สกู๊ป : มันไม่ใช่เกมฟุตบอล ...แต่เป็น "Money Game"

สกู๊ป : มันไม่ใช่เกมฟุตบอล ...แต่เป็น "Money Game"

สกู๊ป : มันไม่ใช่เกมฟุตบอล ...แต่เป็น "Money Game"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงละครหลังข่าวกำลังเข้มข้นในแทบทุกช่อง มีข่าวกีฬาที่ต้องบอกว่าไม่มีข่าวไหนจะใหญ่กว่าข่าวนี้อีกแล้วในรอบวันที่ผ่านมา

นั่นคือข่าวที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจขาย "เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ไปให้กับคู่แข่งตลอดกาลอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แบบสุดช็อก  

เพราะอะไรนะหรือ หลายคนที่ได้ยินข่าว ต่างก็มีคำถามผุดขึ้นในหัวอย่างมากมาย เช่น!!!

1. บุรีรัมย์ ขายนักฟุตบอลไทย ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในประเทศไทย และเป็นกัปตันทีมชาติไทย ออกจากทีม

2. บุรีรัมย์ ขายให้กับเมืองทอง ซึ่งเป็นคู่ปรับตลอดกาลและไม่เป็นเพียงแต่เป็นทีมที่กำลังขับเคี่ยวชิงแชมป์คืน
จากบุรีรัมย์ แต่ กำลังทวงคืนความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลไทย กลับคืนมา หลังจากที่สูญเสียให้บุรีรัมย์ ไปหลายปี   

3. บุรีรัมย์ กำลังยวบ เมืองทอง กำลังคึก การกระทำเช่นนี้ ไม่ต่างจากการส่งดาบให้ศัตรูมาฟันคอตัวเอง


แต่....."เนวิน ชิดชอบ" คนที่ "เจ้าอุ้ม" เรียกว่า “พ่อ” ทุกคำ เป็นเวลา 6 ปี และเป็นคนที่ดุด่า ธีราทร ได้ทุกเรื่อง กลับทำเรื่องที่ น้อยคนจะคิดว่าเป็นจริง แม้ว่าจะเคยคาดการณ์ วิเคราะห์ แต่ก็ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริงเร็ววันนี้  
แถลงการณ์จากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ระบุว่าเหตุผลของการขาย ธีราทร ให้กับเมืองทอง มี 3 ข้อ คือ

1. ธีราทร ขอย้ายออกจากทีม
2. ไม่มีทีมต่างประเทศ ยื่นข้อเสนอมาอย่างจริงจัง  
3. ธีราทร เลือกที่จะไปเมืองทอง

แม้ บุรีรัมย์ อยากจะรั้งไว้ให้ธีราทร อยู่เป็นตำนานของบุรีรัมย์  แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะธีราทร เลือกแล้วที่จะเดินแบบนี้ ก็ต้องยอมรับ   

แต่....อะไรคือ เหตุผลสำคัญของการตัดสินใจครั้งสำคัญของทั้ง 3 ฝ่าย   

บุรีรัมย์  ปล่อยธีราทร ออกจากทีม แบบไม่สนใจว่าวันหนึ่งจะกลับมาฆ่าตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังมีสัญญาอยู่ในมือ 2 ปีครึ่ง

ธีราทร เดินออกจากทีมที่เขามีส่วนร่วมกับความยิ่งใหญ่มาตั้งแต่วันแรก ไปสู่ทีมที่เขาเคยปฏิเสธ และเคยปฏิเสธเขา

เมืองทอง ยื่นข้อเสนออย่างไรจึงทำให้บุรีรัมย์ ยอมขาย และ ธีราทร ยอมเข้าร่วมทีม

  การบาดหมางบนโลกโซเชี่ยล คือเหตุผลเดียวของเรื่องนี้จริงหรือ ที่ทำให้ธีราทร ต้องออกจากบุรีรัมย์ ไปอยู่เมืองทอง ชนิดที่แฟนบุรีรัมย์ คงยากจะยอมรับ และทำใจได้  

ในโลกของฟุตบอล แฟนบอลของสโมสรทุกสโมสรในโลก การที่นักเตะที่รักและชื่นชอบย้ายจากทีมรักไปอยู่ทีมปรปักษ์ แบบนี้ เป็นเรื่องที่ยากจะทำใจได้ ยิ่งเป็นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ที่เป็นหัวใจของทีมด้วยแล้ว มันเหมือนโดนสะบั้นรักและควักหัวใจออกไปด้วย  

แต่ สำหรับสโมสร และ นักเตะ แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เรียกสวยๆ ก็บอกว่ามันคือ วิถีทางของฟุตบอล หรือจะเรียกแบบตรงไปตรงมา มันก็คือ การทำธุรกิจ นั่นเอง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคำว่า "พ่อค้าแข้ง" "ค่าตัว" และ "เอเย่นต์" ในธุรกิจนี้

ในแถลงการณ์ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  ทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ยอมรับชัดเจนว่า ไม่อยากปล่อยธีราทร ออกไป แต่ ธีราทร อยากไป และเลือกแล้วที่จะไปเมืองทอง หลังจากที่รอข้อเสนอจากทีมต่างประเทศ ก็มีแต่จีบ ไม่มีจบจริงๆ สักราย  

ต้องดูว่าเงื่อนไขในทางธุรกิจที่บุรีรัมย์ ต้องปล่อย และธีราทร ต้องไป และ เมืองทอง ได้ไป คืออะไร

