Euro 2016 : The story of Quarter-Finals

Euro 2016 : The story of Quarter-Finals

Euro 2016 : The story of Quarter-Finals
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศึกยูโร 2016 เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลานี้เหลือ 4 ทีมที่ยังอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์ คือ โปรตุเกส, เวลส์, เยอรมัน และ ฝรั่งเศส

ผลประกบคู่ในรอบรองชนะเลิศถือว่าน่าสนใจ เมื่อ โปรตุเกส ซึ่งยังไม่ชนะใครเลยในช่วงเวลา 90 นาที ของทัวร์นาเมนต์ จะลงเผชิญหน้ากับ เวลส์ หนึ่งในม้ามืดที่มี แกเร็ธ เบล นำทัพ

ส่วนสายล่างเป็นการโคจรมาพบกันของสองเต็งแชมป์อย่าง เยอรมัน กับเจ้าภาพ ฝรั่งเศส ซึ่งใครสามารถเก็บชัยชนะในนัดนี้ได้ มีโอกาสสองที่จะทะลุไปถึงแชมป์

ฉบับนี้กระผมจึงขอนำท่านผู้อ่านมาทัศนาเกี่ยวกับความพร้อมของ 4 อรหันต์ ในด่านสุดท้ายก่อนถึงบัลลังก์แชมป์ ใครยังมีปัญหาให้ปวดหัว ใครอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม เชิญตามเสพไปพร้อมกันขอรับ

โปรตุเกส : เกมรับที่เริ่มลงตัว

ทัวร์นาเมนต์ แฟร์นานโด ซานโต๊ส นำโปรตุเกส ลงสนามไปแล้ว 5 นัด แม้ยิงได้ 6 ประตู แต่แนวรับก็เสียไปถึง 5 ลูก มากสุดในบรรดาทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

ในรอบแบ่งกลุ่ม ซานโต๊ส เชื่อมั่นกับการวาง วิเอรินญ่า, เปเป้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, ราฟาเอล เกร์เรโร่ ลงสนามร่วมกันในแผงแบ็ก ผลที่ออกมาคือทีมโดนส่องไปถึง 4 ประตู โดยเฉพาะเกมกับฮังการี ที่โดนทะลวงถึง 3 เม็ด

อย่างไรก็ตาม ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และควอเตอร์ไฟนอล ซานโต๊ส เริ่มค้นพบระบบที่ลงตัวในแผงแนวรับ เมื่อส่ง โจเซ่ ฟอนเต้ กับ เซดริก โซอาเรส มาประสานงานร่วมกับ เปเป้ และ เกร์เรโร่

ผลที่ออกมาคือพวกเขาเสียเพิ่มแค่ลูกเดียว จากผลงานของโรเบิร์ เลวานดอฟสกี้ ในเกมเฉือนชนะจุดโทษโปแลนด์ หลังเสมอกันในเวลา 1-1

ในขณะที่แนวรุกยังไม่อาจพึ่งพายอดดาวยิงอย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ หรือ หลุยส์ นานี่ และ ริคาร์ดด้ กวาเรสม่า ได้มากอย่างที่ควรจะเป็น

การประสานรอยร้าวในแนวรับคงพอทำให้ ซานโต๊ส โล่งใจไปอีกเปราะหนึ่ง ก่อนหน้าปะทะแข้งกับ เวลส์ หนึ่งในทีมที่เล่นเกมรุกได้ดุดันที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ แม้ยังต้องรอทดสอบความฟิต เปเป้ ก็ตาม

เวลส์ : ขาดแรมซี่ย์ มังกรแดงขาดใจ?

เวลส์ ม้ามืดตัวจริงของทัวร์นาเมนต์นี้ ทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งตลอด 5 เกมที่ผ่านมา โดยเฉพาะแมตช์ล่าสุดที่พลิกแซงชนะเบลเยียม 3-

ด้วยทีมสปิริตอันยอดเยี่ยม ขุนพล “มังกรแดง” ของคริส โคลแมน แสดงให้เห็นแล้วว่าตอนนี้พวกเขาพร้อมต่อกรกับทุกทีม และเริ่มฝันถึงการเป็นแชมป์ยูโร 2016 กันแล้ว

หลังปลดแอกกลายเป็นหนึ่งเดียวจากสหราชอาณาจักรที่เหลือรอดในทัวร์นาเมนต์นี้ เวลส์ ได้รับการคาดหมายว่าจะสู้กับโปรตุเกส ได้อย่างไม่เป็นรอง โดยเฉพาะการปะทะกันระหว่างสองเพื่อนร่วมทัพเรอัล มาดริด อย่าง แกเร็ธ เบล และ คริสติอาโน่ โรนัลโด้

อย่างไรก็ตาม โคลแมน มีปัญหาให้ปวดหัวก่อนหน้าเกมที่ปาร์ก โอลิมปิก ลียง เมื่อจะขาดหัวใจสำคัญในแดนกลางอย่าง อารอน แรมซี่ย์ รวมถึงวิงแบ็กฝั่งซ้ายอย่าง เบน เดวี่ส์

