ซิตี้ "ลงตัว".. เชลซีต้องซื้อ "สโตนส์"

แม้จะบุกไปเก็บชัยชนะได้ทั้ง เชลซี และแมนฯ ซิตี้ ทว่าเมื่อพิจารณาในรายละเอียดก็จะถือว่าเป็น "3 แต้ม" ไม่ง่ายเอาซะเลยของแชมป์ และรองแชมป์เมื่อปีที่ผ่านมา

เชลซี ต้องเล่น 10 คนเป็นเกมที่ 2 จาก 3 นัดแรกของฤดูกาลใน "สถานการณ์" คล้ายๆกัน ที่โดนกองหน้ารูปร่างใหญ่ แกร่ง และเร็ว "ทะลุ" กำแพงเกมรับนำโดย จอห์น เทอร์รี่ เข้าแดนอันตรายจนต้องเสีย "ใบแดง" แบบ professional foul

ครั้งก่อนในนัดเปิดฤดูกาล บาเฟติมบี้ โกมิส ของสวอนซีทำให้ ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ต้องพลาดเสียท่า และเสียจุดโทษ

ครั้งนี้ ถึงคิว จอห์น เทอร์รี่ ซึ่งเสียเหลี่ยมเหมือนหนก่อน แต่คราวนี้ไม่รอดซะเอง เสียใบแดงให้กับ ซาโลมอน รอนดอน หัวหอกสไตล์คล้ายโกมิส

อันเป็นที่มาของหลังเกมที่ โจเซ่ มูรินโญ่ ประกาศจะซ้อมเล่น "10 คน" เพราะใครๆ (People) ชอบจะเห็นเชลซีแพ้!

แม้จะชัดเจนว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ทั้ง กูร์กตัวส์ และเทอร์รี่ กระทำโปรเฟสชันนัล ฟาล์ว จริง ๆ

ครับ นี่คือ “สัญญาณ” ที่บอกว่า วิธีการรับของเชลซีที่รับมือบอลตัดหลังแบ็คลักษณะนี้มีปัญหา

จอห์น เทอร์รี่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักตั้งแต่เกมแรกแล้ว และเกมนี้กองหลังวัย 34 ปีก็หนีไม่พ้นการตกเป็นเป้าโจมตีอีกแน่ ๆ

หากไม่นับเกมที่ 2 คั่นกลางที่แพ้แมนฯ ซิตี้ 0-3, มูรินโญ่ ก็เปลี่ยนตัวเค้าออกจากสนามหลังจากจบครึ่งแรก!

เชลซี ณ เวลานี้ “รับสูง” แต่เซนเตอร์ฮาล์ฟนำโดย จอห์น เทอร์รี่ ไม่มีความเร็ว, แกรี่ เคฮิลล์ หรือเคิร์ต ซูม่า ก็ไม่จัดว่า “จี๊ด” นักหากจะเทียบกับกองหน้า

โอกาสเสี่ยงจะโดนวางบอลพื้นที่ว่างระหว่างแนวรับ กับผู้รักษาประตูจึงมีได้ตลอด

อย่างไรก็ดีครับ จะโทษกองหลังอย่างเดียวไม่ได้ เพราะที่ถูกมองว่าเป็น “ประเด็น” เช่นเดียวกัน คือ ผลงานของ เนมันย่า มาติช ที่ “คนเดียว” เอาไม่อยู่เหมือนก่อน

ขณะที่ เชส ฟาเบรกาส เน้นเกมรุกมากกว่ารับ ดังนั้นกลางสนามจึงมี “เวลา” ให้ฝ่ายตรงข้ามได้วางบอล เฉพาะอย่างยิ่งหากมีกองหน้าเร็วๆ และใหญ่ๆ อย่าง โกมิส หรือรอนดอน

ในส่วนเกมรุก การเข้ามาของ เปโดร ที่ยิง 1 และจ่าย 1 ไม่นับเกือบจะ assist ได้อีกอย่างน้อย 2 หนให้ วิลเลี่ยน และดิเอโก้ คอสต้า ถือว่า “โชคดีมาก” สำหรับทีมสิงโตน้ำเงินคราม

เพราะนี่คือ นักเตะเกรดเอ ที่ “กระหาย” อยากพิสูจน์ตัวเอง และไม่ต้องเวลาเลยในการปรับตัวกับทีมใหม่

ถึงเวลานี้ ผมเริ่มมองนะครับว่า หากเป็นไปได้ จอห์น สโตนส์ “จำเป็น” ซะแล้วสำหรับ “สไตล์” และวิธีการเล่นเกมรับของทีมในซีซั่นนี้ที่องค์ประกอบในตำแหน่งต่างๆเปลี่ยนไป

เพราะสโตนส์ ได้รับ “คำชม” มากในเกมเอฟเวอร์ตัน พ่ายแมนฯ ซิตี้ 0-2 ในบ้านจากความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ ความนิ่ง และการอ่านเกม

หรือก็คือ มี “ส่วนผสม” ของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับจอห์น เทอร์รี่ อยู่ในคนเดียวกัน

ผมอาจจะพูด “เกินเลย” ทว่ากำลังหมายถึง สโตนส์ สามารถพัฒนาตัวเองไปสู่จุดดังกล่าวได้

หาไม่แล้ว เอฟเวอร์ตัน ก็คงไม่กล้า “ปฏิเสธ” เชลซี ครั้งแล้วครั้งเล่ากับค่าตัวจาก 20 เป็น 30 และทำท่าจะจบไม่ต่ำกว่า 40 ล้านปอนด์

เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ แม้จะสร้างสถิติชนะรวด 100% แต่ใน “เนื้อผ้า” ก็ยิงได้ในครึ่งหลัง และได้ประตูที่ 2 ในจังหวะที่ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินต้องการบุกแลกจะทวงประตูคืน

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า มานูเอล เปเญกรินี่ และลูกทีมมาดีจริงๆ โดยเฉพาะ “บาลานซ์” ระหว่างเกมรุก และรับที่ได้เห็น เอเลียควิม ม็องกาล่า จับคู่แว็งซ็องต์ กอมปานี แล้วจะ “สงสัย” ว่า นิโคลัส โอตาเมนดี้ จะแทรกเข้าสู่ทีมได้อย่างไร

ณ เวลาที่เกมดีอยู่แล้ว เฉพาะอย่างยิ่ง กุน อเกวโร่ ที่แม้จะยิงไม่ได้ แต่ “คมกริบ” และดาวิด ซิลบา ที่ “เหนือชั้น” จริงๆ

ซิตี้ จึงไม่ได้แค่ชนะทุกนัด แต่ยังไม่เสียประตู และยิงได้ถึง 8 เม็ดอีกต่างหาก

สรุปได้สั้นๆ ครับว่า เรือใบสีฟ้า “ลงตัว” และยังมีอะไหล่ให้ได้ใช้ข้างสนาม ส่วนเชลซี ดูเหมือนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกัดฟันซื้อ จอห์น สโตนส์ เข้ามาเสริมแกร่งครับ