังเกียจ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"รัชนก อินทนนท์" บนเวทีแข่งขันระดับชิงแชมป์โลก กับรายการอันดับ 1 ของปี  "โททอล บีดับบลิวเอฟ เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ 2015" ที่ประเทศอินโดนีเซีย

ความยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ของสาวน้อยวัย 20 ปี ที่พกพาดีกรีแชมป์เก่า เมื่อปี 2013

แต่มีสักกี่คนที่จะรู้ว่าก่อนเกมแรกจะเริ่มแค่ 1 วัน เธอมีอาการป่วย จนถึงขั้นต้องให้น้ำเกลือมาแล้ว

ภาระอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับ "ความคาดหวัง" อันสูงยิ่ง ของคนในชาติ ถามว่า "น้องเมย์" กดดันหรือไม่ ?

ผมตอบแทนเลยว่า "โคตรกดดัน"!!!


วาจาให้สัมภาษณ์ของน้องเมย์ ที่ปล่อยออกมาก่อนจะบินมาร่วมชิงชัยในศึกครั้งนี้ที่บอกว่า "หนูจะไม่กดดันตัวเอง"

ผมบอกเลยว่ายากครับ ในเมื่อแฟนกีฬาทุกคนที่อยู่ข้างหลัง ต่างตั้งความหวังกับเธอไว้สูงลิบลิ่ว

แม้จะเป็นมือวางอันดับที่ 5 ของรายการ แต่สื่อของจีน ยกให้เธอเป็นเต็ง 2 ของรายการ จากฟอร์มในช่วงนี้ที่กำลังเข้าฝัก

สาวน้อยที่มีคุณแม่เคยทำงานเป็นแม่บ้านของสโมสรบ้านทองหยอด มีต้นทุนแห่งความสู้ชีวิต ที่รับมาจากคุณแม่ของเธอ เริ่มต้นทัวร์นาเม้นนี้ ด้วยการเก็บชัยชนะ ในเกมแรกได้ไม่ยาก

แต่จากการดูฟอร์ม ผมว่าเธอเล่นแบบแปลกๆ (ตอนนั้นไม่รู้ว่าเมย์ป่วยมาก่อนทัวร์นาเม้นท์จะเริ่ม)


แมตช์ที่ 2 ซึ่งเป็นรอบ 16 คนสุดท้าย เธอพบกับสาวเจ้าถิ่น "ลินดาเวนี่ เฟเนตรี" ขวัญใจของชาวอินโดนีเซีย และความหวังหนึ่งเดียวของประเทศ ในประเภทหญิงเดี่ยว

"น้องเมย์" ที่เคยชนะมาได้ตลอด 4 ครั้งที่เจอกัน อยู่ในสภาพไม่สดชื่น ทั้งสีหน้าและแววตา

เกมแมตช์นี้ เธอโดนลาก โดนตื้อ แถมตบเท่าไหร่ คู่แข่งก็ไม่ยอมเสียง่ายๆ

เกมมาเสมอกันที่ 1-1 เกม จนต้องตัดสินเกมที่ 3 บนสภาพที่สาวน้อยแดนสยามที่ไม่เต็มร้อย

ท้ายที่สุด "น้องเมย์" โดนพิษตะคริวเล่นงานในต้นเกมที่ 3

แม้เธอจะกัดฟันสู้ พยายามฝืนเล่นต่อ ด้วยใจที่หวังว่ายังไหวน่า....



แต่สุดท้าย สภาวะร่างกายที่อ่อนแรง ทำให้ตะคริวเล่นงาน จนแทบจะยืนด้วยสองขาของตัวเองไม่ไหว ก่อนจะทิ้งกายลงบนคอร์ตด้วยความเจ็บปวด

ผมจะไม่บอกหรอกนะว่าโลกโซเชียล รู้สึกอย่างไรกับความแพ้พ่ายในครั้งนี้ บนวินาทีที่เธอต้องตกเป็น "ผู้แพ้" ในแมตช์นี้

แต่ผมกำลังจะบอกว่า วินาทีนั้นผมคิดในสมองเลยว่า เฮ้ย!! นี่เรากำลังเชียร์ และเรากำลังดูนักกีฬาของไทย บนวัยแค่ 20 ปี นะเฮ้ย

ผมย้ำนะครับว่าเมย์ อายุ 20 ปีเท่านั้น

ความแข็งแกร่งของร่ายกาย มันยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่พีคที่สุดในชีวิตนักกีฬาแบดมินตัน

โอเคละ ความคาดหวังสูง เมิ่อผิดหวังอารมณ์ร่วมมันก็แยะ อันนี้ไม่ว่ากัน

แต่ใครก็ตาม หากรู้ว่าน้องเจออะไรมาบ้างก่อนแข่ง อาจจะทำให้เปิดใจและน้อมรับความพ่ายแพ้ในหนนี้


"น้องเมย์" ก็มนุษย์คนหนึ่งครับ จะแกร่งทั่วแผ่น จะเก่งทุกแมตช์ จะชนะทุกคน มันก็ไม่ใช่

"กีฬา" คือสิ่งที่มาพร้อมกับคำว่า "ชัยชนะ" และ "ความปราชัย"

วันนี้แพ้ได้ พรุ่งนี้ก็ชนะได้ 

การเรียนรู้ความพ่ายแพ้ นำมาปรับนำมาแก้ แบบนี้ซิของจริง

วันนี้สภาพร่างกายไม่อำนวย ปีหน้าฟ้าใหม่ยังมี อายุตอนนี้ก็แค่ 20 ปี เท่านั้น

น้องเมย์ของเรายังมีโอกาสลงแข่งขันรายการชิงแชมป์โลกได้อีกเป็น 10 ครั้ง (รายการชิงแชมป์โลกจัดในทุกๆปี ยกเว้นปีที่มีกีฬาโอลิมปิก เกมส์)

เราแนะนำน้องเมย์ได้ครับ และเราเองก็วิจารณ์ฟอร์มของเธอได้ครับ แต่อย่าลืมสิ่งที่เรียก "กำลังใจ" ให้กับเธอด้วย


ความรู้สึกของเธอเวลานี้คงไม่เหมือนกองเชียร์อย่างเราๆ ที่เฝ้าดูอยู่แค่หน้าจอทีวีหรอกครับ เชื่อผมเถอะ

เราไม่ต้องเหนื่อย เราไม่ต้องคิดแผนการเล่น และเราไม่ต้องมาปวดหัวแก้ไขเกมการแข่งขันในแต่ละวัน  

ทุกวันนี้ เราคือกองเชียร์ที่มีเลือดคนไทยเต็มเปี่ยม มีความสุขทุกครั้งที่นักกีฬาของเราชนะ และรู้สึกเสียใจทุกครั้งเช่นกัน ที่นักกีฬาเราแพ้

แต่แล้ว โลกโซเชียลกำลังทำให้กองเชียร์เปลี่ยนไป แต่ท้ายที่สุดเราต้องไม่ลืมนะครับว่า เราเลือกได้ครับ

เราเลือกได้ว่า "เราจะเป็นกองเชียร์ที่น่าชื่นชม" หรือ "เราจะเป็นกองเชียร์ที่น่ารังเกียจ" มันก็เท่านั้นเองครับ!  


เรื่องโดย "บ.ส้มซิ่ง"

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ ชีวิตเลือกได้ ระหว่าง "กองเชียร์ที่น่าชื่นชม VS กองเชียร์ที่น่ารังเกียจ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook