สกู๊ป : "มูรินโญ่" คำตอบที่ "ผีแดง" ต้องเลือก!
ในที่สุดหนึ่งใน “ปริศนา” ที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกอยากรู้มากที่สุดว่า โจเซ่ มูรินโญ่ จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด จริงหรือไม่ก็คลี่คลายแล้ว เมื่อมีการเปิดเผยพร้อมๆกันจากสำนักข่าวทุกแห่งว่า The Special One คือคนที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่อจาก หลุยส์ ฟาน ฮาล
แม้ว่ากุนซือชาวดัตช์จะเพิ่งพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ - โทรฟี่ใบแรกของยูไนเต็ด นับตั้งแต่สิ้นยุคของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ตาม
เรื่องที่โหดร้ายคือข่าวดังกล่าวถูกเปิดเผยแทบจะทันทีหลังจากที่ ฟาน ฮาล เพิ่งจะพาทีมคว้าแชมป์ได้ และนำโทรฟี่ใบที่เก่าแก่ที่สุดในโลกมาตั้งวางตรงหน้าในการแถลงข่าวหลังจบเกม โดยที่ระหว่างการแถลงข่าวเขายังยืนยันที่จะไม่ขอพูดถึงเรื่องของ “อนาคต” ของตัวเองเหมือนเดิม
“ผมเอาถ้วยมาแสดงต่อหน้าพวกคุณ แต่ผมจะไม่คุยเรื่องอนาคตของผมกับเพื่อนๆสื่อเหล่านี้” ฟาน ฮาล กล่าว ก่อนจะประชดต่อว่า “พวกคุณบางคนก็ปลดผมจากตำแหน่งไปเรียบร้อยแล้วนี่”
“ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องของการจากลา ผมภูมิใจกับการที่ผมได้เป็นผู้จัดการทีมคนแรกต่อจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่คว้าแชมป์ให้ทีมได้ ผมได้ถ่ายภาพกับเซอร์อเล็กซ์ด้วย เพราะนี่คือประวัติศาสตร์”
ฟาน ฮาล ดูจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าข่าวลือเรื่องที่เขาจะถูกปลดจากตำแหน่งกระฉ่อนตลอดตั้งแต่ก่อนเกมกับ คริสตัล พาเลซ เรื่อยมาจนพีคสุดในช่วงหลังจบเกม
ต่อเรื่องนี้ ความจริงบอร์ดบริหารของยูไนเต็ด เองก็ไม่ได้ต้องการจะปลดฟาน ฮาล ออกแต่อย่างใดครับ
สิ่งที่ทำให้พวกเขา “ยื้อ” ทุกอย่างเอาไว้เป็นเพราะต้องการที่จะให้โอกาสกุนซือชาวดัตช์ได้ทำทีมไปครบสัญญา 3 ปีที่ทำไว้ และหลังจากนั้นมีแผนที่จะมอบตำแหน่งต่อให้แก่ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นกิ๊กส์ จะมีความพร้อมในการเป็นผู้จัดการทีมเองจากการที่มี “ครู” เป็นหนึ่งในปราชญ์ลูกหนังของโลก
ฟาน ฮาล เองทำท่าจะรั้งตำแหน่งเอาไว้ได้หลังจากที่ผลงานของทีมเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และพอมองเห็น “อนาคต” จากนักเตะรุ่นใหม่อย่าง อองโตนี มาร์กซิญาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจสซี่ ลินการ์ด ที่โดดเด่นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
แต่เมื่อความหวังในการไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ทำท่าจะหลุดลอย ทำให้ฝ่ายบริหารของยูไนเต็ด ตัดสินใจที่จะติดต่อกับ ฮอร์เก้ เมนเดส เพื่อสอบถามไปทางมูรินโญ่ ว่าสนใจที่จะรับงานหรือไม่ โดยการติดต่อเกิดขึ้นเมื่อช่วง “ปลายเมษา” ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการติดต่อกัน “อย่างเป็นทางการ” ครั้งแรก นับตั้งแต่มีกระแสข่าวพัวพันกันมากว่า 5 เดือน
ความจริงแล้วการเจรจามีขึ้นมานานหลายเดือนก่อนหน้านี้ โดยที่ความไม่ชัดเจนของยูไนเต็ด ซึ่งลังเลว่าจะปลด ฟาน ฮาล คนที่แม้จะไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล (ซึ่งเข้าใจได้) แต่เป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่เคารพอย่างยิ่งในหมู่ผู้บริหารระดับสูงของสโมสร และฝ่ายบริหารเองก็ต้องการจะให้เกียรติฟาน ฮาล ด้วยการทำงานเต็มที่จนครบสัญญา ท่าทีนี้ทำให้ มูรินโญ่ เองก็มี “เส้นตาย” ในใจอยู่เหมือนกัน
โดยหากทุกอย่างยังคลุมเครือไปจนเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน เขาจะไม่อดทนรออีกต่อไป เพราะยังมีอีกหลายทีมที่พร้อมจะดึงตัวเขาไป หนึ่งในนั้นคือ ปารีส แซงต์-แชร์แมง ที่ต้องการเขาเพื่อยกระดับทีมให้กลายเป็นมหาอำนาจตัวจริงของวงการฟุตบอลยุโรป
และแม้จะเคยเป็น “ลูกทีม” ของฟาน ฮาล เมื่อครั้งอยู่กับ บาร์เซโลน่า เมื่อช่วงปี 1997-2000 แต่ มูรินโญ่ ก็ไม่ได้ลังเลใจที่จะ “เสียบ” ตำแหน่งแทนแต่อย่างใด เพราะฟาน ฮาล เองก็เคยเสียบตำแหน่งของ เซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน ในคัมป์ นู ที่เพิ่งจะพาทีมคว้า โคปา เดล เรย์, ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อ 19 ปีก่อนเช่นกัน
อย่างไรก็ดีดูเหมือนทุกอย่างจะถูก “ลิขิต” เอาไว้หมดแล้ว ว่า “บ้าน” หลังต่อไปของ The Special One จะเป็นที่อื่นไม่ได้นอกจาก “โรงละครแห่งความฝัน”
เมื่อความปรารถนาชัดเจน การเจรจาจึงเกิดขึ้นและลุล่วงอย่างรวดเร็ว โดย มูรินโญ่ ยืนยันว่าเขาต้องการเริ่มงานให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ประเมินความสามารถของนักเตะในทีมและระบุเป้าหมายที่ต้องการในช่วงปิดฤดูกาลนี้ เพื่อให้พร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่
รวมถึงพร้อมสำหรับการต่อสู้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คู่แค้นเก่าจากในวันเวลาที่คุมทีม เรอัล มาดริด ในศึกใหญ่ฤดูกาลหน้า ซึ่งมูรินโญ่ มองว่าซิตี้ ได้เปรียบมากในเรื่องของ “เวลา” ในการทำงานที่มีการเตรียมงานล่วงหน้านานหลายเดือน
ทันทีที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ สัญญาณจากจอมอหังการไม่มีคำว่า “พัก” จะมีแต่คำว่า “ลุย”
สำหรับ ฟาน ฮาล ที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์มาได้ อาจเป็นเรื่องที่ดูโหดร้ายมาก เพราะแทบไม่มีเวลาได้อิ่มเอมกับความสุขที่พาทีมคว้าแชมป์แรก แต่อย่างน้อยที่สุดก็ถือว่าได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
ปัญหาของปราชญ์ลูกหนังชาวดัตช์คือการไม่ยอมปรับและเปลี่ยนแปลงสิ่งใดเลย ซึ่งวิธีการของเขาไม่เคยได้ผลกับแมนฯ ยูไนเต็ด เขาไม่สามารถซื้อใจลูกทีมได้ทั้งหมด และล้มเหลวในการรีดศักยภาพของนักเตะสตาร์ที่จ่ายเงินมหาศาลซื้อมาร่วมทีม
การตัดสินใจของฝ่ายบริหารยูไนเต็ด จึงเป็นเรื่องที่ “เข้าใจได้”
ทีมจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ให้ได้ในเร็ววัน ก่อนจะถูกทิ้งให้ตกขบวนของความสำเร็จ เหมือนที่ลิเวอร์พูล เคยประสบมาก่อนและยังไม่เคยกลับมา ณ จุดเดิมได้อีกเลย
มูรินโญ่ แม้จะมีสไตล์การทำทีมที่ “สวนทาง” กับสไตล์ของแมนฯ ยูไนเต็ด และเพิ่งจะบอบช้ำจากความล้มเหลวที่ไม่คาดฝันในทีมเชลซี แต่ใน “ตลาดกุนซือ” เวลานี้ ไม่มีตัวเลือกใดที่จะเพียบพร้อมเท่าเขาอีกแล้ว
นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ และเป็น “คำตอบ” ที่พวกเขาต้องเลือกก่อนในยามนี้
จะถูกหรือผิดเป็นเรื่องที่ค่อยมาดูกันในอนาคต