โดยเฉพาะในรายของแรมซี่ย์ ทัวร์นาเมนต์สวมบทควบคุมการเล่นของเวลส์ ได้อย่างโดดเด่น ผลงาน 4 แอสซิสต์ กับอีก 1 ประตู สามารถบ่งบอกถึงความสำคัญของมิดฟิลด์อาร์เซนอล ได้เป็นอย่างดี

งานนี้จึงต้องรอดูว่า โคลแมน จะแก้ปัญหายามไร้เงา แรมซี่ย์ ที่ติดโทษแบนอย่างไร ใครจะได้รับโอกาสลงมาทำหน้าที่แทน และสามารถอดช่องว่างที่หายไปได้มากน้อยเพียงใด

เยอรมัน : เลิฟ กับอินทรีพิการ

เยอรมัน ทำผลงานตลอด 5 นัดที่ผ่านมา สมราคาเต็งแชมป์ เมื่อพวกเขาครอบครองแบบเบ็ดเสร็จทุกเกม และเพิ่งเสียไปแค่ประตูเดียวให้อิตาลี

อย่างไรก็ตาม ชัยชนะเหนือการดวลจุดโทษอิตาลี แม้ เยอรมัน จะโชคดีที่เอาตัวรอดมาได้ แต่ก็ต้องสังเวยผู้เล่นตัวหลักไปถึง 4 ราย ก่อนลงสนามทำศึกรอบรองชนะเลิศ

ซามี เคดิร่า กับ มาริโอ โกเมซ คือสองผู้เล่นที่โบกมือลาทัวร์นาเมนต์นี้แน่นอนแล้ว หลังมีปัญหาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อจากเกมชนะอิตาลี

ส่วนในรายของ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ปราการหลังตัวเก่งก็สะสมใบเหลืองครบโควตา ติดโทษพักแข้งในเกมสำคัญ รวมไปถึงแข้งจอมเก๋าอย่าง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ที่แว่วว่าไม่สมบูรณ์พอลงสนามเจอฝรั่งเศส

ไม่นับรวมอาการอ่อนล้าของผู้เล่นอีกหลายต่อหลายรายที่กรำศึกหนัก 120 นาที กับอิตาลี กลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของเลิฟ ว่าจะเลือกใครลงสนามเป็น 11 ตัวจริง ที่สต๊าด เวโลโดรม

ฝรั่งเศส : การกลับมาของเหล่าสตาร์ดัง

เจ้าภาพ ฝรั่งเศส อาจเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยฟอร์มกระท่อนกระแท่น หลายต่อหลายเกมที่พวกเขาตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้คู่แข่งไปก่อน หรือแม้กระทั่งได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

คำถามมากมายประดังเข้าหานายใหญ่อย่าง ดิดิเยร์ เดส์ช็องป์ส ถึงฟอร์มการเล่นที่ทำเอาแฟนบอลอกสั่นขวัญแขวน รวมไปถึงผลงานส่วนตัวของสตาร์ดังอย่าง ปอล ป็อกบา, อ็องตวน กรีซมันน์ หรือ แบลส มาตุยดี้ ที่ยังไม่เข้าตา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข็มนาฬิกาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปตามกาลเวลา ฝรั่งเศส เริ่มพิสูจน์ให้เห็นถึงฟอร์มการเล่นที่แท้จริง และคู่คสรต่อการได้ยกย่องเป็นเต็งหนึ่ง

เช่นเดียวกับฟอร์มการเล่นของเหล่าสตาร์เด่นที่เริ่มลงล็อกลงตัวมากขึ้น กรีซมันน์ กลับมาฉายแสงเต็มตัวในเกมเบียดชนะไอร์แลนด์ 2-1 เมื่อรับเหมาคนเดียวทั้งสองตุง

ไม่ต่างกับในรายของ ป็อกบา และ มาตุยดี้ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมไล่ถล่มม้ามืด ไอซ์แลนด์ 5-2 โดยเฉพาะ ป็อกบา ที่เบิกสกอร์แรกในยูโร 2016 ได้ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเรียกความมั่นใจกลับมาได้เยอะ

เท่านั้นไม่พอ เดส์ช็องป์ส ยังจะได้สองผู้เล่นกำลังสำคัญอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ อาดิล รามี่ กลับคืนสู่ทีม เรียกได้ว่าสภาพทีมสมบูรณ์พร้อมกว่าใครเพื่อน

ในขณะที่ โยกี้ เลิฟ กุนซือเยอรมัน ต้องปวดหัวกับการสรรหาผู้เล่น 11 ตัวจริง ในรอบรองชนะเลิศ เดส์ช็องป์ส เองก็ดูจะปวดเช่นกันว่าจะเลือกใครลงสนาม เพราะทุกคนสามารถตอบสนองต่อแท็กติกได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook