เจาะลึก! "เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ" บันไดสำคัญสู่เวทีระดับโลก
เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบ ชิงแชมป์เอเชีย ท่ีมีความสําคัญอย่างมาก ในการพัฒนาวงการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในทวีปเอเชีย นับเป็นบันไดก้าว สําคัญของนักกีฬาจากเมืองไทย ในการก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพ และต่อยอดไปจนถึงการแข่งขันในระดับโลก
นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 การแข่งขัน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ สามารถดึงให้ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ในเอเชีย เข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างต่อเนื่อง โดยทุกๆ แบรนด์ อาทิ ฮอนด้า, ยามาฮ่า, คาวาซากิ และ ซูซูกิ ต่างส่งนักบิดจากทีม โรงงานของแต่ละประเทศเข้าร่วมการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลากว่า 20 ปี
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การแข่งขันรายการนี้ได้หวนกลับมาจัดที่ เมืองไทยอีกครั้ง หลังเว้นวรรคไปกว่า 16 ปี โดยนับเป็นความ สําเร็จอย่างย่ิงใหญ่ของกีฬามอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการถือ กําเนิดของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ พร้อมๆ กับการยอมรับ ในมาตรฐานการจัดการแข่งขันในระดับโลก
ส่งผลให้ 2 ปีที่ผ่านมา เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ มีขึ้นในเมือง ไทยถึง 3 สนาม ได้แก่ 1 คร้ังในปี 2014 ก่อนที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจะ เลือกใช้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพอีก 2 ครั้งในปี 2015 พร้อมกับเป็น การฉลองครบรอบ 20 ปี ของ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ อีกด้วย ขณะที่ในปี 2016 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 2 ครั้ง ในสนามที่ 2 วันที่ 7-8 พฤษภาคมนี้ และสนาม 6 ซึ่งเป็นสนามปิดฤดูกาลในวันที่ 3-4 ธันวาคม
เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ เปรียบเสมือนเวที แห่งการวัดคุณภาพจักรยานยนต์ของค่ายผู้ผลิตแต่ละ แบรนด์ เนื่องจากรถที่ใช้สําาหรับการแข่งขันแต่ละรุ่น ต้องมีจําาหน่ายตามท้องตลาดจริงๆ หรือที่เรียกกันว่า โปรดักชั่น ไบค์ นั่นเอง โดยมีการแบ่งรุ่นสําาหรับปัจจุบัน ดังนี้ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี., เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. และ อันเดอร์โบน 130 ซี.ซี. และแน่นอนว่า นักบิดของแต่ละทีมถูกส่งเข้าแข่งขันในนามตัวแทนของ แต่ละประเทศ รวมถึงนักบิดจากประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันรุ่น เอเชีย ดรีม คัพ และ ซูซูกิ เอเชียน ชาลเลนจ์ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อสานฝัน และ ยกระดับให้นักบิดในเอเชีย พัฒนาตนเองสู่การแข่งขัน ที่สูงขึ้น และหากพวกเขาทําได้ ผู้สนับสนุนก็พร้อมจะ ผลักดันสู่การแข่งขันระดับสูงสุดอย่าง เวิลด์ จีพี นั่นเอง
การแข่งขันรายการนี้ได้รับการติดตามจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก สามารถดึงนักบิดระดับโลก อย่าง ยูกิ ทากาฮาชิ นักบิดชาวญี่ปุ่น ซึ่งในอดีตเคยร่วม แข่งขันโมโตจีพี และ โมโตทู มาแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ยัง เป็นการรวมเอานักบิดชั้นนําาของประเทศต่างๆ ในทวีป เอเชีย ได้แก่ ไทย, ญี่ปุ่น, จีน, ออสเตรเลีย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลลิปปินส์, อินเดีย, ศรีลังกา, สิงคโปร์ และ อีกหลายประเทศ เพื่อชิงความเป็นหนึ่งด้วยรูปแบบการแข่งขันที่สามารถต่อยอดไปสู่การแข่งขัน ระดับโลกได้
เมื่อมีนักบิดจากหลากหลายประเทศ แฟนๆ ความเร็วจาก ทุกประเทศที่กล่าวมาน้ัน ก็ย่อมติดตามการแข่งขันอย่าง ใกล้ชิดตลอดทั้งฤดูกาล รวมถึงแฟนชาวไทย ที่ให้ความ สนใจ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ มากขึ้นอย่างเห็น ได้ชัด เนื่องจากการแข่งขันมีขึ้นในเมืองไทยถึง 3 ครั้ง ในช่วง 2 ปีท่ีผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันจากเมืองไทย ไปยังทั่วโลก หลายประเทศในทุกๆ ทวีป กว่า 30 ประเทศ รวมถึงเมืองไทยด้วย
สิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับ ฝ่ายจัดการแข่งขัน รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ คือ จํานวนผู้ชม ที่เดินทางเข้าชมการแข่งขันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งใน 5 คร้ังที่ผ่านมาน้ัน มีผู้ชมชาวไทย และชาวต่างชาติตบเท้าเข้าชมการแข่งขันเฉลี่ย 30,000 คน (รวม 3 วัน) ในสุดสัปดาห์ที่มีการแข่งขัน ซึ่งเป็นตัวเลข ที่สูงกว่าบรรดาสนามอื่นๆ ของรายการน้ีกว่าร้อยละ 90
ปัจจุบันวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดและ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการแข่งขันจักรยานยนต์นั้น ประเทศไทยได้สร้าง นักบิดที่มีชื่อเสียงมากมายทั้งในระดับเอเชีย และที่สามารถไต่ไป จนถึงระดับโลก
ในแง่ของการยกระดับความสามารถของนักบิดไทย การแข่งขัน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ถือเป็นเวทีในการพัฒนาและชี้วัด ความสามารถเด็กไทยได้เป็นอย่างดี เราได้เห็นแล้วว่าทีมแข่งจาก ประเทศไทย และนักบิดไทยสามารถต่อสู้กับนักบิดชั้นของของ เอเชียได้แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศมาเลเซีย ส่งนักบิดที่ผ่านการแข่งขัน รายการนี้ ขึ้นไปสู่การแข่งขันระดับโลกถึง 3 คน ได้แก่ ฮาฟิซ ซยาริน, อาซลัน ชาห์ และ ซัควาน ไซดี้ ซึ่งนักบิดเหล่านั้นสามารถ ติด 1 ใน 15 ของรุ่น โมโตทู ในรายการ โมโตจีพี ได้ ซึ่งในอนาคต เราอาจมีโอกาสได้เห็นนักบิดไทยต่อยอดไปจนถึงระดับเดียวกันนี้ หากได้รับการฝึกฝน และได้รับการสนับสนุนให้ได้แข่งขันอย่าง ต่อเนื่อง
และแน่นอน เมื่อการแข่งขันรายการนี้กลับมาแข่งขันในเมืองไทย อีกครั้ง ก็สามารถช่วยกระตุ้นให้ค่ายผู้ลติตรถจักรยานยนต์ ในเมืองไทย ยกระดับความสําคัญในการผลักดันเด็กไทยมากขึ้น กว่าที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการก้าวเดินแบบถูกทิศทางในการพัฒนา กีฬามอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทยนั่นเอง
ในที่ผ่านมานักแข่งไทยได้สร้างชื่อเสียงมากมายในรายการนี้ โดยเฉพาะ มุกข์ลดา สารพืช ที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักบิดผู้หญิงคนแรก ที่สามารถ คว้าแชมป์ในรุ่น เอเชีย ดรีม คัพ เหนือนักบิดชาย รวมถึง นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร และ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ท่ีคว้ารองแชมป์และ อันดับ 3 ของเอเชีย ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. มาครองได้ มาติดตามกันว่าในปี 2016 นักกีฬาจากประเทศไทยจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน
โดยการแข่งขัน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2016 สนาม 2 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์