สกู๊ป "10 ที่สุดของ นัดแรก กลุ่ม ดี"

เด่นที่สุด - ลูก้า โมดริช

นอกจากจะคุมเกมได้หมดจดแล้ว ยังยิงประตูได้อีก ทั้งๆที่เกมนี้ เขายืนต่ำมาก ต่ำกว่า อิวาน ราคิติช, โบรโซวิช และ เปริซิช เสียอีก แต่การเติมมาฮาล์ฟวอลเลย์จังหวะเดียว และน่าจะเป็นประตูที่สวยงาม 1-3 ของนัดเปิดสนาม เทียบเคียงประตูของ แกเร็ธ เบล ได้เลย

แย่ที่สุด – อาร์ด้า ตูราน

มีโอกาสยิงตีเสมอให้ทีมได้ แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย ยังไม่นับผลงานในเกม ที่หากไม่นับจังหวะนั้น ก็แทบหายไปเลย จังหวะดวล 1 ต่อ 1 ที่ควรเอาชนะคู่แข่งได้ก็ไม่ผ่าน ดาริโอ เซอร์น่า เลย และในที่สุดก็อยู่ไม่ครบ 90 นาที ถูกเปลี่ยนตัวออกไปจนได้

แก่ที่สุด- อาริตซ์ อาดูริซ

เกือบจะไม่ได้สัมผัสฟลอร์หญ้าแล้ว แต่สเปนเองก็เจาะประตูไม่ได้สักที ทำให้บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ต้องเรียกให้ถอดเสื้อวอร์ม แล้วส่งลงไปในสนาม

นั่นทำให้เขาแซง ดาริโอ เซอร์น่า ที่ได้ลงสนามหนึ่งวันก่อนหน้านั้น ในวัย 34 ปี ส่วน ดาวยิงจากแคว้นบาสก์ อายุ 35 ปี กับ อีก 4 เดือน มากที่สุดในกลุ่มนี้

เด็กที่สุด – เอ็มเร่ มอร์

นี่ก็เป็นอีกคนที่เกือบจะไม่ได้ลงสนาม แต่เผอิญว่าแนวรุกตุรกี นัดกันเล่นห่วยทั้งหมด ทำให้วาที่แนวรุกดอร์ทมุนด์ ในวัย 18 ปีได้โอกาสลงมาแทน เชงค์ โทซุน

โดยในสนามวันนั้น หาก มอร์ ไม่ได้โอกาส โอซาน ตูฟาน แผงกลางของไกงวง ที่ได้เป็นตัวจริง จะกลายเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด ตามด้วย ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ที่ อายุ 21 และ 22 ตามลำดับ

สากกะเบือที่สุด – มาร์เซโล่ โบรโซวิช

ในความเป็นจริงนั้นเขาไม่ได้เล่นแย่อะไร เพราะช่วยทีมทั้งรุกและรับอยู่ตลอดเวลา แต่ในด้านตัวเลขแล้วถือว่าน่าผิดหวังไม่น้อย

เพราะโอกาสยิงทั้งเกม คือ 6 ครั้ง มากกว่าผู้เล่นคนไหนในกลุ่มดี แต่ไม่สามารถส่งชื่อตัวเองขึ้นสกอร์บอร์ดได้เลย โดยที่ใกล้เคียงที่สุด ก็คือการโดนเทคโนโลยีฮอว์คอายส์ ปฏิเสธประตู เพราะลูกยังไม่ข้ามเส้น

คมที่สุด – โมดริช , ปิเก้

เชื่อหรือไม่ว่าตลอด 90 นาทีทั้งเกม ลูก้า โมดริช กับ เคราร์ด ปิเก้ ได้โอกาสยิงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งมันก็เพียงพอจะทำให้ความพยายามนั้น กลายเป็นประตู

ขณะที่ กองหน้าของทีมอย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช หรือ อัลบาโร่ โมราต้า เอง มีโอกาสยิงรวมกัน 8 ครั้ง แต่เข้ากรอบรวมกันเพียง 3 หน ไม่แน่เกมน่าอาจจะได้เห็น เพลย์เมคเกอร์ของเรอัล มาดริด และ เซ็นเตอร์ของบาร์ซ่า ถูกขยับมาเล่นสูง แทนพ่อสากกะเบือทั้งหลาย

เหนียวที่สุด – ปีเตอร์ เช็ก

เซฟสวยๆ ได้ 5 หนทั้งจากการยิง ของ โมราต้า 2 หน โนลิโต้ 1 หน อินิเอสต้า 1 หน และ โดนเพื่อนสกัดบอลผิดเหลี่ยมอีกหนึ่งหน แม้จะเสียหนึ่งประตู แต่โดยรวมก็ยังดีกว่า ดาวิด เด เกอา ที่เซฟแบบเข้าตากรรมการได้เพียงสองหน หนึ่งในนั่นคือในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ที่ปัดลูกยิงของ ดาริด้า ได้

บาบาคาน ของตุรกี จะว่าเหนียวก็ไม่เชิง เขาเซฟได้ 6 จังหวะในเกมซึ่งมากกว่า เช็ก แต่ 2 ใน 6 นั้นคานต่างหาก ที่เป็นผู้ปฏิเสธประตูของโครเอเชีย

โหดที่สุด – ตุรกี
ในขณะที่ทีมอื่นๆ เสียกันเพียงทีมละหนึ่งใบเหลือง เช่น เช็ก และ โครเอเชีย ส่วน สเปน นั้นถือว่าเล่นได้ขาวสะอาดเทียบเคียง เวลส์ และเยอรมัน คือยังไม่เสียใบเหลืองให้คู่แข่งแต่พี่ตุรกี แค่เพียงเกมแรกก็จัดไปแล้ว 3 ใบเหลือง จาก 3 คน เทียบเท่า แอลเบเนีย ที่เสีย 1 ใบเหลือง กับ 1 เหลืองแดง

เตะมุมเยอะที่สุด – สเปน

14 ครั้งของสเปน มากกว่าทุกทีมในนัดเปิดสนามแล้ว ขณะที่คู่แข่งอย่าง เช็กได้ไปเพียง 2 หนเท่านั้น แต่ถึงจะเตะมุมเยอะ พวกเขาโยนเข้าไปจริงๆ ก็โดนโหม่งสกัดได้ทั้งหมด

ส่วนประตูที่ได้มานั้น หาใช่ลูกคอร์เนอร์ไม่ เนื่องจากอินิเอสต้า เก็บตกจากคู่แข่ง ถึงโยนเข้าไป

อยู่กับบอลมากที่สุด – เซร์คิโอ รามอส

ลูก้า โมดริช สัมผัสมบอลถึง 90 ครั้งในเกมแรก นั่นก็ถือว่ามากพอตัวแล้ว แต่พอสเปนลงสนาม อันเดรส อินิเอสต้า ทำได้ถึง 108 ครั้ง ถ้านั้นยังไม่มาพอ ก็ต้องยกให้ เซร์คิโอ รามอส แล้วหละ

ตลอดทั้งเกม รามอส สัมผัสบอล 110 ครั้ง เหตุผลก็เพราะว่า เมื่อใดก็ตามที่สเปน ได้เซตเกมจากหน้าประตูตัวเอง พวกเขาไมได้เปิดบอลเหมือนทีมอื่นๆ เมื่อบอลค่อยๆ ลำเลียงไปนั้น เซ็นเตอร์จากเรอัล จึงสัมผัสบอลแทบทุกครั้ง