ถ้วยเล็กโควตาใหญ่! เกมชี้ชะตาแชมป์ ยูโรปา ลีก
ศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก ผ่านพ้นมา 203 เกม เหลืออีกเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น เราก็จะได้รู้กันแล้วว่าใครจะก้าวขึ้นเป็นแชมป์ประจำฤดูกาล 2015-16 หลังได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย โดยจะเป็นการพบกันของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอดทีมจากเกาะอังกฤษ และ "แชมป์เก่า" เซบีย่า ทีมแกร่งจากสเปน
บทสรุปสุดท้ายจะเป็นเช่นใด ทีมใดจะคว้าแชมป์พร้อมตั๋วลุยศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นหน้าไปครอง วันนี้เราขออาสาพาไปทำความรู้จักกับทั้งสองทีม พร้อมย้อนรอยเส้นทางก่อนถึงนัดชิงฯกัน
ลิเวอร์พูล
สโมสรจากเกาะอังกฤษ เคยผงาดคว้าถ้วยใบนี้มาแล้ว 3 สมัย (ปี 1973, 1976 และ 2001) ซึ่งทั้งสามครั้งเป็นการคว้าแชมป์ในชื่อเดิมคือ ยูฟ่า คัพ พร้อมพกสถิติสุดสวยหรูเข้าชิงชนะเลิศทั้งหมด 3 ครั้ง คว้าแชมป์ได้ทุกครั้ง
มาในฤดูกาลนี้ พวกเขาเริ่มลงเล่นตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่ม แม้ผลงานของทีมจะไม่ค่อยดีนัก จนส่งผลให้มีการเปลี่ยนตัวกุนซือจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาเป็น เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังผ่านไปเพียง 2 นัด แต่ก็จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยผลงานชนะ 2 และเสมอ 4 ไม่เคยแพ้ใคร
รอบ 32 ทีมสุดท้าย "หงส์แดง" ต้องโคจรมาเจอกับ เอาก์สบวร์ก อดีตทีมเก่าของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และพวกเขาก็ไม่พลาดบุกไปยันเสมอมาได้ 0-0 ก่อนกลับมาเฉือนชัยในบ้านหวิว 1-0 ทะลุผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ไปทำศึกแดงเดือด กับ อริสำคัญอย่าง "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่พลพรรคหงส์แดง จะเป็นฝ่ายคว้าชัยไปได้ด้วยประตูรวม 3-1
รอบ 8 ทีมสุดท้าย ถือเป็นไฮไลต์สำคัญเมื่อต้องมาพบกับ "เสือเหลือง" ดอร์ทมุนด์ อีกหนึ่งอดีตทีมเก่าของ เจอร์เก้น คล็อปป์ โดยเกมแรกจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1 ไฮไลต์สำคัญคือเกมนัดสองที่ ทีมจากเยอรมัน บุกมาเป็นฝ่ายออกนำถึงถิ่นแอนฟิลด์ 3-1 กุมความได้เปรียบบานเบอะ แต่กลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่โชว์สปิริตพลิกกลับมาเอาชนะไปได้ในช่วงทดเจ็บ 4-3 ผ่านเข้ารอบไปพบกับ บียาร์เรอัล ในรอบรองชนะเลิศ
รอบรองชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายบุกไปพลาดท่าแพ้มา 0-1 โดยเสียประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนที่นัดสองจะเหมือนหนังม้วนเดิม เมื่อกลับมาเล่นที่แอนฟิลด์ "หงส์แดง" โชว์เพลงแข้งเปิดเกมบุกเข้ากดดันผู้มาเยือนตั้งแต่ต้นเกม ก่อนที่จะเป็นฝ่ายไล่ถล่ม "เรือดำน้ำสีเหลือง" ไปแบบหมดสภาพ 3-0 ฝ่าด่านหินเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ผลงานของ ลิเวอร์พูล
รอบแบ่งกลุ่ม
นัดที่ 1 : เสมอ บอร์กโดซ์ 1-1 (เยือน)
นัดที่ 2 : เสมอ ซิยง 1-1 (เหย้า)
นัดที่ 3 : เสมอ รูบิน คาซาน 1-1 (เหย้า)
นัดที่ 4 : ชนะ รูบิน คาซาน 1-0 (เยือน)
นัดที่ 5 : ชนะ บอร์กโดซ์ 2-1 (เหย้า)
นัดที่ 6 : เสมอ ซิยง 0-0 (เยือน)
รอบ 32 ทีมสุดท้าย
นัดแรก : เสมอ เอาก์สบวร์ก 0-0 (เยือน)
นัดสอง : ชนะ เอาก์สบวร์ก 1-0 (เหย้า)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
นัดแรก : ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 (เหย้า)
นัดสอง : เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 (เยือน)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
นัดแรก : เสมอ ดอร์ทมุนด์ 1-1 (เยือน)
นัดสอง : ชนะ ดอร์ทมุนด์ 4-3 (เหย้า)
รอบรองชนะเลิศ
นัดแรก : แพ้ บียาร์เรอัล 0-1 (เยือน)
นัดสอง : ชนะ บียาร์เรอัล 3-0 (เหย้า)
เซบีย่า
นี่คือสโมสรจากแดนกระทิงดุ ที่คว้าโทรฟี่รายการนี้ไปครองได้มากที่สุดด้วยจำนวนถึง 4 ครั้ง (ปี 2006, 2007, 2014 และ 2015) ที่สำคัญคือเป็นการซิวแชมป์ได้ทั้ง 4 ครั้ง จากการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 4 ครั้งเช่นกัน เรียกว่ามีสถิติทำผลงานในรอบชิงฯ 100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ เซบีย่า ยังมีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรก ที่สามารถคว้าแชมป์ได้ 3 สมัยซ้อน หากสามารถล้ม ลิเวอร์พูล ลงได้ในเกมนัดนี้
หลังก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยทำสถิติเป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อนได้ แถมยังเป็นการทำได้ถึง 2 ครั้งด้วยกัน มาในปีนี้พวกเขาต้องหล่นจากถ้วยใบใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ลงมาเล่นในรายการนี้ โดยประเดิมสนามในเกมรอบ 32 ทีมสุดท้าย ด้วยการไล่อัด โมลด์ จากนอร์เวย์ ไปแบบไม่ยากเย็น ก่อนที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จะผ่านเข้าไปพบกับ บาเซิ่ล ทีมดังจากสวิตเซอร์แลนด์ และก็เป็น "แชมป์เก่า" ที่เดินหน้าผ่านเข้ารอบได้ตามคาด
รอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นการโคจรมาพบกัน ของสองสโมสรจากสเปน โดยทั้งคู่พลัดกันแพ้พลัดกันชนะ ก่อนที่จะต้องไปตัดสินด้วยการต่อเวลา แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้ จนต้องไปชี้ขาดด้วยการดวลจุดโทษ และเป็น เซบีย่า ที่แม่นกว่าเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 5-4 ทะลุผ่านเข้าสู่รอบรองฯ ไปพบกับ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค จากยูเครน แต่ก็ไม่มีทีมใดหยุดความแรงของ ทีมจากแดนกระทิงดุ ทีมนี้ได้จริงๆ ทำให้พวกเขาก้าวเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันได้สำเร็จ
ผลงานของ เซบีย่า
ตกรอบมาจาก ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยคว้าอันดับที่ 3 ของกลุ่มดี
รอบ 32 ทีมสุดท้าย
นัดแรก : ชนะ โมลด์ 3-0 (เหย้า)
นัดสอง : แพ้ โมลด์ 0-1 (เยือน)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
นัดแรก : เสมอ บาเซิ่ล 0-0 (เยือน)
นัดสอง : ชนะ บาเซิ่ล 3-0 (เหย้า)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
นัดแรก : ชนะ แอธ.บิลเบา 2-1 (เยือน)
นัดสอง : แพ้ แอธ.บิลเบา 1-2 (เหย้า)
* รวมสองนัดเสมอ 3-3, ต่อเวลาพิเศษ เสมอ 0-0, เซบีย่า ชนะจุดโทษ 5-4
รอบรองชนะเลิศ
นัดแรก : เสมอ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 2-2 (เยือน)
นัดสอง : ชนะ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 3-1 (เหย้า)
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอดทีมจากเกาะอังกฤษ หรือ "แชมป์เก่า" เซบีย่า ทีมแกร่งจากสเปน ใครจะก้าวถึงตำแหน่งแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2015-16 ไปครอง คืนนี้มาร่วมลุ้นและเชียร์ไปพร้อมกัน กับการถ่ายทอดสดทางช่อง True 4U ในเวลา 01.45 น. ที่แน่ๆคืนนี้จะมีทีมที่เสียสถิติเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกแน่นอน