จับตา “คดีวาร์ดี้” และผลต่อการลุ้นแชมป์

จับตา “คดีวาร์ดี้” และผลต่อการลุ้นแชมป์

จับตา “คดีวาร์ดี้” และผลต่อการลุ้นแชมป์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผลงานตามพาดหัวหน้าปก “ฮอตสกอร์” เมื่อวานนี้ว่า “จิ้งจอก9ชีวิต” ผมมองว่า ไม่ขี้เหร่แม้แต่น้อยสำหรับเลสเตอร ในเกมเปิดบ้านรับมือทีมฟอร์มแรง เวสต์แฮม และสามารถไล่ตามตีเสมอ 2-2 ได้ในช่วงทดเวลาเจ็บ

ครับ ทันทีที่เห็น fixture เกมนัดนี้ ผมเชื่อว่า หลายคนมองว่า “ไม่หมู” และ 1 แต้มแม้จะในรัง “คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม” ก็ไม่ได้ดู “น่าเกลียด” เกินไปสำหรับทีมจิ้งจอกสยาม

และคงไม่ได้มี “อันตราย” เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลต่อโอกาสลุ้นแชมป์ของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ และลูกทีม

แม้ว่า หากชนะ “โอกาส” และความมั่นใจจะพุ่งปรี๊ดยิ่งขึ้นกับคะแนนที่จะทิ้งสเปอร์สซึ่งเตะทีหลัง 10 คะแนน

แต่ 8 แต้มห่าง และอาจขยับเป็น 5 แต้ม (หากสเปอร์สบุกชนะสโต๊ค) ในเวลาที่เหลืออีก 4 นัดก็ไม่ได้ถึงกับแย่โดยเฉพาะหากมองที่ “เนื้อผ้า” ว่า พวกเค้าต้องไล่ตามตีเสมอ และหลังถูกแซงนำท้ายเกม 2-1 ในช่วงทดเจ็บ 90+4

ทว่า ความกังวลถึงขั้น “วิตกจริต” จะมาได้ทันทีหากมองเจาะไปประเด็นที่ทั่วโลกลูกหนังกำลัง “โจษจัน” กรณี เจมี่ วาร์ดี้ ได้บอลจี้เข้าเขตโทษของ เวสต์แฮม แล้วเกิดจังหวะวิ่ง “ทับไลน์” กับ แองเจโล่ อ๊อกบอนน่า จนล้มกลิ้งลงไป!

ณ เวลาบนเข็มนาฬิกาที่ 56 ขณะเลสเตอร์ ยังคงนำ 1-0 จากประตูของวาร์ดี้ตั้งแต่นาทีที่ 18 ในศึกสำคัญนัด “ซูเปอร์ซันเดย์” นั่นแหละครับ

แน่นอน ความรู้สึก “วูบแรก” น่าจะมองว่า โจนาธาน มอสส์ เป่านกหวีดตัดสินให้เป็นลูกจุดโทษ เพราะสถานการณ์ทุกอย่างล้วนเป็นใจ



แต่แล้วเชิ้ตดำรายนี้ กลับให้ใบเหลืองกองหน้าทีมชาติอังกฤษที่กลายเป็นใบเหลืองที่ 2 และ “ใบแดง” ออกจากสนามท่ามกลางความงุนงงของแฟน ๆ ในสนาม และทั่วโลกที่เฝ้าติดตามการถ่ายทอดสดอยู่หน้าจอทีวี

ครับ ประเด็นนี้สร้างกระแสอย่างร้อนแรง และทำ “เสียงแตก” เป็น 2 ฝ่ายไม่ต่างกันมากจากรายงานของสื่อผู้ดี อาทิ เดลี เทเลกราฟ

เรียกได้ว่า “เห็นด้วย” ว่า วาร์ดี้ ผิดจริง และพุ่งล้มมีเท่า ๆ กับ “ไม่เห็นด้วย” และมองว่า กองหน้าวัย 29 ปีถูก อ๊อกบอนน่า ใช้แขนดึง และมีการสัมผัสตัวกัน ขาขัดกันจริง

นั่นจึงเป็นที่มาของงานชิ้นนี้ที่ผมจะขออนุญาตเสริม และร่วมวิเคราะห์ด้วยสั้น ๆ ตามสถานการณ์

สำหรับประเด็น “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย” จะมีอีกมุมหนึ่งแทรกเข้ามาแล้วพบว่า: (แทบ)ทุกคนเห็นด้วยนั่นคือ วาร์ดี้ กระโดดเป็นกุ้งโดนน้ำร้อนมากไปหลังถูกสัมผัสในเขตโทษ

เรียกได้ว่า acrobatic มากไปจนอาจเป็น “ปัจจัย” ให้มอสส์ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า วาร์ดี้ พุ่งล้มจะเอาจุดโทษ

ในมุมผู้ “เห็นด้วย” ว่า ต้องโดนใบเหลืองนั้นมองว่า วาร์ดี้ มีความพยายามจะสร้างสถานการณ์เอาจุดโทษ หรือพาตัวเองไปวิ่ง “ทับไลน์” ให้เกิดการสัมผัส “ขัดขา” กันเกิดขึ้น

และแม้ถูกสัมผัสแล้ว วาร์ดี้ ยังสามารถลากลุยต่อไปได้เพื่อทำประตู แม้เหลี่ยมมุมจะบีบให้เค้าอาจต้องใช้ “เท้าซ้าย” ในการจบสกอร์ก็ตาม

ข้างคน “ไม่เห็นด้วย” หรือคิดว่า สมควรได้จุดโทษ รวมถึงผมเอง จะมองว่า มันเป็น “เหลี่ยมบอล” และเป็นสิ่งที่กองหน้า (ส่วนใหญ่) ทำอยู่แล้วเพื่อประโยชน์ของทีม



และหากกองหลัง “หลงเหลี่ยม” หรือเข้าทางมาสัมผัสส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายจนรู้สึกได้ การล้มจึงเกิดขึ้น

เฉพาะอย่างยิ่ง วาร์ดี้ มีความเร็วสูง แต่รูปร่างไม่ใหญ่โต จึงไม่ยากนักจะล้มลงอันเป็นสไตล์ส่วนตัวอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน คำถามว่า ทำไมไม่ไปต่อ?

ผมมองว่า วาร์ดี้ใช้เวลา “เสี้ยววินาที” คำนวณในใจแล้วว่า โอกาสไปต่อแล้วยิงเข้าน่าจะมีน้อยกว่า เพราะมุมยิงเหลือน้อย และเป็นด้านเท้าซ้าย

ล้มตัวลงเลยหลังรู้สึกทั้งไหล่/หลังว่ามี “แขน” มาโดน และสัมผัส “ขาขัด” กันได้แล้วจึงเกิดขึ้น

อย่างไรก็ดี ผมมองว่า การไม่ให้จุดโทษ และ “ไล่ออก” ผู้ถูกกระทำดู “โหดร้าย” มากไป กรรมการมอสส์น่าจะเตือนมากกว่า และไม่ให้จุดโทษ

น่าจะจบสวย!

ขณะเดียวกัน คำตัดสินนี้โดยผู้ตัดสินวัย 45 ปียังฉายภาพให้เห็นประเด็นอื่น ๆ มากมาย เช่น ความไม่สม่ำเสมอ

อาทิ ทำไม “ให้” จุดโทษเวสต์แฮม แต่ “ไม่ให้” เลสเตอร์ จากกรณี “ใช้แขน” โอบ หรือเหนี่ยวผู้เล่นในกรอบเขตโทษเหมือน ๆ กัน

จน “เครดิต” มอสส์ไม่เหลือ และ “ตอกย้ำ” สุด ๆ ในช่วงทดเจ็บที่เสมือนให้จุดโทษ “ชดเชย” คำตัดสินตัวเองแก่เลสเตอร์ ในจังหวะไม่ชัดที่ แอนดี้ แคร์โรลล์ ใช้บอดี้ด้านบน และไหล่กระแทก เจฟเฟอรี ชลูปป์

ในเกมที่จบ 2-2 แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ยังไม่จบ และไม่รู้ว่า จอน มอสส์ จะรายงาน “เอฟเอ” เพิ่มเติมอะไร อย่างไร หรือไม่กับคำพูดไม่เหมาะสมของ วาร์ดี้หลังโดนเชิญออก

ซึ่งนั่นจะหมายถึง “โดนแบน” มากกว่า 1 เป็น 2-3 นัด หรืออาจเป็นได้เหมือนกันว่า “คดีพลิก” เพราะเลสเตอร์ ก็มีสิทธิ์ที่ยื่นอุทธรณ์เช่นกันตามมุมมองฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน

ฉะนั้น งานนี้ต้องตามให้จบ เพราะการมี/ไม่มี เจมี่ วาร์ดี้ ไม่ว่าจะกี่นัด? จะมีผลต่อโอกาสลุ้นแชมป์ของเลสเตอร์ ซิตี้ ครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook