กลับมายืนที่เดิม

กลับมายืนที่เดิม

กลับมายืนที่เดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ค่ำคืนนี้ อีกหนึ่งทัวร์นาเม้นท์ลูกหนังสำคัญระดับชาติ ที่ได้รับการจับตามองจากทั่วพิภพลูกหนัง ก็ได้ฤกษ์รูดม่านเริ่มแข่งขันอย่างเป็นทางการที่ฝรั่งเศส

ฝรั่งเศส จัดเป็นชาติมหาอำนาจชาติหนึ่งในวงการฟุตบอลสร้างนักเตะระดับโลกมามากมายตั้งแต่ยุคของ “นโปเลียนลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่ มาจนถึงยุคของ ซีดาน ด้วยผลงานคว้าแชมป์ยุโรป 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลโลกอีก 1 สมัย โดยแชมป์ระดับ เมเจอร์ครั้งสุดท้ายคือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เมื่อปี 2000 หรือ 16 ปีที่แล้วพอดิบพอดี รวมๆผ่านทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ๆมาทั้งหมด 7 ครั้ง

 

ยุคปี 1998-2000 จัดเป็นยุคทองของฝรั่งเศส ที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับโลกล้นทีมไปหมด ไล่เรียงได้ตั้งแต่ผู้รักษาประตูอย่าง ฟาเบียง บาร์กเตซ แนวรับอย่าง มาร์กแซล เดอไซญี่ ลิลิยิง ตูราม หรือ โลร็องต์ บล็องก์ กรปรกับเหล่ากองกลางชั้นเซียนอย่าง ปั๊ตทริก วิเอร่า โรแบร์ ปีแรส หรือ ยอดศิลปินลูกหนังอย่าง ซีดาน เมื่อรวมกับกองหน้าระดับเซียน เทียรี่ อองรี และยอดตัวจบสกอร์อย่าง ดาวิด เทรเซเกต์ ฝรั่งเศสยุคนั้น เป็นที่ครั้นคร้ามไปทั่วแผ่งดิน ไม่ต่างไปจากช่วงยุคทองของสเปนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

หากแต่นั้นเป็นเพียงอดีต… เมื่อผลงานของทีม “ตราไก่” ไม่ไฉไลมานานแล้วโดยเฉพาะเรื่องงามหน้าเมื่อคราฟุตบอลโลกที่บราซิล ที่มีปัญหากันถึงขั้น “แคมป์แตก” ขายขี้หน้าประชาคมโลกชนิดที่ว่า “FFF” หรือสมาพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส ต้องออกมาล้างบางกันเลยทีเดียว นักเตะหลายๆคนก็เรียกได้ว่าหมดอนาคตกับทีมชาติไปเลยนับแต่นั้น

 

ฟุตบอลยุโรปรอบนี้ เป็นโอกาสอันดีของเหล่า “เลอ เบลอส์” ที่จะกลับมากอบกู้ชื่อเสียง ไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง เมื่อได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้พอดิบพอดี ซึ่งจากความสำเร็จทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา 2 ใน 3 เป็นการเล่นในบ้านของตัวเองในฟุตบอลยูโรปี 1984 และฟุตบอลโลกปี 1998

 

จากนายทวารอย่าง ฟาเบียง บาร์กเตซ สู่หนึ่งในยอดนายประตูแห่งยุคอย่าง ฮูโก้ ยอริส

จากยอดแนวรับอย่าง มาร์กแซล เดอไซญี่ สู่หนึ่งในกองหลังที่สถิติดีที่สุดในพรีเมียร์ลีคอย่าง โลล็องก์ กอสเซียนี่

จากจอมทัพในตำนานอย่าง ซีดาน สู่หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกอย่าง พอล ป๊อกบา

จากดาวยิงฝีเท้าจัดอย่าง อองรี สู่….ดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง มาร์กซิยาล(พอไปวัดไปวาละกัน เพราะตัวโหดอย่าง คาริม เบนเซม่าไม่ได้ไป)

 

คืนนี้ฝรั่งเศส จะลงเล่นเกมส์เปิดสนามที่ สต๊าด เดอ ฟร็องซ์ สนามเดียวกับที่ ฝรั่งเศส เริ่มตำนานยุคทองด้วยแชมป์ฟุตบอลโลกปี 98 คงไม่มีเวลาไหนที่จะเหมาะกว่านี้สำหรับเหล่าขุนพล “ตราไก่” ที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

 

ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้น…อีกไม่นานคงได้รู้กัน

 

เรื่องโดย " Kobig "

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook