สกู๊ป : "เติร์ก vs โครแอต" การต่อสู้ของอันดับสามที่ดีที่สุด...

และแล้วก็เป็นคิวของการเปิดสนามของกลุ่มอีบ้าง โดยในคู่แรกอาจจะไม่ใช่คู่ที่ดีที่สุดของกลุ่ม แต่อาจจะเป็นคู่ที่สนุกที่สุดในกลุ่มก็เป็นได้

ตุรกีในฐานะอันดับสามของฟุตบอลโลกปี 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้เป็นเจ้าภาพร่วม กับ โครเอเชีย ทีได้อันดับสามเช่นกัน ในศึกฟุตบอลโลกที่ย้อนไป 4 ในรายการ ฟรองค์ 98

ตุรกีในปี 2002 ไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นม้ามืดของรายการ แต่เพราะการจับสลากแบ่งกลุ่มที่ค่อนข้างโชคดี ได้มาอยู่กับ บราซิล, คอสตาริกา และ จีน

ทีมแรกนั้นไม่มีใครสู้ได้อยู่แล้ว แต่สองทีมสุดท้าย ก็สู้ตุรกีไม่ได้เช่นกัน ทำให้ “ไก่ง่วง” เข้ารอบน็อกเอาท์ ในฐานะอันดับที่สองของกลุ่มตามคาด

เรื่องเฮงๆมีโชคเข้าข้าง ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะญี่ปุ่นดันได้อันดับ 1 ของกลุ่มเอช ซึ่งตุรกี ในฐานะรองแชมป์กลุ่มต้องโคจรไปเจอ ทีแรกคิดว่าจะหนักหนาสาหัส เพราะคู่แข่งพ่วงดีกรีคำว่าเจ้าภาพไปด้วย แต่พอลงสนามไปแล้ว บอลเอเชียก็คือบอลเอเชียวันยันค่ำ ตุรกีดูดีกว่าทุกรูปแบบ จึงเบียดชนะได้ไป 1-0 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

รอบควอเตอร์ไฟนัล นี้เอง ที่เป็นชิงกันของคำว่าม้ามืด เพราะเซเนกัล ที่หลุดเข้ามาได้ ก็เป็นม้านอกสายตาที่ไม่มีใครเชื่อจะมาถึง 1 ใน 8 ทีมที่เหลือของรายการได้ แต่สุดท้ายตุรกี ที่มี เชนอล กูเนส คุมทีมก็เอาชนะคู่แข่งเข้ารอบรองชนะเลิศได้

การโคจรมาเจอบราซิลอีกหน ในรอบน็อกเอาท์ ไม่ได้ทำให้ ตุรกี เกรงกลัวสตาร์ดังๆอีกแล้ว เพราะถึงนาทีนี้ รุสตู เรคเบอร์ และ ฮาคาน ซูเคอร์ ต่างได้รับการจับตามองเป็นพิเศษว่ามีดีไม่แพ้แข้งแซมบ้า

 

อย่างไรก็ตามในแมตช์ดังกล่าว ตุรกี ทำได้สูสี หากไม่โดนการเล่นละครของริวัลโด้ ที่ทำให้ผู้เล่นตุรกีต้องโดนใบแดง ส่งผลให้แพ้ไปในที่สุด โดยไปชิงที่สามแทน

การชิงทองแดงครั้งนี้ มีเกาหลีใต้เจ้าภาพร่วมเป็นคู่ต่อกร ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างวีรกรรมค้านสายตาคนดูมาทั้งโลกนับตั้งแต่ชนะ อิตาลี และ สเปนในรอบก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้ผู้ตัดสินไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว วัดศักยภาพกันตรงๆ ตุรกีชั่วโมงนั้น คมกว่าทุกอณู ชนะไปได้ 3-2 คว้าอันดับที่สามในมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกไปครอง

ทางด้านโครเอเชีย ดีกรีความสำเร็จในปี 1998 ก็กระฉ่อนโลกไม่เบา โดยการจับสลากมาอยู่กลุ่มเดียวกับ อาร์เจนตินา, จาไมกา และ ญี่ปุ่น

 

แน่นอนว่าศักยภาพพวกเขาเป็นรองหรืออาจจะสูสีอาร์เจนตินาเพียงทีมเดียว นอกนั้น ขุนพลโครแอต เหนือกว่า ทั้ง เร็กเก้บอยส์ และ นักเตะเลือดซามูไร

พอเข้ารอบสองเจอโรมาเนีย เอาชนะมาได้ ก็ยังไม่ถือว่าเซอร์ไพรส์มากนัก กับการหลุดมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เพียงแต่เกมต่อไปต้องเจอกับ เยอรมัน คู่แข่งที่สื่อมองว่า โครเอเชีย ไม่น่าจะผ่านได้

แต่ประทานโทษ พอลงไปในสนามทุกอย่างกลับตาลปัตร ผลการแข่งขันออกมา คือโครเอเชีย ชนะ 3-0 ทำให้ทุกฝ่ายเริ่มจับตามากขึ้นแล้ว

เพราะถึงตอนนี้พวกเขาคือม้ามืดเต็มตัว ในเมื่อรอบรองชนะเลิศ เหลือเพียง บราซิล, ฮอลแลนด์, ฝรั่งเศส และพวกเขาเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ฝรั่งเศส ในฟร้องซ์ 98 จัดเป็นชุดที่ดีที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอล โดยโครเอเชีย ที่มี มิโรสลาฟ บลาเซวิช คุมทัพไม่อาจต้านทานได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งเกมรุกที่สามารถยิงประตูได้เช่นกัน โดย ดาวอร์ ซูเคอร์ ดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์

การได้มาชิงที่สามกับฮอลแลนด์ ก็ยังถือว่าพวกเขาเป็นรองอยู่ดี เพียงแต่ว่า ณ ตอนนั้น กับผลงานที่ผ่านๆมา พวกเขาไม่จับเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้ว จึงคว้าที่สามไปครองได้สำเร็จ

จากสองเหตุการณ์ดังกล่าวในเวิลด์คัพจนมาถึงตอนนี้ ก็เกือบ 20 ปีมาแล้ว ทั้งโค้ชทั้งนักเตะในชุดดังกล่าวก็เลิกไปกันหมด เหลือแต่เพียงประวัติศาสตร์ ที่จารึกพวกเขาไว้ทั้งนั้น

แต่ใช่ว่าประวัติศาสตร์จะเขียนทับของเดิมไม่ได้ เพราะดูศักยภาพ ทั้ง ตุรกี และ โครเอเชีย ในชุดปัจจุบัน ก็คลับคล้ายคลับคลากับชุดที่ประสบความสำเร็จ

อย่างโครเอเชีย ปี 98 มีโรเบิร์ต โปรซิเน็คกี้, ซโวนิเมียร์ โบบัน และ ซโวนิเมียร์ ซอลโด้ นำทัพที่กลางสนาม มองดูขุมกำลังตอนนี้ ก็มี โมดริช, ราคิติช และ เปริซิช ที่สามารถเทียบเคียงได้

ในขณะที่ ตุรกี มี ยิลดิราย บาสเติร์ก และ ตูกาย เคริโมกลู ทำเกม ทุกวันนี้มอง อาร์ด้า ตูราน และ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ก็มีดีกรีไม่แพ้กัน

เกมนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มของคำว่า “ม้ามืด” ที่ซ้ำรอยอีกได้อีกครั้ง เพียงแต่เปลี่ยนรายการจากระดับโลกมาเป็นระดับทวีปเท่านั้น

แต่ศักยภาพทีมรวมๆแล้ว โครเอเชีย ดูเหนือกว่า ตุรกี อยู่เล็กน้อย และเรื่องของภูมิศาสตร์ ที่น่าจะเอามาเกี่ยวข้องได้ว่า มันเข้าทางขุนพลโครแอตมากกว่า

ก็ตรงที่ปี 1998 ที่โครเอเชีย เป็นม้ามืด แล้วคว้าอันดับสามได้สำเร็จ มันจัด ณ ประเทศเดียวกันกับการแข่งขันยูโร 2016 ที่กำลังจะลงสนามในคืนนี้นั่นเอง