1. สัญญาของบุรีรัมย์ กับธีราทร จะจบสิ้นปี 2559 และ บุรีรัมย์มีสิทธิต่อได้อีก 2 ปี หากบุรีรัมย์ รอจนสิ้นปี 2559  ธีราทร ก็จะกลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ ย้ายไปทีมไหนก็ได้ โดยที่บุรีรัมย์  ไม่มีรายได้จากต้นสังกัดใหม่ของธีราทร  

2. หากบุรีรัมย์ จะต่อสัญญาฉบับใหม่กับธีราทร ก็ต้องมีค่าเซ็นสัญญา อีกก้อนหนึ่ง ซึ่งเชื่อได้ว่าค่าเซ็นของนักเตะที่ชื่อ ธีราทร ต้องไม่ธรรมดา แน่ๆ   แต่ด้วยสถานะอย่างบุรีรัมย์ การจะทุ่มเงินเพื่อต่อสัญญาธีราทร ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาการที่นักเตะ แจ้งความต้องการ “ขอย้ายทีม” ก็แปลว่าไม่ต้องการเซ็นสัญญากับบุรีรัมย์ อีกแล้ว ทางเดียวที่บุรีรัมย์ จะทำได้ในสถานการณ์นี้ คือ ต้องขายธีราทร ออกไป ด้วยราคาที่คุ้มค่า   

3. วันนี้ ธีราทร อายุ 27 ปี การต่อสัญญาฉบับใหม่ จะต้องเป็นสัญญาที่คุ้มค่าที่สุดกับการเซ็น เพราะอาจจะ เป็นสัญญาฉบับสุดท้ายในยุครุ่งเรืองของกัปตันทีมชาติไทย ก็เป็นได้  


4. เมื่อไม่มีข้อเสนออย่างจริงจังจากลีกต่างประเทศ ในขณะที่นักเตะ แจ้งว่าไม่ต่อสัญญาด้วยแล้ว ก็เป็นโอกาส ของทีมในไทยลีก ที่จะคว้าตัวธีราทร ไป ซึ่งทัดเทพ บอกว่ามีมากกว่าหนึ่งสโมสร แต่สุดท้ายก็เป็นเมืองทอง ที่ได้ไป เพราะธีราทร เลือกเอง

5. ว่ากันว่าสัญญาซื้อขายครั้งนี้ เป็นสัญญาซื้อขายที่เป็นประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทย แหล่งข่าวที่ เชื่อถือได้ วิเคราะห์ว่า เมืองทอง ต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท เพื่อคว้าธีราทร เข้าสู่ถ้ำกิเลน

"พี่ทอม" แห่งสายเลือดบอลไทย ให้ข้อมูลว่าบุรีรัมย์ เคย เสนอราคาขายธีราทร ให้กับทีมในเจ-ลีก (ที่มาจีบ) 1 ล้านเหรียญสหรัฐ

จึงน่าเชื่อว่าการขายให้กับเมืองทอง ก็จะเป็นราคาเดียวกัน คือ ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และคาดว่าจะต้องจ่ายค่าเซ็นสัญญาให้ธีราทร อีกปีละ 4-5 ล้านบาท สำหรับสัญญาอายุ 4 ปี ก็เป็นเงิน ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินเดือน ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 700,000 บาทต่อเดือน  

6. อาจจะด้วยความที่ทุกคนอยากร่วมสร้างประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทย ดีลนี้จึงบรรลุข้อตกลงได้  อย่างรวดเร็ว ก่อนตลาดซื้อขายจะเปิดด้วยซ้ำไป 

ธีราทร กลายเป็นนักฟุตบอลไทยที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์  บุรีรัมย์ เป็นสโมสรที่ขายนักฟุตบอล ได้ราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ และ เมืองทอง ก็ได้เป็นสโมสรที่ทำสถิติการซื้อนักฟุตบอลที่มีราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ แถมด้วยการเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีนักฟุตบอลทีมชาติ อยู่ร่วมทีม มากที่สุดในประวัติศาสตร์  

ถ้ามองด้วยสายตานักธุรกิจ อันแหลมคมของทั้งสองฝ่ายคือ บุรีรัมย์ และ เมืองทอง ต้องถือว่าสมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ใครจะได้กำไร หรือ ขาดทุนจากดีลนี้ มากน้อยเท่าไร ต้องจับตาดูกันต่อไป

ขึ้นอยู่กับว่า ธีราทร จะโชว์ฟอร์มได้สมราคานักฟุตบอลที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้หรือไม่  

6 ปีที่อยู่ในปราสาทสายฟ้า ในฐานะ “ลูกรัก” ของประธานสโมสร ไม่มีใครรู้จักธีราทร มากกว่าเนวิน และไม่มีใครรู้จักเนวิน มากกว่าธีราทร

 
การปล่อยตัวธีราทร ออกจากปราสาทสายฟ้า สู่ถ้ำกิเลน ครั้งนี้  นอกจากธีราทร ที่รู้ว่าเขาจะต้องทำอะไรต่อไป ก็เป็นเนวิน ที่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่  

แต่ที่ได้แน่ๆ คือ ฟุตบอลอาชีพของไทย ที่ถูกยกระดับขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้ว เมื่อการเซ็นสัญญาซื้อขายนักฟุตบอลไทย 1 คนมีราคามากถึง 50 ล้านบาท  

ใครจะมองอย่างไรก็เป็นสิทธิส่วนตัว แต่สำหรับที่นี่ มองว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เหตุผลทางธุรกิจอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และอาจจะเป็นการตัดสินใจที่อยู่เหนือความรัก และหัวใจของแฟนบอล อีกด้วย

เรื่องโดย : สปอร์ตทีม by sanook.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook