ผู้ดีมีศึก “รอบด้าน”

ผู้ดีมีศึก “รอบด้าน”

ผู้ดีมีศึก “รอบด้าน”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่น่าเชื่อนะครับว่า “ฟุตบอล” กำลังถูกมอง และทำให้รู้สึกว่า “เรา” กำลังกลับสู่โลกยุคเก่าไร้การพัฒนาอีกครั้งผ่าน “บริบท” ฟุตบอลยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส

และก็แน่นอนเหมือน “พล็อตหนัง” ชั้นเลิศ 1 เรื่องที่ตัวแสดงนำถูกเลือกให้เป็นทีมชาติ “อังกฤษ”

ครับ ยูโรหนนี้ มีข่าวแฟนบอลผู้ดีตีกัน และสร้างปัญหาไม่ว่าจะระหว่างเจ้าหน้าที่ และคนท้องถิ่นติด ๆ กันมา 3 วันตั้งแต่ก่อนเกม อังกฤษ – รัสเซีย วันที่ 12 มิ.ย.แล้ว

อย่างไรก็ดี “อุณหภูมิ” ความร้อนแรงท่ามกลางบรรยากาศฤดูซัมเมอร์ยุโรปได้มาปะทุขึ้นก่อนเกมคู่ดังกล่าวโดยกลุ่มแฟนบอลผู้ดี และรัสเซีย ที่ตามรายงาน “ภาษาอังกฤษ” จากสื่อผู้ดีส่วนใหญ่แจ้งว่า มีประมาณ 200 คนที่เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีเพื่อ “หาเรื่อง” โดยเฉพาะ

การ “จลาจล” ก่อนแมตช์ที่มาร์กเซย์ ถูกวิจารณ์ว่า ตำรวจฝรั่งเศส และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “พลาด” ที่ไม่ได้จับกุมตัวผู้ผิดโดยเฉพาะจากจำนวนฮาร์ดคอร์ รัสเซีย 200 คนดังกล่าว

และน่าจะมีผลส่งต่อให้ “หลังเกม” ที่เสมอกัน คนกลุ่มดังกล่าวสามารถ “ทำซ้ำ” ข้ามไปปะทะกับแฟนบอลผู้ดีใน สต๊าด เวโลโดรม ในเซคชั่นที่นั่งกองเชียร์สิงโตคำรามได้อีก


จนเกิดภาพไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง ณ ค.ศ.2016 ที่ฟุตบอลควรจะ “ปลอดภัย” และปราศจากคำว่า “ฮูลิแกน” ที่ผมเชื่อว่า คนรุ่นใหม่ที่เกิดตั้งแต่ยุค 90s เป็นต้นมาคงไม่คุ้นแล้ว

แต่ใครเกิดในยุค 60s – 80s รับรองได้ว่า จะได้ยินคำ ๆ นี้บ่อย ๆ และด้วยความที่เราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 บางทีก็เลยแอบเหมาไปเหมือนกันว่า “ฮูลิแกน” ต้องคู่กับฟุตบอลอังกฤษ

ทั้งที่หลายชาติในโลก หากไปศึกษาดูแล้วจะพบว่า มีหมดครับ จะมากน้อย หรือ “เติบโต” ไปโชว์พาวเวอร์ได้แค่ไหน? อย่างไร? ในเวทีฟุตบอลระดับนานาชาติเท่านั้นเอง

เอาเป็นว่า ณ จุดที่ผมปั่นงานชิ้นนี้อยู่วันจันทร์ที่ 13 มิ.ย. ความแน่นอนประการหนึ่งต่อเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกันเต็มข้อระหว่าง กองเชียร์ผู้ดี และรัสเซีย ปรากฎออกมาว่า:

“ยูฟ่า” เตือนแล้ว ต้องไม่มีครั้งที่ 2 จากทั้งอังกฤษ และรัสเซีย หาไม่แล้วจะโดนอับเปหิออกจากทัวร์นาเมนท์

ขณะที่ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) และกัปตันทีมชาติ เวย์น รูนีย์ ก็ได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ “ขอร้อง” ให้แฟนบอลประพฤติตัวอย่างดีนับจากนี้เป็นต้นไป

พร้อมกับ “ร้องขอ” ไม่ให้แฟนบอลผู้ดีที่ไม่มี “ตั๋วบอล” ไม่ต้องเดินทางไปเมืองลองส์ในวันพฤหัสฯที่อังกฤษจะเจอกับเวลส์


หรือสำคัญกว่านั้นคือ ไม่ต้องไปเมืองลีลล์ 1 วันก่อนหน้าที่รัสเซีย จะเจอกับสโลวาเกีย เพราะไม่ได้เกี่ยวกัน (เพื่อไป “เอาคืน”!?)

โดยถึงขณะนี้ รายงานระบุว่า มีผู้ได้บาดเจ็บชนิดมี “บาดแผล” ทั้งหมด 35 คนนับจากทัวร์นาเมนท์ “ยูโร 2016” ได้เริ่มต้นขึ้น

และมีแฟนบอลอังกฤษถึง 6 คนยังคงพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลในเมืองมาร์กเซย์หลังเหตุปะทะกับแฟนบอลหมีขาว

ดังนั้น “การต่อสู้” ทั้งกับตัวเอง และแฟนบอลคู่แข่งขันของทีมชาติอังกฤษชุดลุยยูโรหนนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ

เพราะในมุมคนผู้ดีเอง พวกเค้า “ยอมรับ” และประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้วว่า ให้แฟนบอลตัวเอง “ควบคุม” ความประพฤติให้ได้โดยต้องไม่ดื่มจัด, ไม่ยั่วยุ, ไม่เสียงดัง ฯลฯ ในฐานะแขกบ้านแขกเมืองที่ดี



แต่ขณะเดียวกันมันก็อดไม่ได้ที่พวกเค้าจะมองว่า จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ รัสเซีย หรือคนท้องถิ่นฝรั่งเศสเหมือนจะ “เริ่มก่อน”

เฉพาะอย่างยิ่ง รัสเซีย ที่รัฐบาลรัสเซีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังดูเหมือนไม่ทำอะไร ในเวลาที่อังกฤษเองเสนอตัวเข้าช่วยเหลือฝรั่งเศสอย่างเต็มที่

ขณะที่ทางการฝรั่งเศสเองก็แสดงความรู้สึกในเชิงว่า อยากจะห่วงแค่ “ผู้ก่อการร้าย” และระวังภัยในระดับนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่น ระเบิดปารีสเมื่อหลายเดือนก่อน

แต่กลับต้องมาเสียเวลา และกำลังพลไปกับการรักษาความสงบแฟนบอล


ตัดกลับมาที่เรื่อง “ในสนาม” อังกฤษ จัดว่า มีศึกใหญ่โดยแท้หลังเกมที่ทำได้แค่เสมอ 1-1 กับรัสเซีย

เพราะเสียงวิจารณ์ และความกดดันเริ่มจะหนักขึ้น และ “ขุดแคะ” กันแทบทุกประเด็นตั้งแต่สากเบือ เช่น ทำไม แฮร์รี เคน ซึ่งเป็นกองหน้าต้องไปทำหน้าที่ “เตะมุม”

ไปจนถึงการ “จัดตัว”, ระบบการเล่น, การเปลี่ยนตัว ฯลฯ และฯลฯ ถึงปัญหาแฟนบอลตีกันตามข้างต้น

ยิ่งคู่แข่งนัดถัดไป เวลส์ ดันทำผลงานเกมแรกปราบสโลวาเกีย 2-1 ได้ยอดเยี่ยม

การต่อสู้ของ รอย ฮอดจ์สัน และลูกทีมจึงดูหนักกว่าที่ควรจะเป็นเสมือนเจอ “ศึกรอบด้าน” เลยครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook