สกู๊ป : 7 นัดสำคัญสร้างตำนาน "เทพนิยายจิ้งจอกสยาม"

สกู๊ป : 7 นัดสำคัญสร้างตำนาน "เทพนิยายจิ้งจอกสยาม"

สกู๊ป : 7 นัดสำคัญสร้างตำนาน "เทพนิยายจิ้งจอกสยาม"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในที่สุด เลสเตอร์ ซิตี้ ก็สามารถสร้างตำนาน “เทพนิยายจิ้งจอกสยาม” ได้สำเร็จ เมื่อท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ พลาดท่าโดนเชลซีไล่ตีเสมอ 2-2

ทำให้ทีมจากมิดแลนด์ซึ่งไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดเลยตลอดระยะเวลา 132 ปีที่ก่อตั้งสโมสร กลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16

แน่นอนว่ามีเรื่องราวความมหัศจรรย์หลายอย่างที่เกิดขึ้นที่ชวนให้พูดถึง แต่ท่ามกลางปัจจัยเหตุเหล่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของผลงานในสนาม

ซึ่งตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านการต่อสู้เกมแล้วเกมเล่า ท่ามกลางเสียงปรามาศมากมาย เลสเตอร์ สามารถพิสูจน์จนได้ว่าพวกเขาคือของจริง

และนี่คือ 7 เกมสำคัญที่ทำให้ เลสเตอร์ สร้างเทพนิยายที่จะถูกเล่าสืบไปชั่วลูกชั่วหลานได้สำเร็จ


1. เลสเตอร์ ซิตี้ 4-2 ซันเดอร์แลนด์ (8 ส.ค.2015)

แม้บรรยากาศในช่วงพรีซีซั่นจะไม่สู้ดีนักจากกระแสข่าวฉาวในการมาเยือนไทย แต่ชัยชนะในเกมแรกของฤดูกาลเหนือ ซันเดอร์แลนด์ ด้วยผลการแข่งที่ดีถึง 4-2

ซึ่งมีชื่อของ เจมี่ วาร์ดี้ และ ริยาด มาห์เรซ รวมอยู่ด้วยเป็นการกำหนดทิศทางของทีมได้อย่างยอดเยี่ยม และยังเป็นการสยบเสียงวิจารณ์การเข้ารับตำแหน่งของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ นายใหญ่ที่ไร้ราคาในสายตาคนวงการฟุตบอลด้วย



2. เลสเตอร์ ซิตี้ 3-2 แอสตัน วิลล่า (13 ก.ย.2015)

ฤดูกาลผ่านไปแล้ว 5 นัด เลสเตอร์ ตกเป็นรองในเกมมิดแลนด์ ดาร์บี้ อยู่ 2-0 แต่กลับสามารถพลิกล็อกกลับมาเอาชนะได้ 3-2

และทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังคู่แข่งกี่ครั้งก็จะสามารถกลับมาได้เสมอ เกมนี้คือเกมที่สร้างแรงบันดาลใจที่มีความหมายอย่างยิ่ง


3. เลสเตอร์ ซิตี้ 2-5 อาร์เซนอล (26 ก.ย.2015)

ความปราชัยนัดแรกของฤดูกาลต่อทีมที่ถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นแชมป์ลีกได้ และเป็นความปราชัยที่หนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง ในเกมนี้ อาร์เซนอล สอนพวกเขาถึงบทเรียนสำคัญว่าทีมระดับท็อปเป็นอย่างไร

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการที่หลังจากเกมนี้ รานิเอรี่ ได้มีการปรับแนวรับใหม่โดยเลือกใช้ แดนนี่ ซิมป์สัน และคริสเตียน ฟุคส์ แทนที่ของ ริตชี่ เดอ ลาเอต์ และเจฟฟรีย์ ชลุปป์ ทำให้ไลน์แบ็กโฟร์ของเลสเตอร์ ลงตัวและแกร่งขึ้นเรื่อยๆ



4. เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (28 พ.ย.2015)

อาจจะไม่ชนะในเกมนี้ แต่เป็นวันสำคัญของ เจมี่ วาร์ดี้ สตาร์ของทีมที่สร้างสถิติทำประตูได้ 11 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเมื่อดูจากเส้นทางของวาร์ดี้ ผลงานของเขาเป็นบทพิสูจน์ที่ดีว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ในเกมฟุตบอล


5. เอฟเวอร์ตัน 2-3 เลสเตอร์ ซิตี้ (19 ธ.ค. 2015)

จากสถิติที่จ่าฝูงในช่วงคริสต์มาส 5 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุดจะเป็นแชมป์ ทำให้เลสเตอร์ ต้องการชนะเอฟเวอร์ตันให้ได้

ซึ่ง 2 ประตูของ มาห์เรซ และอีกหนึ่งประตูของ ชินจิ โอคาซากิ ทำให้พวกเขารักษาจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสได้ โดยนำหน้า อาร์เซนอล 2 คะแนน เป็นการเติมเชื้อความเชื่อเข้าไปในทีมได้อย่างดี



6. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 เลสเตอร์ ซิตี้ (6 ก.พ.2016)

เลสเตอร์ ทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง พวกเขารักษาจ่าฝูงเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่คนยังไม่เชื่อมากนักว่าพวกเขาจะทำได้ ชัยชนะในเกมก่อนหน้ากับลิเวอร์พูล เริ่มทำให้คนพูดถึงการที่เลสเตอร์จะเป็นแชมป์แล้ว

แต่เกมสำคัญที่ทำให้ทุกคน รวมถึงพวกเขาเหล่าจิ้งจอกเองเชื่อว่าทีมชุดนี้ “ดีพอ” คือการบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ขณะนั้นเป็นรองจ่าฝูงและตามหลังแค่ 3 คะแนน ได้ 3-1

เกมนี้คือเกมที่เยี่ยมที่สุดในฤดูกาล และเป็นเกมที่เป็นจุดเปลี่ยนในการคว้าแชมป์ด้วย


7. ซันเดอร์แลนด์ 0-2 เลสเตอร์ ซิตี้ (10 เม.ย.2016)

ความกดดันเริ่มถาโถม แต่ฟอร์มที่ร้อนแรงของ วาร์ดี้ ที่เหมา 2 ประตูในเกมที่สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ช่วยคลายความกังวล และทำให้ทีมการันตีการไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

ซึ่งจากจุดนั้นทำให้ทุกคนในทีมมองไปที่เป้าหมายต่อไปที่สูงกว่า นั่นคือ “แชมป์” และพวกเขาก็ทำได้จริงๆ!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook