สกู๊ป : "อิตาลีดีงาม"

สกู๊ป : "อิตาลีดีงาม"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทีมชาติเบลเยียมที่ใครก็ยกให้เป็นหนึ่งในทีมเต็ง เพราะอุดมไปด้วยนักเตะทักษะเชิงรุกล้ำเลิศ วันนี้คงจะได้บทเรียนจากอัซซูรี่ไปครับว่าฟุตบอลเขาเล่นกันเป็นทีมมากกว่าเน้นไปที่ความสามารถเฉพาะตัว

เป็นการเปิดตัวที่อลังการงานสร้าง ไม่มีอะไรจะเริ่ดไปกว่านี้แล้วครับ อิตาลีที่ใครก็หาว่าเป็นอิตาลีที่แย่ที่สุดตั้งแต่เกิดมา ลบคำสบประมาทด้วยการเอาชนะเบลเยียมทีมอันดับสองของแรงกิ้งฟีฟ่าได้อย่างเด็ดขาด เกมนี้ถ้าเล่นกันบนหน้ากระดาษ อาซาร์ และเดอ บรอยน์ คงจะโชว์กันสนุก ทว่าในสังเวียนที่สต๊าด เดอ ลียง เมื่อคืนวันจันทร์เป็นคนละเรื่องครับ แนวรับอัซซูรี่ช่างแข็งแกร่งช่วยกันหยุดเกมรุกของปิศาจแดงยุโรปได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะครึ่งแรก

นักเตะ BBC (บาร์ซายี่, โบนุชชี่ และคิเอลลินี่) ถ้าชำแระทีละตัว คงจะห่างชั้นจากกองหลังระดับตำนานอย่างเนสต้า, มัลดินี่ หรือคันนาวาโร่

ทว่า 3 ตัวรวมกันแล้วเป็นงานหินเลยสำหรับเกมรุกของเบลเยียม ทำเอาเกมรุกเบลเยียมติดๆ ขัดๆ ไปไม่ได้อย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะลูคาคู ที่โดนพัวพันจนทำอะไรไม่ถนัด ขณะที่อาซาร์ก็ได้แค่ครองบอลอยู่พื้นที่ห่างไกลจากอันตรายสำหรับอิตาลี

ใครที่ดูคลิปทรรศนะของจิอันลูก้า วิอัลลี่ ที่มาเป็นแขกรับเชิญให้ Match of the Day ของบีบีซี ที่มีแกรี่ ลินิเกอร์ เป็นพิธีกรคงจะได้ยินประโยคเด็ดที่อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลียกคำพูดของอริสโตเติล ที่บอกว่า “The whole is greater than the sum of its parts.” ทำเอาอองรี ที่มาร่วมเป็นแขกด้วยชอบอกชอบใจคำคมนี้มาก

ทีมชาติอิตาลี ช่างตรงกับคำคมนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ชาวกรีกเมื่อก่อนคริสตกาลว่าไว้ไม่มีผิด อิตาลี ถ้าแยกแต่ละส่วนจากกัน อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่มารวมเป็นทีมแล้ว ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ดูดีกว่าเวลามองแบบแยกส่วน

เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ถ้ามีแต่ลำต้น ไม่มีดอก ไม่มีใบ ดูให้ตายยังไงก็ไม่สวย เหมือนนาฬิกา เอาแต่ละส่วนถอดออกมาวางเป็นชิ้นๆ ดูยังไงก็ไม่ดี แถมใช้งานไม่ด้วย แต่ลองเอามาประกอบเป็นชิ้นเดียวกันแล้วสวยงาม แถมใช้งานได้อีกต่างหาก

เปรียบเป็นนาฬิกา อิตาลีเมื่อคืนก็ต้องเป็นนาฬิกาสวิสที่มีระดับ ที่สำคัญคือทำงานได้อย่างสอดคล้อง เคมีเข้ากันดีเหลือเกิน

เป็นแมตช์ที่ดีที่สุดของอิตาลีในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้ และคงจะทำให้ใครๆ กลับมามองอัซซูรี่กันใหม่ แม้อาจจะยังเป็นเต็ง 6 อยู่ในสายตาของสำนักพนันถูกกฎหมาย แต่ฟอร์มการเล่นเมื่อคืนวันจันทร์ ถ้าเป็นเต็ง 6 ก็คงจะเป็นเต็ง 6 ที่น่ากลัวที่สุดๆ

ทั้งหมดนี้มาจากการทำงานเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม แล้วก็การวางหมากที่เฉียบขาดของอันโตนิโอ คอนเต้ ที่เหมือนจะรู้ไต๋ว่าเบลเยียมจะมาเน้นเจาะตรงกลาง ไม่ใช่เดี๋ยวตรงกลางเดี๋ยวริมเส้น ที่คงจะทำให้อิตาลีปวดหัวมากทีเดียวถ้าทำแบบนี้

เช่นกันครับ ระหว่างรายการของ BBC ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังแมนฯ ยูไนเต็ด พูดถึงแท็กติกเกมรุกของเบลเยียมว่า เล่นทางเดียวทำให้อิตาลีรับได้แบบไม่ต้องพะวงว่าจะโดนเบลเยียมบุกมาทางด้านข้างที่เขาบอกว่า เบลเยียมบุกมาตรงกลาง ก็คือบุกมาให้กองหลังอิตาลีเห็นตรงหน้า แบบนี้สบาย ในทางกลับกันหากเล่นมาทางริมเส้นบ้างตรงกลางบ้าง เฟอร์ดินานด์บอกว่า แบบนี้ทำให้กองหลังสองจิตสองใจไม่รู้ว่าคู่แข่งจะมาทางไหน

จิอันลูก้า วิอัลลี่ ยังเสริมด้วยในทำนองที่ว่าเบลเยียมเล่นแบบนี้ กองหลังอิตาลีบอกว่าให้ตั้งรับทั้งวันก็ไม่กลัว เพราะเป็นอะไรที่ชอบมาก มันเป็นอะไรที่อยู่ในดีเอ็นเอพวกเขา

อาจจะเป็นความอ่อนด้อยในแง่ของแท็กติกของเบลเยียม ที่มองว่านักเตะอย่างอาซาร์, เดอ บรอยน์ ให้ได้บอลเยอะๆ ปล่อยให้พวกเขาเล่นอย่างอิสระยังไงก็ทำประตูได้แน่ ทว่าวันนี้นอกจากจะไม่อิสระเท่าไหร่แล้ว ยังโดนอิตาลีโต้แต่ละดอกได้อย่างน่ากลัว ครึ่งแรกหากดูจากโอกาสงามๆ ที่มีแล้ว โดยเฉพาะลูกโหม่งของเปลเล่เหน่งๆ อิตาลีน่าจะนำแล้ว 2-0

ถึงจะเป็นฝ่ายที่ตั้งรับมากกว่า แต่อิตาลีของคอนเต้ก็ไม่ใช่ประเภทตีหัวเข้าบ้าน ได้ลูกแรกแล้วถอยไปรับลึกและรอโดนแบบเมื่อ 2 ปีที่แล้วในฟุตบอลโลก 2014 แต่เป็นอิตาลีที่ขึ้นมาดันสูงในแดนของเบลเยียม แม้ในช่วงที่พวกเขานำแล้ว 1-0 จากการยิงของจัคเครินี่

เป็นแท็กติกที่แม้แต่อองรียังบอกว่าช็อก ไม่คิดว่าอิตาลีจะเปลี่ยนยุทธวิธีในเกมรุก ที่มากันหมดไม่ว่าจะแถวสองอย่างกองกลาง และตัววิงแบ็ก

แล้วก็เป็นความผิดพลาดของเบลเยียมด้วยที่เอาแต่เคาะบอลสั้น ไม่ฉวยโอกาสเล่นลูกยาววางบอลข้ามหลังแบ็กอัซซูรี่ที่ดันสูง จากภาพนิ่งที่ BBC ตัดมาให้ดูจะเห็นว่าระหว่างเปลเล่ที่อยู่หน้าสุด กับกองหลังอิตาลีที่อยู่ตรงกลางสนามนั้นห่างกันแค่ 22 เมตร พื้นที่ด้านหลังสามปราการหลังอิตาลีเรียกได้ว่ามีเป็นไร่ แต่นักเตะปิศาจแดงของวิลม็อตส์เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นกันสั้นๆ

อิตาลีเกมนี้ได้ประตูขึ้นนำนาที 32 จากจังหวะที่โบนุชชี่ ยืมทักษะปีร์โล่ วางบอลยาวมาให้จัคเครินี่ที่วิ่งตัดกองหลังเบลเยียม จับจังหวะแรกด้วยซ้าย และยิงด้วยขวาสวนตัวกูร์กตัวเข้าไปอย่างสวยงาม หมดครึ่งแรกอิตาลีนำไปก่อน 1-0

มาครึ่งหลังแท็กติกดันสูงของคอนเต้ เผยให้เห็นจุดตายเช่นกัน หากดันสูงแล้วเสียบอลเหมือนที่เกิดขึ้นนาที 53 ที่ดาร์เมี่ยนทำพลาดให้เบลเยียมโต้กลับ บอลหลุดมาถึงลูคาคู ที่ได้ล่อเป้าบุฟฟ่อนที่ปราดมาปิดมุมสุดชีวิต โชคเป็นของอิตาลีที่ลูคาคูวันนี้เล่นไม่เอาถ่านยิงหลุดกรอบประตูออกไปอย่างน่าหวาดเสียว
เล่นเอาบุฟฟ่อนโวยดาร์เมี่ยนเป็นการใหญ่ ก่อนที่คอนเต้จะเปลี่ยนตัวดาร์เมี่ยนออก และส่งเดชิโย่ลงไปแทน

ทีมปิศาจแดงบุกหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ส่งเมอร์เท่นส์มาแทนนาอิงโกลัน พวกเขาเกือบจะได้ประตูตีเสมอจากการโหม่งของโอริกี้ ที่ข้ามคานออกไปอย่างน่าหวาดเสียว ขณะที่อิตาลี มีจังหวะสวยๆ ที่จะบวกลูกสองอยู่สองสามหนในจังหวะสวนกลับ ก่อนจะมาได้ประตูที่สองปิดเกมจนได้ในช่วงทดเจ็บจากการยิงอย่างสวยงามของเปลเล่ (คานเดรว่าแอสซิสต์)

จบเกมอิตาลีชุดไร้สตาร์ ทีมที่ใครก็หาว่าแย่นู่นนี่นั่น ออกตัวได้อย่างสวยงามในยูโร 2016 จากการชนะทีมเต็งอย่างเบลเยียม 2-0 สร้างความมั่นใจก่อนจะเจอสวีเดนในนัดหน้า ที่แฟนๆ หวังว่าอิตาลีจะไม่หลงระเริงเหมือนตอนชนะอังกฤษในฟุตบอลโลก 2 ปีที่แล้ว ก่อนจะมาเหลวแหลกสองนัดถัดมา

บทเรียนก็มีอยู่ให้เห็นไม่ใกล้ไม่ไกล เชื่อว่าคอนเต้คงไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นแน่ ถ้ายังทำได้แบบนี้อีกในนัดต่อๆ ไป อิตาลีไร้สตาร์ชุดนี้ อาจจะเดินตามรอยอิตาลี 2006 ก็เป็นได้ แบบนี้คงจะได้ลุ้นกันสนุกครับ

-- -- -- -- --
อิตาลี 2-0 เบลเยียม
ประตู: จัคเครินี่ 32, เปลเล่ 90+2
อิตาลี (3-5-2); บุฟฟ่อน 6.5; บาร์ซายี่ 7, โบนุชชี่ 8, คิเอลลินี่ 7.5; คานเดรว่า 7, ปาโรโล่ 6.5, เดรอสซี่ 6 (ติอาโก้ ม็อตต้า 78/6.5), จัคเครินี่ 7.5, ดาร์เมี่ยน 5.5 (เดชิโย่ 58/7); เปลเล่ 7, เอแดร์ 6 (อิมโมบิเล่ 75/6.5)
โค้ช: คอนเต้
เบลเยียม (4-2-3-1): กูร์กตัวส์ 7; ซิม็อง 6.5 (คาร์รัสโก้ 75/ไม่มี), อัลเดอร์ไวเรลด์ 5.5, แฟร์มาเล่น 6, แฟร์ท็องเก้น 6; นาอิงโกลัน 6 (เมอร์เท่นส์ 62/5.5), วิทเซล 5.5; เดอ บรอยน์ 6, เฟลไลนี่ 5, อาซาร์ 6.5; โรเมลู ลูคาคู 5 (โอริกี้ 82/ไม่มี)
โค้ช: วิลม็อตส์
กรรมการ: แคล็ตเท่นเบิร์ก 6.5
ใบเหลือง: ม็อตต้า, โบนุชชี่, เอแดร์, คิเอลลินี่, แฟร์ท็องเก้น

-- -- -- -- --

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook