ทีมยอดเยี่ยม ยูโร 2016 นัดสอง
จริงๆ แล้ว ทีมยอดเยี่ยมนัดที่สอง ควรจะได้ปล่อยให้ผู้อ่านได้ทัศนาทันที่หลังเกมจบคู่โปรตุเกส เสมอกับ ออสเตรีย
ทว่าด้วยหน้ากระดาษที่ไม่เป็นใจ พื้นที่ที่ได้รับมอบหมายไม่มากพอที่จะอธิบายรายละเอียดความยอดเยี่ยมของทั้ง 11 คน
เลยต้องยกยอดมาลงในวันนี้แทน ทว่าเรายังคัดด้วยข้อมูล ด้วยสายตาที่ผ่านการดูเกมทุกนัดโดยละเอียด
และนี่คือทีมยอดเยี่ยมประจำ ยูโร 2016 รอบแบ่งกลุ่มนัดที่สอง ซึ่งจะตรงใจ หรือ ขัดใจ ต้องไปเสพดูกันครับ
ผู้รักษาประตู
โรเบิร์ต อัลเมอร์ (ออสเตรีย)
โปรตุเกส และ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กลายเป็นทีมปั้นประตูไปเสียแล้ว เกมก่อนยิงเป็นชุดให้ ฮันเนส ธอร์ ฮัลล์ดอร์สสัน โชว์เซฟอุตลุต
เกมนี้ก็ไม่ต่างกัน อัลเมอร์ โกล์ออสเตรีย ก็ดูเหนียวขึ้นมาทันตา หลังโชว์ฟอร์มเยี่ยมเซฟได้มากถึง 6 ครั้ง แถมยังมีดวงที่ไม่เสียจุดโทษอีกด้วย
กองหลัง
โธมัส มูนิเยร์ (เบลเยี่ยม)
การที่ เบลเยี่ยม สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อย่างถูกเวลา สิ่งที่แตกต่างจากเกมแรกก็คือพวกเขามี มูนิเยร์ ลงมาประจำการทางแบ็กขวา
ดาวเตะวัย 24 ปี เล่นเกมรับได้ดีตามหน้าที่ ขณะที่เกมรุกก็ขึ้นผสานกับ เควิน เดอ บรอยน์ ได้อย่างลงตัว ก่อนจะมี 1 แอสซิสต์ให้ อักเซล วิตเซล โขกเข้าประตูไป
เจโรม บัวเต็ง (เยอรมัน)
พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนกลายเป็นตัวหลักที่ขาดไม่ได้ของทีมชาติเยอรมัน ไปเสียแล้วสำหรับกองหลังผิวสีอย่าง เจโรม บัวเต็ง
เกมนี้เจ้าตัวเล่นเกมรับได้ดี ประกบติด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เพื่อนร่วมทีมบาเยิร์น ของ โปลแลนด์ จนกระดิกไม่ออก รางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ น่าจะการันตีความยอดเยี่ยมได้มากพอ
แกเร็ธ แม็คออลี่ย์ (ไอร์แลนด์เหนือ)
เป็นผลการแข่งขันที่เซอร์ไพรส์แฟนบอลทั่วโลกแบบสุดๆ เมื่อทีมรองบ่อนอย่าง ไอร์แลนด์เหนือ สามารถพลิกชนะ ยูเครน ไปได้ 2-0
คนที่ควรได้รับเครดิตที่สุดก็คือหนีไม่พ้น แม็คออลี่ย์ ที่เล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และที่สำคัญเป็นคนโหม่งประตูปลดล็อกให้ทีมขึ้นนำ
ปาทริช เอฟร่า (ฝรั่งเศส)
หลังมีส่วนเต็มๆ ที่ทำให้ทีมเสียจุดโทษให้กับ โรมาเนีย ในเกมแรก เอฟร่า ถือว่ายกระดับการเล่นของตัวเองได้อย่างโดดเด่นในเกมนี้
เล่นด้วยความรัดกุม ไม่มีลูกโฉ่งฉ่าง เกมรับทำได้อย่างแน่นหนา โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่ชิงเล่นได้ก่อนถึง 9 ครั้ง มากกว่าใครๆ ในเกมนัด 2
กองกลาง
ดิมิทรี ปาเยต (ฝรั่งเศส)
เป็นอีกนัดที่กว่า ฝรั่งเศส จะเก็บ 3 คะแนนมาได้ ต้องบอกว่าอึดอัดมากๆ เพราะ แอลเบเนีย มาเล่นเกมรับลึก ยากแก้การเจาะทำประตู
ทว่าฟอร์มของ ปาเยต ก็ยังทำได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง เจ้าตัวมุ่งมั่นสร้างสรรค์เกมแบบไม่ย่อท้อ เกมนี้ส่งให้เพื่อนลุ้นประตูไปถึง 6 ครั้ง แม้ไม่มีแอสซิสต์ แต่ก็มายิงประตูย้ำชัยในช่วงทดเจ็บได้
มาเร็ค อัมซิก (สโลวาเกีย)
กองกลางวัย 28 ปี แสดงให้เห็นว่าเขามีความสำคัญและเป็นหัวใจในแนวรุกของทีมชาติสโลวาเกีย อย่างแท้จริง
เวลาบอลอยู่ที่เท้า อัมซิก ถือว่าอันตรายเสมอ ประตูแรกก็เป็นเขาที่วางบอลยาวให้ วลาดิเมียร์ ไวสส์ หลุดไปยิง ก่อนจะมาซัดลูกยิงระดับโลกเองในเม็ดที่สอง
อิวาน ราคิติช (โครเอเชีย)
แม้ โครเอเชีย จะเจอกับผลการแข่งขันสุดช็อก หลังนำ เช็ก ไปก่อนถึง 2-0 ทว่ามาแผ่วปลายโดนตีเสมอในช่วงทดเจ็บอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตามหากวัดผลงานรายบุคคล ราคิติช ถือว่าเล่นได้ดีมากๆ มีส่วนกับเกมรุกของ "ตราหมากรุก" โดยตลอด เกมนี้นอกจากยิง 1 ประตู เขายังสร้างโอกาสให้เพื่อนได้ถึง 5 ครั้ง
โนลิโต้ (สเปน)
ไม่แปลกใจแต่อย่างใด ว่าทำไม โนลิโต้ ถึงเป็นหนึ่งในนักเตะเนื้อหอมประจำซัมเมอร์นี้ และดีพอที่เบียดขึ้นมาเป็นตัวจริวในนามทีมชาติสเปน
ปีกจาก เซลต้า บีโก้ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท เห็นถึงคลาสที่เหนือชั้น เกมนี้จัดการ 1 ประตู 1 แอสซิสต์ ช่วยให้ สเปน ตีตั๋วสู่รอบ 16 ทีม
กองหน้า
อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน)
หลังจากทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในเกมแรกกับ เช็ก ทว่า บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ก็ยังไว้ใจ โมราต้า ให้เป็นหน้าเป้าของทีมต่อไป
ซึ่งกองหน้าของ ยูเวนตุส ก็ไม่ทำให้ทีมและแฟนๆ ต้องผิดหวัง เรียกฟอร์มเก่งเหมา 2 ประตูพาทีมถล่ม ตุรกี ไปอย่างง่ายดาย
โรเมลู ลูคาคู (เบลเยี่ยม)
เป็นอีกคนที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักกับผลงานที่ไม่เอาอ่าวในเกมนัดแรก หลังเล่นไม่ออกเมื่อต้องเจอกับความแกร่งขั้นเทพของอิตาลี
ทว่า ไอร์แลนด์ ไม่ใช่แบบนั้น เกมนี้เหมือน ลูคาคู เจองานที่คุ้นเคย กองหลังอย่าง จอห์น โอเช และ คีแรน คลาร์ก เจอกันบ่อยใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งเจ้าตัวก็หลอนทั้งคู่ด้วยการเบิ้ล 2 ประตู